ดูหนัง Brightburn (2019) เด็กพลังอสูร
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กจากอีกโลกหนึ่งตกลงมายังโลก แต่แทนที่เขาจะกลายเป็นฮีโรของมนุษยชาติ เขากลับกลายเป็นอะไรที่สยดสยองมากกว่านั้น หลังจากที่ประสบปัญหายุ่งยากเรื่องการมีลูก ความฝันในการเป็นแม่คนของโทรี่ เบรเยอร์ (อลิซาเบธ แบงค์) ก็กลายเป็นจริงด้วยการมาถึงของเด็กทารกเพศชายผู้ลึกลับ แบรนดอนดูเหมือนจะเป็นทุกสิ่งที่โทรี่และไคล์ (เดวิด เดนแมน) สามีของเธอต้องการ เขาทั้งฉลาด มีพรสวรรค์และสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่เมื่อแบรนดอน (แจ็คสัน เอ. ดันน์) กำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ความมืดมนที่ทรงพลังก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในตัวเขาและโทรี่ก็เริ่มเคลือบแคลงสงสัยในตัวลูกชายของเธอ เมื่อแบรนดอนเริ่มทำตามแรงกระตุ้นที่บิดเบี้ยวของเขา ผู้ที่ใกล้ชิดกับเขาก็พบตัวเองตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง เมื่อเด็กแห่งปาฏิหาริย์ผู้นี้เปลี่ยนกลายเป็นสัตว์ร้ายผู้เหี้ยมโหด ผู้ล่าเหยื่อในเมืองเงียบๆ ในแคนซัสแห่งนี้
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Elizabeth Banks เอลิซาเบท แบงส์

เดวิด เด็นแมน

แจ็กสัน เอ. ดันน์

ผู้กำกับ : เดวิด ยาโรเวสกี
รีวิว Brightburn (2019) เด็กพลังอสูร
beartai
ผลงานการสร้างสรรค์ของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) ที่ทุกวันนี้ทุกคนคงรู้จักในบทบาทผู้กำกับแถวหน้าของโลกฮีโรจากหนังมาร์เวล Guardians of the Galaxy และยังเป็นคนเดียวที่ได้ข้ามฝั่งไปทำหนังฟากดีซีไปพร้อมกันกับ The Suicide Squad เวอร์ชันปี 2021 ซึ่งในปีเดียวกันนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาของหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 ด้วยเช่นกัน ก็จะกลายเป็นว่าปี 2021 เขาจะเป็นผู้กำกับคนแรกที่มีผลงานหนังทั้งฝั่งมาร์เวลและดีซีออกฉายภายในปีเดียวกันด้วย และด้วยบารมีระดับนี้จึงไม่แปลกที่เขาจะสามารถผลักดันโพรเจกต์ส่วนตัวออกมาได้ง่ายขึ้นในฐานะโพรดิวเซอร์
และครั้งนี้เขาจึงได้นำไอเดียว่า สมมติหากทารกน้อย คาร์ล เอล ในเรื่องราวของ Superman หรือ Man of Steel ไม่ได้โตมาแล้วมีจิตใจบริสุทธิ์ล่ะ โดยเขาได้มอบหน้าที่เขียนบทให้น้องชายแท้ ๆ อย่าง ไบรอัน กันน์ (Brian Gunn) และลูกพี่ลูกน้องอย่าง มาร์ก กันน์ (Mark Gunn) ทำหน้าที่เขียนบท ทั้งยังดันเพื่อนสนิทที่เคยมาทำเอ็มวี Inferno จากหนัง Guardians of the Galaxy อย่าง เดวิด ยาโรเวสกี (David Yarovesky) รับหน้าที่กำกับหนังใหญ่ หลังจากมีผลงานเข้าตาจากหนังซอมบี้ไวรัสเรื่อง The Hive (2014) มาแล้ว ซึ่งก็ตอกย้ำฐานะป๋ากันน์ป๋าดันตัวจริง เพราะก่อนนี้เฮียก็ดันให้น้องชายอีกคนอย่าง ฌอน กันน์ (Sean Gunn) รับบท เครกลิน หนึ่งในสมาชิกโจรสลัดอวกาศของยอนดูมาแล้ว เรียกว่าอุตสาหกรรมครอบครัวจริง ๆ นี่ยังไม่นับว่ากันน์ไปทาบทามดาราใหญ่อย่าง อลิซาเบธ แบงส์ (Elizabeth Banks) ที่เคยร่วมงานกันตั้งแต่หนัง Slither (2006) กลับมาร่วมงานและรับบทนำสำคัญอย่างแม่ของเด็กชายอสูรในเรื่องด้วย
ต้องยอมรับว่าหนังดึงดูดเราได้ตั้งแต่พล็อตที่ปล่อยยั่วมาแต่แรก และเมื่อดูตัวหนังจริงก็ต้องฟันเฟิร์มอีกรอบว่าหนังไม่ได้ลดทอนความคาดหวังของเราให้ร่อยหรอเลย เพราะหนังคุมบรรยากาศได้อยู่หมัดตั้งแต่ แบรนดอน ไบรเยอร์ (แจ๊กสัน เอ. ดูนน์ – Jackson A. Dunn) ทารกน้อยผู้มาพร้อมยานอวกาศลึกลับที่โตขึ้นมาอย่างเรียบง่าย จืดชืด ไม่โดดเด่น ในย่านชนบทอย่างเมืองไบรท์เบิร์น (อันเป็นชื่อเรื่อง ราวกับจะล้อเลียนซีรีส์ซูเปอร์แมนอย่าง Smallville) จนเขามักถูกล้อเลียนย่ำยีจากเพื่อนที่โรงเรียน จนวันหนึ่งที่เขาพบว่าตัวเองแตกต่างและมีพลังเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนพสุธา เรื่องอะไรที่จะต้องเป็นคนธรรมดาที่ยอมถูกกดขี่อีกล่ะ แต่หนังก็ไม่ได้เล่าไปในแนวหนังล้างแค้นแต่อย่างใด กลับค่อย ๆ ให้เราเห็นพัฒนาการแบบขึ้นหลังเสือแล้วยากที่จะลง ด้วยสถานการณ์น้ำผึ้งหยดเดียวที่ลุกลามให้เด็กชายต้องเอาใบบัวมาปิดศพช้างอยู่ร่ำไป จนในที่สุดศีลธรรมจรรยาในใจก็เสื่อมคลายหายไป แม้แต่ความรักของพ่อแม่อย่าง ไคลย์ และโทรี (เดวิด เดนแมน – David Denman และ อลิซาเบธ แบงส์ ) ไม่อาจส่องผ่านหัวใจอันเลือดเย็นของเขาไปได้