Baaghi (2016) สัญญารักเสือร้าย

นักแสดง

Tiger Shroff

Shraddha Kapoor

Sudheer Babu

ผู้กำกับ : Sabbir Khan

รีวิว

อำเภอใจ อินเดีย ทราเวล

#อาทิตย์บันเทิง No:33

#Baaghi (2016) & #Tiger #Shroff

ถ้าประเทศไทยมี “จา พนม”

ที่อินเดียก็มี “ไทเกอร์ ชรอฟฟ์” (Tiger Shroff)

ถ้าประเทศไทยมี “ต้มยำกุ้ง”ที่อินเดียก็มี “Baaghi”

ทว่าพล็อตใน Baaghi พระเอกไม่ได้ตามหาช้าง (😄 ) แต่ตามหาแฟนสาวที่ถูกลักพาตัวไป เซ็ทแอคชั่นยังเทียบชั้นเชิงของ “ต้มยำกุ้ง” ไม่ได้ แต่ Baaghi ได้ส่งเสริมซุปตาร์อนาคตสดใสคนใหม่ ชื่อ “ไทเกอร์ ชรอฟฟ์”

ถ้าจะดู Baaghi คุณควรมีเวลาว่างจริงๆ เพราะทั้งบทและแอ็คชั่นของหนังอยู่ในระดับ “ไร้เหตุผล แต่พอดูได้” นอกจากองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ อย่างโลเคชั่นสวย (ถ่ายทำใน รัฐเคราล่า – Kerala และครึ่งหลังถ่ายทำในประเทศไทย) เพลงประกอบเพราะมาก และ นางเอก (ชัฎฎา คาร์ปูร์ – sharddha Karpoor) โคตรน่ารักมากกแล้ว สิ่งเดียวในหนัง Baaghi ที่ควรค่าแก่การพูดถึงคือ ไทเกอร์ ชรอฟฟ์ ! 😊
ไทเกอร์ เปิดตัวในวงการบอลลีวู๊ดครั้งแรกด้วยหนังรักปนแอ็กชั่น เรื่อง Heropati (ใน NetFlix ก็มีให้ดูนะ) แล้วมาดังระเบิดอีกครั้งกับ Baaghi แบบเล่นเอง บู๊เองไม่ใช้สตั้นท์ (ปีที่แล้ว Baaghi 2 ออกฉายและกวาดเงินไปถล่มทะลายในอินเดียด้วย) ไทเกอร์เติบโตในครอบครัวนักแสดง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนักแสดงชื่อดัง Jackie Shroff และ Ayesha Dutt แม่ผู้เป็นโปรดิวเซอร์
ไม่ใช่พื้นฐานดีอย่างเดียว ความสามารถพ่อเจ้าพระคุณก็มากล้น ไทเกอร์เป็นทั้งนักกีฬาเทควันโด้ สายดำดั้งที่ 5 แถมยังเป็นนักเต้นเท้าไฟไร้กระดูกอีกด้วย เรียกว่าแข็งได้ อ่อนก็ได้ ร่างกายยืดหยุ่น และฟิตมาก! แถมหน้าตาก็ไม่เลว ผมหยักศก เวลาฉีกยิ้มกว้างดูเขินๆ อายๆ น่ารักดี ด้วยอายุเพียง 29 ในปีนี้ ไทเกอร์ยังไปได้อีกไกล เพราะในรุ่นนี้ เวลานี้ไม่มีพระเอกคนไหนในบอลลวู๊ดที่ทั้งบู๊ได้ แอ็คชั่นได้ และเต้นพริ้วไหวเท้าไฟได้อย่างไทเกอร์ ชรอฟฟ์แล้วล่ะ…

ปีนี้น่าจะเป็นปีทองของหนุ่มคนนี้ เห็นว่ากำลังถ่ายหนังอยู่ ปีนี้น่าจะมีหนังออกมาให้ดูกันอย่างน้อย 2 เรื่อง!! สู้ๆ นะพ่อหนุ่ม! ป้าๆ เอาใจช่วย 🤣🤣

niaz_islam

5/10

ก็โอเคนะ
ขออธิบายเรื่องคะแนนก่อนนะ ให้คะแนนหนัง 3 ดาว แต่ให้ Shraddha เพิ่มอีก 1 ดาว (เพราะดูน่ารักเกินไปในหนังเรื่องนี้) และ Tiger เพิ่มอีก 1 ดาว (เพราะทำงานหนักตลอดทั้งเรื่อง)

เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าบทหนังจะเต็มไปด้วยจุดอ่อนในเนื้อเรื่อง แต่ฉันมีข้อตำหนิอย่างหนึ่งที่กวนใจฉันมากที่สุด นั่นก็คือ หนังเรื่องนี้ควรจะเป็นหนังแอคชั่น แต่ฉากแอคชั่นกลับไม่สมจริงราวกับว่าคนร้ายกำลังรอที่จะโดนอัด ฉันรู้ว่าฉากแอคชั่นนั้นแสดงโดยนักแสดงที่มีความสามารถเอง แต่เพื่อให้เป็นเช่นนั้น ฉากเหล่านั้นจึงไม่มีจังหวะเลย ดูเหมือนว่ามีคนหยุดคนร้ายและนักแสดงก็เตะได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีจังหวะ ไม่มีการเร่งรีบ ไม่มีการดำเนินเรื่องเลย ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถสนุกกับฉากแอคชั่นได้เลย

และฉันจะไม่ลงลึกถึงจุดอ่อนในบทหนัง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็จะใช้เวลานานหลายชั่วโมง

สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เล่นเพลินๆ ไม่ใช่หนังที่ต้องดู