อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
เอเดรีย อาโจน่า (Adria Arjona): ประวัติดาวรุ่งสาวสวยพุ่งแรง ลูกสาวซุปตาร์ลาติน สู่บทบาทสุดปังใน Andor และ Hit Man
หากคุณเป็นคอหนังและซีรีส์ในช่วง 2-3 ปีมานี้ คุณจะต้องเคยเห็นใบหน้าสวยคมและฝีมือการแสดงอันน่าทึ่งของ เอเดรีย อาโจน่า (Adria Arjona) ผ่านตามาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นบทช่างเครื่องสุดแกร่งในจักรวาล Star Wars, นักวิทยาศาสตร์สาวในหนังซูเปอร์ฮีโร่, หรือสาวสวยสุดอันตรายในหนังนักฆ่าสุดกวน เธอคือดาวรุ่งหญิงที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งของวงการในขณะนี้แต่นอกเหนือจากผลงานที่น่าประทับใจ คุณรู้หรือไม่ว่าเธอมีเบื้องหลังชีวิตที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ Movie24HD จะพาคุณไปรู้จักกับเธอให้มากขึ้นเอเดรีย อาโจน่า เกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน 1992 ที่ประเทศเปอร์โตริโก และเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนใคร พ่อของเธอคือ ริคาร์โด อาโจน่า (Ricardo Arjona) นักร้อง-นักแต่งเพลงระดับตำนานและเป็นซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของลาตินอเมริกา!
เติบโตบนเส้นทางสายดนตรี: ชีวิตลูกสาวซูเปอร์สตาร์
ชีวิตในวัยเด็กของเอเดรียคือการเดินทาง เธอใช้ชีวิตแบบ “โบฮีเมียน” เดินทางไปกับทัวร์คอนเสิร์ตของคุณพ่อทั่วทั้งอเมริกาใต้และสหรัฐอเมริกา การได้สัมผัสกับศิลปะ, วัฒนธรรม, และผู้คนที่หลากหลายตั้งแต่เด็ก ได้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนที่มีมุมมองกว้างไกลและปรับตัวได้อย่างยอดเยี่ยม
เมื่ออายุ 18 ปี เธอตัดสินใจมุ่งหน้าสู่นิวยอร์กเพื่อไล่ตามความฝันในการเป็นนักแสดงอย่างจริงจัง และได้เข้าศึกษาที่สถาบันการแสดงชื่อดังอย่าง Lee Strasberg Theatre and Film Institute เพื่อขัดเกลาฝีมือของตัวเอง
ก้าวสู่แสงสปอตไลท์: บทบาทที่ทำให้โลกได้รู้จัก
ด้วยความสามารถและเสน่ห์เฉพาะตัว เอเดรีย อาโจน่า ก็เริ่มได้รับบทบาทที่น่าสนใจและค่อยๆ สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว
Emerald City (2017): เธอได้รับบทนำเต็มตัวครั้งแรกในบท “โดโรธี เกล” จากซีรีส์แฟนตาซีที่ดัดแปลงเรื่องราวของ The Wizard of Oz ในเวอร์ชั่นที่ดาร์กและทันสมัยขึ้น
Pacific Rim: Uprising (2018): ก้าวสู่โลกของหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ในบท “จูลส์ เรเยส” วิศวกรสาวสุดแกร่ง
Good Omens (2019): ขโมยใจแฟนๆ ทั่วโลกในบท “อนาธีมา ดีไวซ์” แม่มดสาวผู้สืบทอดคำทำนาย ในซีรีส์แฟนตาซี-คอมเมดี้สุดฮิตจากปลายปากกาของ นีล ไกแมน
Morbius (2022): รับบทนางเอก “ดร. มาร์ทีน แบนครอฟต์” ประกบคู่กับ จาเรด เลโท ในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จากจักรวาล Spider-Man ของ Sony
Andor (2022-ปัจจุบัน): บทบาทที่ตอกย้ำฝีมือการแสดงของเธออย่างแท้จริง! การรับบทเป็น “บิกซ์ คาลีน” ช่างเครื่องและคนกลางในตลาดมืดแห่งดาวเฟอร์ริกซ์ ในซีรีส์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของจักรวาล Star Wars การแสดงที่ลึกซึ้งและสมจริงของเธอในเรื่องนี้ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างท่วมท้น
Hit Man (2023): ผลงานล่าสุดที่เธอได้โชว์เสน่ห์และความตลกได้อย่างสมบูรณ์แบบในบท “เมดิสัน” ประกบคู่กับ เกลน พาวล์ ในหนังแอ็คชั่น-คอมเมดี้ที่ได้รับคะแนนวิจารณ์สูงลิ่ว
สัมผัสความเก่งและแกร่งของเธอใน Andor ได้แล้วที่ Movie24HD (สมมติลิงก์ไปยังหน้าซีรีส์)
เสน่ห์และความสามารถที่หลากหลาย
เอเดรีย อาโจน่า คือนักแสดงยุคใหม่ที่ครบเครื่อง เธอสามารถรับบทบาทได้หลากหลายแนว ตั้งแต่แอ็คชั่นไซไฟฟอร์มยักษ์, แฟนตาซีลึกลับ, ดราม่าเข้มข้น, ไปจนถึงคอมเมดี้สุดน่ารัก ทำให้เธอเป็นนักแสดงที่ผู้กำกับแถวหน้าต้องการตัวมาร่วมงานด้วยมากที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: พ่อของ เอเดรีย อาโจน่า คือใคร?
A: พ่อของเธอคือ ริคาร์โด อาโจน่า (Ricardo Arjona) ซึ่งเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงระดับตำนานชาวกัวเตมาลา และเป็นซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังอย่างมากในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาค่ะ
Q: เธอเล่นเป็นใครในจักรวาล Star Wars?
A: เธอรับบทเป็น บิกซ์ คาลีน (Bix Caleen) ช่างเครื่องสาวสุดแกร่งและเพื่อนของตัวเอกในซีรีส์เรื่อง Andor ค่ะ
Q: ผลงานเรื่องไหนที่เธอแสดงคู่กับ เกลน พาวล์ (Glen Powell)?
A: ภาพยนตร์แอ็คชั่น-คอมเมดี้ที่ได้รับคำชมอย่างสูงเรื่อง Hit Man (2023) ค่ะ
Q: เธอเป็นคนสัญชาติอะไร?
A: เธอเกิดที่เปอร์โตริโก มีเชื้อสายเปอร์โตริโกและกัวเตมาลา และถือสัญชาติอเมริกันค่ะ
Q: ฉันจะดูหนังและซีรีส์ของเธอได้ที่ไหน?
A: แน่นอนว่าต้องที่ Movie24HD! เรามีผลงานเด่นๆ ของเธอให้คุณได้รับชมมากมาย ตั้งแต่ Pacific Rim: Uprising, Morbius และเรื่องอื่นๆ อีกเพียบ!
เอเดรีย อาโจน่า คือดาวรุ่งที่กำลังส่องแสงจ้าที่สุดในฮอลลีวูด ด้วยความสวย ความสามารถ และความมุ่งมั่น ทำให้เชื่อได้เลยว่าในอนาคตเราจะได้เห็นผลงานที่ยอดเยี่ยมจากเธออีกมากมาย อย่าลืมติดตามและให้กำลังใจนักแสดงสาวคนนี้ได้ที่ https://www.movie24hd.com/ นะคะ!
ผลงานภาพยนตร์
Morbius (2022) มอร์เบียส ฮีโร่พันธุ์อสูร
ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศกรีซ ไมเคิล มอร์เบียสวัย 10 ขวบต้อนรับลูเซียน น้องชายบุญธรรมของเขา ซึ่งเขาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นไมโล ทั้งสองผูกพันกันด้วยโรคทางเลือดที่เหมือนกันและปรารถนาที่จะเป็น “คนปกติ” เมื่อเห็นศักยภาพของไมเคิล พ่อบุญธรรมและผู้อำนวยการโรงพยาบาลนิโคลัสจึงจัดการให้ไมเคิลเข้าเรียนแพทย์ในนิวยอร์ก ขณะที่เขาทุ่มเทให้กับการดูแลไมโล 25 ปีต่อมา ไมเคิลปฏิเสธรางวัลโนเบล ต่อหน้าสาธารณชน สำหรับผลงานของเขาเกี่ยวกับเลือดเทียมเพื่อนร่วมงานของเขามาร์ติน แบนครอฟต์ค้นพบว่าเขาแอบจับค้างคาวแวมไพร์ หลายสิบตัว จากคอสตาริกาโดยหวังว่าจะผสมยีนของค้างคาวกับยีนของตัวเองเพื่อรักษาอาการป่วยของเขา ไมเคิลได้รับเงินทุนจากไมโลเพื่อจัดหาอุปกรณ์ให้กับเรือรับจ้างส่วนตัวในน่านน้ำสากลในขณะที่การรักษาได้ผล ไมเคิลก็เปลี่ยนให้กลายเป็นแวมไพร์ที่ฆ่าและดูดเลือดลูกเรือหลังจากที่ลูกเรือโจมตีเขาด้วยความกลัว เมื่อความกระหายเลือดของเขาลดลงและเขากลับมามีสติอีกครั้ง ไมเคิลซึ่งตกใจกลัวจึงลบ ภาพ กล้องวงจรปิด ทั้งหมด ของการทดลองของเขาออกก่อนที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่และกระโดดลงน้ำ
ไมเคิลกลับมายังนิวยอร์กและพบว่าตอนนี้เขามีพละกำลัง ความเร็ว และเสียงสะท้อนที่เหนือมนุษย์โดยที่ค้างคาวแวมไพร์ของเขาปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นพวกเดียวกัน เพื่อควบคุมความกระหายเลือดของเขา เขาจึงดำรงชีวิตอยู่ด้วยเลือดเทียมในขณะที่มันค่อยๆ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้อีกต่อไป เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ไซมอน สตรูดและอัล โรดริเกซ สืบสวนเหยื่อของไมเคิลและสรุปความเกี่ยวข้องของเขา ไมโลได้รู้ว่าไมเคิลหายจากอาการป่วยแล้ว แต่กลับโกรธมากเมื่อไมเคิลปฏิเสธที่จะรักษาเขาเช่นกัน ในขณะที่กำลังตรวจสอบมาร์ตินที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไมเคิลพบพยาบาลที่เสียชีวิตซึ่งถูกดูดเลือดไปแล้ว เนื่องจากเชื่อว่าเขาเป็นผู้รับผิดชอบ เขาจึงพยายามหลบหนีก่อนที่จะถูกสตรูดจับกุม ในคุก ไมโลมาเยี่ยมเขาและตระหนักว่าไมโลรับการรักษาของเขาและฆ่าพยาบาลคนนั้น ไมเคิลจึงหลบหนีไปเผชิญหน้ากับเขา ไมโลที่ไม่สำนึกผิดเร่งเร้าให้ไมเคิลยอมรับพลังของเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำ ไมเคิลไม่ต้องการทำร้ายพี่ชาย จึงหนีไป