ประวัติ Eddie Redmayne เอดดี เรดเมน

เอดดี เรดเมน อัจฉริยะแห่งการแสดงผู้พิชิตทุกเวที หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดดี้ เรดเมน (Eddie Redmayne) คือหนึ่งในนักแสดงชาวอังกฤษที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในยุคของเขา ด้วยความสามารถในการสวมบทบาทที่หลากหลายและลึกซึ้งอย่างน่าทึ่ง เขาสามารถถ่ายทอดตัวละครได้อย่างสมจริงจนได้รับรางวัลสูงสุดทั้งในโลกของละครเวทีและภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นรางวัลออสการ์, ลูกโลกทองคำ, BAFTA, โทนี่ อวอร์ดส์ และโอลิเวียร์ อวอร์ดส์ ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของเขา
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังชีวิตวัยเยาว์ การศึกษา และก้าวแรกบนเส้นทางสายการแสดง
เอ็ดดี้ เรดเมน เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1982 ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวนักธุรกิจและได้รับการศึกษาจากสถาบันชั้นนำของประเทศ เขาเข้าเรียนที่วิทยาลัยอีตัน (Eton College) ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำชายล้วนที่มีชื่อเสียง และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ที่อีตันนี่เองที่เขาได้ค้นพบและบ่มเพาะความหลงใหลในการแสดงภายใต้การดูแลของครูละครผู้เป็นแรงบันดาลใจ
หลังจากจบจากอีตัน เขาได้เข้าศึกษาต่อในสาขาประวัติศาสตร์ศิลปะที่ทรินิตี้คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Trinity College, Cambridge) และสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมในปี ค.ศ. 2003 แม้จะศึกษาในสาขาอื่น แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นในเส้นทางการแสดง โดยเริ่มต้นอาชีพนักแสดงละครเวทีอย่างเต็มตัวตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา
เจ้าแห่งละครเวที: ผู้พิชิตรางวัลโทนี่และโอลิเวียร์
ก่อนที่จะโด่งดังบนจอภาพยนตร์ เอ็ดดี้ เรดเมน ได้สร้างชื่อเสียงและพิสูจน์ฝีมืออย่างโชกโชนบนเวทีละครของลอนดอนและบรอดเวย์ เขาเปิดตัวอย่างงดงามในละครเวทีเรื่อง “Twelfth Night” ของเชกสเปียร์ในปี ค.ศ. 2002
ความสามารถของเขาเปล่งประกายอย่างชัดเจนจากบทบาทในละครเวทีเรื่อง “Red” (2009-2010) ซึ่งเขารับบทเป็นผู้ช่วยของจิตรกรชื่อดัง มาร์ก รอธโก การแสดงอันยอดเยี่ยมนี้ส่งให้เขาคว้ารางวัลโอลิเวียร์ อวอร์ด สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และเมื่อละครย้ายไปจัดแสดงที่บรอดเวย์ เขาก็สามารถคว้ารางวัลโทนี่ อวอร์ด ในสาขาเดียวกันมาครองได้สำเร็จ
ต่อมา เขากลับมาสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในละครเพลงเรื่อง “Cabaret” (2021-2024) ในบท “The Emcee” ที่ต้องใช้พลังการแสดงและร้องเพลงอย่างสูง เขาสามารถคว้ารางวัลโอลิเวียร์ อวอร์ด สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในละครเพลง และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนี่ อวอร์ดเมื่อละครเปิดการแสดงที่บรอดเวย์ ตอกย้ำสถานะการเป็นนักแสดงละครเวทีระดับแนวหน้าของเขา
สู่ดาราจอเงินและการคว้าออสการ์
ความสำเร็จบนเวทีได้เปิดประตูให้เรดเมนก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างสง่างาม เขามีผลงานในภาพยนตร์อย่าง “The Good Shepherd” (2006) และ “Elizabeth: The Golden Age” (2007) ก่อนจะเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากบท “มาริอุส” ในภาพยนตร์เพลงฟอร์มยักษ์ “Les Misérables” (2012)
จุดสูงสุดในอาชีพนักแสดงภาพยนตร์ของเขามาถึงในปี ค.ศ. 2014 กับภาพยนตร์เรื่อง “The Theory of Everything” ซึ่งเขารับบทเป็น สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ชื่อดังผู้ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) เรดเมนทุ่มเทให้กับการศึกษาวิจัยบทบาทนี้อย่างหนัก เขาเข้าพบผู้ป่วยโรค ALS และศึกษาการเคลื่อนไหวร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงของโรคอย่างละเอียด การแสดงที่สมจริงและเข้าถึงจิตวิญญาณของฮอว์คิงอย่างน่ามหัศจรรย์นี้เองที่ส่งให้เขาเดินสายกวาดรางวัลใหญ่ทุกสถาบัน ทั้งรางวัลออสการ์, รางวัลลูกโลกทองคำ, และรางวัล BAFTA ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
เพียงปีถัดมา เขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้งจากบทบาท “ลิลี่ เอลเบ” ศิลปินหญิงข้ามเพศคนแรกๆ ของโลกในภาพยนตร์เรื่อง “The Danish Girl” (2015) ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงความกล้าหาญในการเลือกรับบทที่ท้าทายและความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของเขา
บทบาทพ่อมดโลกเวทมนตร์และชีวิตส่วนตัว
สำหรับแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก เอ็ดดี้ เรดเมน กลายเป็นที่รักและจดจำในบทบาท “นิวท์ สคามันเดอร์” (Newt Scamander) พ่อมดนักสัตว์วิเศษวิทยาผู้สุภาพและรักสัตว์ ในภาพยนตร์แฟรนไชส์โลกเวทมนตร์ “Fantastic Beasts” ซึ่งเป็นภาคแยกของ “Harry Potter” เขาได้นำเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์มาสู่ตัวละครนี้และกลายเป็นภาพจำของพ่อมดแห่งบ้านฮัฟเฟิลพัฟไปโดยสมบูรณ์
ด้านชีวิตส่วนตัว เอ็ดดี้ เรดเมน สมรสกับ ฮันนาห์ แบ็กชอว์ (Hannah Bagshawe) ในปี ค.ศ. 2014 และมีบุตรด้วยกัน 2 คน เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงที่ถ่อมตัว เป็นกันเอง และยังคงรักษาความหลงใหลในศิลปะไว้เสมอมา
เอ็ดดี้ เรดเมน คือบทพิสูจน์ของนักแสดงที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยความทุ่มเท การศึกษาบทบาทอย่างลึกซึ้ง และพรสวรรค์ที่หาตัวจับยาก เขายังคงเป็นนักแสดงคุณภาพที่แฟนละครเวทีและภาพยนตร์ทั่วโลกต่างรอคอยผลงานชิ้นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
ผลงานภาพยนตร์
ผลงานภาพยนตร์ของเอ็ดดี้ เรดเมย์น ดูหนังออนไลน์
ภาพยนตร์

ทศวรรษ 2000
- 2006: Like Minds – Alex Forbes
- 2006: The Good Shepherd – Edward Wilson Jr.
- 2007: Savage Grace – Antony Baekeland
- 2007: Elizabeth: The Golden Age – Thomas Babington
- 2008: The Other Boleyn Girl – William Stafford
- 2009: Powder Blue – Qwerty Doolittle
ทศวรรษ 2010
- 2011: Hick – Eddie Kreezer
- 2011: My Week with Marilyn – Colin Clark
- 2012: Les Misérables – Marius Pontmercy
- 2014: The Theory of Everything – Stephen Hawking (บทบาทที่ได้รับรางวัลออสการ์)
- 2015: Jupiter Ascending – Balem Abrasax
- 2015: The Danish Girl – Lili Elbe (เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์)
- 2016: Fantastic Beasts and Where to Find Them – Newt Scamander
- 2018: Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald – Newt Scamander
2020s
- 2020: The Trial of the Chicago 7 – Tom Hayden
- 2022: Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore – Newt Scamander
- 2022: The Good Nurse – Charles Cullen

โทรทัศน์
2000s
- 2005: Elizabeth I – Earl of Southampton
- 2008: Tess of the D’Urbervilles – Angel Clare
2010s
- 2010: The Pillars of the Earth – Jack Jackson
ไฮไลท์ของโรงละคร
แม้ว่าจะเป็นนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์เป็นหลัก แต่ Eddie Redmayne ก็มีอาชีพการแสดงบนเวทีที่โดดเด่น:
- 2002: Twelfth Night – Viola (Shakespeare’s Globe)
- 2010: Red – Ken (การแสดงที่ได้รับรางวัลโทนี่)
- 2022: Cabaret – Emcee (West End การฟื้นฟู บทบาทที่ได้รับรางวัล Olivier Award)
