ประวัติ Eduardo Noriega เอดูอาร์โด้ นอริเอกา

Eduardo Noriega เอดูอาร์โด้ นอริเอกาเอดูอาร์โด้ นอริเอกา: นักแสดงเจ้าบทบาทแห่งวงการภาพยนตร์สเปนคือนักแสดงชายชาวสเปนผู้มีใบหน้าอันหล่อเหลาและฝีมือการแสดงอันเฉียบคม เขาเป็นที่รู้จักและจดจำในฐานะนักแสดงคู่บุญของผู้กำกับชื่อดัง อเลฮานโดร อเมนาบาร์ ผู้แจ้งเกิดให้เขากลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุค 90 และด้วยความสามารถในการสวมบทบาทที่หลากหลาย ทำให้เขาก้าวข้ามพรมแดนสเปนไปสู่การเป็นนักแสดงที่โดดเด่นในระดับนานาชาติ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
ชีวิตช่วงต้นและการตัดสินใจครั้งสำคัญ เอดูอาร์โด้ นอริเอกา โกเมซ เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1973 ที่เมืองซานตันเดร์ ทางตอนเหนือของประเทศสเปน เขาเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องเจ็ดคน และเป็นคนเดียวในครอบครัวที่เลือกเดินในเส้นทางสายศิลปะ ในวัยเด็ก เขามีความสามารถทางด้านดนตรีและได้เรียนเปียโนเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่จะเข้าศึกษาในสาขากฎหมายที่มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม แพสชั่นในการแสดงนั้นมีพลังมากกว่า เขาจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการลาออกจากมหาวิทยาลัยและย้ายไปยังกรุงมาดริดเพื่อไล่ตามความฝันในการเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว ที่นี่เองที่เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนการแสดงและได้พบกับเพื่อนร่วมรุ่นที่จะกลายเป็นผู้กำกับคนสำคัญในชีวิตของเขาในเวลาต่อมา นั่นคือ อเลฮานโดร อเมนาบาร์ แจ้งเกิดอย่างงดงามกับ “Tesis” และ “Abre los ojos” โชคชะตาและพรสวรรค์ได้นำพาให้นอริเอกาได้ร่วมงานกับอเมนาบาร์ในภาพยนตร์สั้นหลายเรื่อง ก่อนที่จะได้รับบทนำครั้งแรกในภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่อง “Tesis” (Thesis) ในปี ค.ศ. 1996 ภาพยนตร์ระทึกขวัญ-จิตวิทยาเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและกลายเป็นปรากฏการณ์ในสเปน นอริเอกาในบท “บอสโก” นักศึกษาหนุ่มสุดหล่อผู้มีด้านมืดน่าค้นหา ได้สร้างความประทับใจอย่างรุนแรง และทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกยา (Goya Awards) ซึ่งเปรียบเสมือนรางวัลออสการ์ของสเปน ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ปีถัดมา การร่วมงานกันระหว่างนอริเอกาและอเมนาบาร์ได้ตอกย้ำความสำเร็จอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง “Abre los ojos” (Open Your Eyes) ในปี ค.ศ. 1997 นอริเอกาในบท “เซซาร์” เพลย์บอยหนุ่มผู้สูญเสียทุกอย่างหลังประสบอุบัติเหตุ ได้ถ่ายทอดการแสดงที่ซับซ้อนและทรงพลัง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามและทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกยาอีกครั้ง แต่ยังโด่งดังไปทั่วโลกจนฮอลลีวูดซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ในชื่อ “Vanilla Sky” (2001) ซึ่งบทของเขาถูกนำไปแสดงโดย ทอม ครูซ นักแสดงมากความสามารถแห่งวงการหนังยุโรปและฮอลลีวูด ความสำเร็จจากภาพยนตร์สองเรื่องแรกส่งให้เอดูอาร์โด้ นอริเอกา กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของสเปน เขามีผลงานที่หลากหลายและได้ร่วมงานกับผู้กำกับชั้นนำมากมาย รวมถึง กิเยร์โม เดล โทโร ในภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกเรื่อง “The Devil’s Backbone” (2001) นอกจากนี้ เขายังรับบทที่ท้าทายในภาพยนตร์เรื่อง “El Lobo” (The Wolf) ในปี ค.ศ. 2004 ซึ่งเขารับบทสายลับที่แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มผู้ก่อการร้าย ETA บทบาทนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกยาเป็นครั้งที่สาม ด้วยความสามารถทางภาษาและเสน่ห์ที่โดดเด่น ทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์นานาชาติได้อย่างราบรื่น เขาได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง เช่น: เอดูอาร์โด้ นอริเอกา ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักแสดงที่ไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ใดภาพลักษณ์หนึ่ง เขาสามารถเป็นได้ทั้งพระเอกสุดหล่อ, ตัวละครที่ซับซ้อนทางจิตใจ, วีรบุรุษ, และวายร้ายที่น่าเกรงขาม ความทุ่มเทและความสามารถในการเข้าถึงบทบาทที่หลากหลายทำให้เขายังคงเป็นนักแสดงที่น่าจับตามองและเป็นที่ยอมรับทั้งในบ้านเกิดและบนเวทีโลกมาจนถึงปัจจุบัน Transsiberian (2008) ทรานส์ไซบีเรียน ทางรถไฟสายระทึก รอยและเจสซี คู่รักชาวอเมริกัน นั่งรถไฟจากปักกิ่งไปมอสโกว์เพื่อกลับบ้านจากงานเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในประเทศจีนรอยผูกมิตรกับคาร์ลอส ชายชาวสเปน เพื่อนร่วมห้อง และแอบบี้ แฟนสาวที่เกิดในซีแอตเทิลของเขา เจสซีระมัดระวังตัวมากกว่าสามีของเธอและไม่ยอมแบ่งปันความอบอุ่นที่เปิดเผยของเขากับคนแปลกหน้า แต่คาร์ลอสแสดงตุ๊กตาแม่ลูกดกที่เป็น ของที่ระลึกให้ เจ สซีดู เมื่อรอยพลาดรถไฟที่เมืองอีร์คุตสค์ระหว่างเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เจสซีอยู่ตามลำพังกับคาร์ลอสและแอบบี้ เมื่อเธอลงจากรถไฟที่เมืองอิลันสกายาเพื่อรอรอย คาร์ลอสและแอบบี้ก็ลงจากรถไฟเช่นกัน โดยอ้างว่าเจสซีจะไม่ปลอดภัยหากต้องอยู่คนเดียว ในร้านอาหาร เจสซีเห็นตุ๊กตาที่แทบจะเหมือนกับตุ๊กตาของคาร์ลอสทุกประการ แอบบี้รู้สึกไม่พอใจเมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้และเข้านอน เจสซีขอร้องคาร์ลอสไม่ให้แอบบี้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของเขา เช้าวันรุ่งขึ้น คาร์ลอสมาที่ห้องของเจสซี บอกเธอว่าห้องอาบน้ำของเขาเสีย และขอใช้ห้องอาบน้ำของเธอ เจสซีได้รับหมายเรียกจากแผนกต้อนรับ และปล่อยให้คาร์ลอสอยู่ในห้องของเธอ ที่แผนกต้อนรับ เธอได้รับโทรศัพท์ยืนยันว่ารอยจะไปกับเธอ และคาร์ลอสก็โน้มน้าวให้เธอออกเดินทางสู่ป่าดงดิบ ซึ่งที่นั่นพวกเขาพบโบสถ์ที่พังทลายลงมา เจสซี ช่างภาพสมัครเล่น เริ่มถ่ายรูป เมื่อคาร์ลอสเริ่มรุกเข้าหา เธอก็ปฏิเสธในตอนแรก แต่แล้วทั้งสองก็เริ่มจูบกัน เจสซีเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วและขอให้คาร์ลอสหยุด แต่เขาก็ยังคงทำต่อไป โดยเริ่มก้าวร้าวและไล่ตามเธอ เธอตกใจกลัวและฟาดเขาด้วยรั้วจนเสียชีวิต เจสซีกลับไปที่สถานีด้วยอาการตกใจ ไม่นานหลังจากนั้น รถไฟของรอยก็มาถึง และเธอก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง รอยคิดว่าการทักทายด้วยอารมณ์ของเธอเกิดจากความทุกข์ใจที่เธอต้องทนทุกข์กับการล่าช้าของเขา ขณะที่รถไฟเคลื่อนตัวออกไป เจสซีสังเกตเห็นแอบบี้ผ่านหน้าต่าง วิ่งไปข้างๆ รถไฟโดยมองหาคาร์ลอสอย่างสิ้นหวัง
ผลงานภาพยนตร์

