ดูหนัง Get Out (2017) ลวงร่างจิตหลอน เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มอเมริกันผิวสีที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านของแฟนสาวซึ่งเป็นคนผิวขาว เขาเริ่มติดอยู่ในกับดักของเหตุผลแท้จริงที่น่าขนลุก ของการเชิญเขาไปที่บ้าน เขาได้การค้นพบสิ่งที่สร้างความกังวลใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็นำเขาไปพบกับความจริงที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
Jordan Peele จอร์แดน พีล ⭐ Super Review Channel 🤩 คะแนน: 9.5/10 ดาว การเล่าเรื่องและจังหวะดีมาก มีบทแข็งแกร่ง เริ่มจากเรื่องความรักทั่วไป จิตวิทยา และจบด้วยสยองขวัญ สอดแทรกอารมณ์ขันได้ดี ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อ ใช้สัญลักษณ์ดี มี 30 นาทีสุดท้ายสะใจ ไม่น่าแปลกใจที่แม้จะเป็นหนังสยองขวัญแต่กลับได้รับรางวัลออสก้าสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม รวมถึงรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ เป็นเข่ง หากใครชอบหนังแนวสมเหตุสมผลอาจผิดหวังจาก แม้แต่การอธิบายให้เป็นหลักการก็ไม่เคลียร์เท่าที่ควร ด้วยความชาญฉลาดในการเล่าเรื่องแนวจิตวิทยาสยองขวัญผสมกับแนวคิดเสียสีเรื่องการเหยียดผิวแบบกลมกลืนไม่ยัดเยียดของหนังเรื่อง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังเรื่องนี้ได้รับคะแนนการวิจารณ์สูงมากจากนักวิจารณ์ และได้รับความชื่นชมมากจากคนดูทั่วไป หากใครชื่นชมหนังสยองขวัญที่มีมิติเนื้อเรื่องมากกว่าหนังผีหรือทำให้คนตกใจ เอาคืนสะใจ หักมุมจบ เสียดสีสังคมเจ็บแสบ ผมแนะนำว่า คือหนังที่ยอดเยี่ยมและสมควรชมครับ 9.5/10 ⭐ I Watch A Lot 🤩 คะแนน: 9/10 ดาว หลังจากดู 13 Reason Whys จบ แอดก็ต้องขอพักความหม่น หาหนังดูกันบ้าง เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ตั้งตารอ และก็บอกเลยว่าไม่ผิดหวังแถมโดนตบหน้าแรงๆด้วย 5555+ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับเป็นผลงานอีกหนึ่งเรื่องจากสตูดิโอที่เลื่องชื่อลือชาในการทำหนังแนวสยองขวัญ สั่นประสาทออกมามากมายอย่าง Blumhouse Ent. (Paranormal Act, Ouija, Split, Insidious, The Purge) ถ้าดูตัวอย่างเผินๆ Get Out ดูเหมือนจะเป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาททั่วไปซึ่งในช่วงแรกของตัวหนังมันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่แล้วเมื่อผ่านไปราวๆ 20 นาทีหนังตบหน้าคนดูด้วยการประชนประชันเสียดสีต่างๆมากมาย หนึ่งในสิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือการล้อเลียน “หนังแนว Horror หรือหนังสยองขวัญตามสูตร” ที่ทำได้ออกมาแบบเกรียนมากๆ โดยเฉพาะเวลาที่กล้องจับไปที่หน้าตัวละครที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ตัวละครต่างๆเหล่านั้นก็จิกกล้องพร้อมทำหน้าออกสื่อแบบที่ว่า “สงสัยพวกเราสิ พวกเรามีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน!” ซึ่งไม่รู้ว่าแอดคิดไปเองไหม แต่ตัวละครแต่ละตัวทำหน้าแบบว่าน่าสงสัยสุดๆ แบบที่แอบด่าพระเอกในใจว่าพระเอกคิดไงไม่หนีตั้งแต่วันแรก 55555+นอกจากภายใต้ความเกรียน ความเสียดสีอย่างแยบยล หนังยังสะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายๆด้านเกี่ยวกับการเหยียดผิว ซึ่งมุมหนึ่งก็คือการที่ปัจจุบันผู้คนผิวสีได้รับการยอมรับขึ้นมากกว่าในอดีตอย่างแน่นอน แต่ก็ใช่ว่าในปัจจุบันการเหยียดผิวจะหายไปซะทีเดียว แต่อีกมุมหนึ่งที่แอดไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นก็คือการสะท้อนให้เห็นว่าบางครั้ง สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เรากลัวมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ซึ่งบางครั้งตามสื่อต่างๆ การนำเสนอข่าวต่างๆปัญหามากมายที่เกิดจากการเหยียดผิว ซึ่งตัวหนังได้ทำให้เห็นว่า “มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ คิดเยอะไปเองหรือเปล่า หรือบางทีปัญหาต่างๆทีเกิดขึ้นมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสีผิวด้วยซ้ำ แต่บางครั้งคนเราก็ต้องการเพียงต้นเหตุของปัญหา และสีผิวดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เอื้อมถึงได้ง่ายที่สุด” แต่ถ้าเราจะไปดูโดยที่ไม่ได้อินอะไรกับ Racism แบบแอดละก็ แบบว่ากะไปดูเอาสะใจ ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะตัวหนัง ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยการตุ้งแช่แบบหน้าด้านๆ (บางทีก็ตุ้งแช่แบบแกล้งคนดูประมาณว่า ไม่มีไรซะหน่อย ตกใจไรกัน 5555+) แต่หนังยังเป็นเหมือนการผสมผสานอารมณ์หลายอารมณ์ที่เราสามารถพบได้จากการดูภาพยนต์แนว Horror, Thriler, Suspense เพราะตลอดการดูหนังคุณจะพบทั้งกับความรู้สึกอึดอัดตลอดเวลาว่าหนังเรื่องนี้มันคืออะไร มันจะพาเราไปพบกับอะไรกันแน่ ตัวหนังมีการสับขาหลอกตลอดเวลา บางทีทำเหมือนมันจะมีอะไร แต่หนังก็แกล้งคนดูอีก ประมาณ ฮั่นแน่ คิดว่าจะมีอะไรหล่ะซี่ ป่าว ไม่มีหรอก อย่าคิดมากน่า!! 55555+ซึ่งมันเป็นแบบนี้จริงๆ ซึ่งถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นการจงใจของผู้กำกับก็ถือว่าเป็นอะไรที่ชาญฉลาดมากๆ ในส่วนช่วงท้ายของหนัง หนังก็เหมือนกลัวว่าคนดูจะไม่ได้ในสิ่งที่ตามมาดูอย่าง “ความสะใจ” แต่ก็ไม่ต้องห่วง ตัวหนังจัดให้หนักๆแบบที่ว่าเบือนหน้าหนีกันเลยทีเดียว แต่ถ้าใครไปดูก็พยายามอย่าคาดเดานะครับว่าตัวละครจะทำอะไร เพราะมันจะทำอย่างที่เราคิดจริงๆ 555555+ แอดยังแอบคิดว่า “เอาจริงดิ?” สรุปนะครับเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แนะนำให้ดูเพราะไม่ว่าจะดูเอามันส์หรือดูแบบคิดเยอะแบบแอดก็สนุกทั้งสองแบบ ซึ่งเรื่องนี้แอดคิดว่าเป็นอะไรที่ครบและจัดเต็มมากๆ ทั้งในด้านความหลอน ความลึกลึบ และอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนอาจไม่คาดคิดคือ “ความฮาแบบหน้าด้านๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ” และขอบอกว่าเลยว่า ไอ้ที่ชื่อว่า จิตที่ว่าน่าจะของคนดู เพราะมันปั่นหัวคนดูมากๆ ⭐ Java_Joe 🤩 คะแนน: 9/10 ดาว ฉันจะบอกตรงๆ ว่าฉันไม่รู้จริงๆ ว่า Jordan Peele จะมาเล่นหนังเรื่องนี้ ฉันรู้ว่าเขาเคยเล่นหนังร่วมกับ Keegan-Michael Key และเป็นนักแสดงตลกประเภทหนึ่ง สิ่งที่ฉันไม่รู้ก็คือเขาเป็นแฟนตัวยงของหนังสยองขวัญคลาสสิกที่รอการออกฉายอยู่ ทำให้ฉันประหลาดใจด้วยหลายๆ เหตุผล ประการแรกคือมันทำให้ฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีเพียงพอที่จะสร้างบรรยากาศและความตึงเครียดโดยไม่เปิดเผยความประหลาดใจ และมันถ่ายทอดออกมาด้วยทักษะและความเอาใจใส่ที่เปิดเผยออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม คุณรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ คุณรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่คุณนึกไม่ออกว่ามันคืออะไรและประการที่สอง นี่เป็นผลงานของผู้กำกับมือใหม่ ไม่ค่อยมีหนังที่เขียนบทและกำกับโดยคนเดียวกันในความพยายามครั้งแรกของพวกเขา และพวกเขาจัดการได้อย่างยอดเยี่ยมและประการสุดท้าย มันมอบสิ่งใหม่ๆ ให้กับเรา นี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะฉันเบื่อหนังสยองขวัญแบบเดิมๆ มาก ทุกวันนี้ผู้คนลืมไปว่าความสยองขวัญไม่ได้หมายความถึงเลือดและความโหดร้ายเท่านั้น ก่อนหน้านี้ผู้กำกับต้องสร้างความตึงเครียดและบรรยากาศด้วยการสร้างโครงเรื่องและคลี่คลายเรื่องราวอย่างช้าๆ การได้เห็นการทำด้วยความเอาใจใส่เช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจนี่เป็นภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบหรือไม่? ไม่หรอก แต่ก็ถือว่าดีทีเดียว โดยเฉพาะถ้าคุณอยากดูหนังระทึกขวัญจิตวิทยาดีๆ ที่มีกลิ่นอายความสยองขวัญแฝงอยู่นักแสดง
Daniel Kaluuya ดาเนียล คาลูย่า
Allison Williams อลิสัน วิลเลียมส์
Bradley Whitford แบรดลีย์ วิทฟอร์ด
Caleb Landry Jones เคเลบ แลนดรี โจนส์ผู้กำกับ
รีวิว Get Out (2017) ลวงร่างจิตหลอน