ดูหนัง Haunted Universities 3 (2024) เทอม 3 ดื่มด่ำกับความสยองขวัญสุดสะพรึงกลัวใน “Haunted Universities 3” ภาพยนตร์สุดระทึกขวัญที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความลับที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนของตำนานเมือง 3 เรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเผยเรื่องราวสุดหลอนหลากหลายเรื่องที่ได้รับการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อทำให้คุณขนลุก เรียกน้ำตา และปลุกเร้าเสียงกรีดร้องที่ผสมผสานทั้งความหวาดกลัวและความตื่นเต้น
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
อิษยา ออสุวรรณ
ผู้กำกับ : นนทวัฒน์ นำเบญจพล, อัศฏา ลิขิตบุญมา, สรวิชญ์ เมืองแก้ว, อรุณกร พิค
รีวิว Haunted Universities 3 (2024) เทอม 3
⭐ Filmment
🤩 คะแนน: 8/10 ดาว
เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้วครับสำหรับการมาของภาพยนตร์สยองขวัญซึ่งแบ่งออกเป็นภาพยนตร์สั้นหลายๆ เรื่องรวมกัน เท่าที่นึกออกเร็วๆ ก็คือภาพยนตร์ภาคที่แล้วเรื่อง เทอมสอง สยองขวัญ ก่อนที่ความน่ากลัวภายในรั้วมหา’ลัยจะถูกต่อยอดออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่องเทอม 3 นั่นเองครับ โดยในภาคนี้ภาพยนตร์จะนำเสนอเรื่องราวของตัวเองภายใต้คอนเซปต์ของพิธีกรรมครับ ไล่มาตั้งแต่ การบนบานศาลกล่าวในภาพยนตร์เรื่อง ขบวนแห่, การบายศรีสู่ขวัญในภาพยนตร์เรื่อง พี่เทค และการขอขมาลาโทษในภาพยนตร์เรื่อง ศาลล่องหน ครับ โดยแม้ว่าทั้ง 3 เรื่องจะขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ แต่ในเชิงของรายละเอียดแล้ว ทั้ง 3 เรื่องต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และมอบอารมณ์ที่หลากหลายให้กับผู้ชมครับมาว่ากันที่เรื่องแรกอย่าง ขบวนแห่ ก่อนนะครับ โดยส่วนตัวแล้วหากเปรียบเทียบกับอีก 2 เรื่อง ขบวนแห่ เป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบน้อยที่สุด เนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์สยองขวัญสูตรสำเร็จที่ผู้ชมเคยเห็นกันมาหลายครั้งแล้ว โดยมีจุดขายอยู่ที่ความโหดและการฉายภาพของความรุนแรง หากแต่มันกลับเป็นความโหดที่ไม่สามารถสร้างบรรยากาศของความสยองขวัญได้มากมายนัก
เพราะทุกหยดเลือดในภาพยนตร์นั้นถูกใช้งานอย่างโฉ่งฉ่างจะแจ้ง ชัดเจนตั้งแต่ฉากเปิดของเรื่องเลยครับ ดังนั้นเมื่อภาพยนตร์ดำเนินมาถึงช่วงที่ต้องสร้างความระทึกขวัญในช่วงท้าย มันจึงกลายเป็นการฉายภาพซ้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเรื่อง จนไม่สามารถสร้างภาพจำให้กับผู้ชมได้สำเร็จ ส่วนที่ผมชอบมากที่สุดจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งถูกเขียนให้ติดหล่มอยู่กับความเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่สามารถก้าวข้ามฐานะนั้นได้ และเมื่อมองจากประเด็นที่ภาพยนตร์ต้องการจะบอกเล่า อันว่าด้วยความรักนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับหรือแกล้งทำได้ ก็ยิ่งทำให้เส้นความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นกลายเป็นกำแพงที่ปิดกั้นทั้งคู่เอาไว้ เช่นเดียวกับการบนบานศาลกล่าว ซึ่งในมุมหนึ่งก็คือการให้คำมั่นสัญญากับใครสักคน และผลลัพธ์ของการผิดสัญญานั้นมักจะเลวร้ายเสมอ อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ยังมีแผลให้เห็นอยู่บ้าง หลายต่อหลายอย่างของภาพยนตร์ถูกเล่าอย่างรวบรัด และขาดเหตุผลที่จะโน้มน้าวความเชื่อของผู้ชมครับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 อย่าง พี่เทค เป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากที่สุดจากทั้ง 3 เรื่องครับ เนื่องจากภาพยนตร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความกล้าหาญและความทะเยอทะยานในการนำเสนอ ว่าด้วยวัฒนธรรมการดูแลรุ่นน้องปีหนึ่งของพี่เทค ซึ่งก้าวเข้ามามีบทบาทแทนการรับน้องด้วยระบบโซตัส หากแต่ช่วงเวลาที่ภาพยนตร์นำเสนอนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันระหว่างวัฒนธรรมเก่าและวัฒนธรรมใหม่ จึงทำให้ในแนวคิดที่ดีอย่างระบบพี่เทคนั้นยังคงเหลือเชื้อของการบังคับขู่เข็ญ และอาศัยเสียงของคนส่วนมากในการกดทับผู้ที่มีแนวความคิดแตกต่างจากวัฒนธรรมอยู่ด้วย
แน่นอนว่าช่วงเวลาและสถานการณ์ที่ภาพยนตร์เลือกก้าวเท้าเข้าไปสำรวจนั้นสามารถเทียบเคียงกับบริบททางการเมืองได้อย่างมีนัยครับ ในแง่ของความสยองขวัญนั้นภาพยนตร์ทำได้อย่างน่าชื่นชมในช่วงต้น กับการควบคุมบรรยากาศอันวังเวงของมหาวิทยาลัย และการเลือกใช้ความขัดแย้งระหว่างตัวละครมาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการปะทะกันของความเชื่อที่สุดโต่งทั้ง 2 ด้านนั้นน่าหวาดผวาไม่แพ้อาถรรพ์ของพี่เทคปริศนาในเรื่องเลยครับ ก่อนที่ในช่วงครึ่งหลังภาพยนตร์จะหยิบการบายศรีสู่ขวัญมาดัดแปลงและผสมผสานเข้ากับความเป็นภาพยนตร์ลัทธิและการประกอบพิธีกรรมอันชวนสยองขวัญ จนเตลิดเปิดเปิงกลายเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นแฟนตาซีในช่วงไคลแมกซ์ และเมื่อภาพยนตร์เดินหน้าเข้าสู่ช่วงเวลาเหล่านั้นมันก็ผลักผมออกจากเรื่องราวทันทีครับ เนื่องจากช่วงไคลแมกซ์ของภาพยนตร์นั้นมีอาการยืดเยื้อและจบไม่ลง ขณะที่ความลึกลับของเรื่องราวนั้นถูกเฉลยจนหมดเปลือกแล้ว จึงเป็นปัญหาของผมในการตามหาความสยองขวัญต่อเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นบนจอเป็นอย่างมากครับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายก็คือ ศาลล่องหน ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับภาพยนตร์สยองขวัญรวมเรื่องสั้น
ที่มักจะหยิบเอาตอนที่มีสีสันมากที่สุดมาฉายเป็นตอนสุดท้าย โดยส่วนตัวแล้วผมชอบไอเดียความสยองขวัญของภาพยนตร์มากๆ นะครับ กับการหยิบเอาตำแหน่งต่างๆ ในศาลตายายมานำเสนอ พร้อมบอกเล่าทั้งแนวคิดและวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ในศาลแต่ละชนิดได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังยอดเยี่ยมในการสร้างเงื่อนไขให้กับตัวละครทุกคน อันว่าด้วยการที่บางตัวละครนั้นสามารถมองเห็นศาลและวิญญาณที่อยู่ในนั้นได้ ขณะที่บางคนนั้นกลับมองไม่เห็นครับ ภาพยนตร์สามารถหยิบเงื่อนไขดังกล่าวมาสร้างเป็นเสียงหัวเราะได้อย่างแม่นยำมากๆ เช่นเดียวกับการสร้างสรรค์สถานการณ์สุดวายป่วงและบ้าบอตลาดแตกของเรื่อง ลำพังเพียงแค่ไอเดียในการทำให้ตัวละครเจอผีในงานปาร์ตี้ฮัลโลวีน ซึ่งทุกคนต้องแต่งตัวเป็นผีกันอย่างเต็มยศอยู่แล้วนั้น มันก็สร้างความบันเทิงจนท้องแข็งได้แล้วครับ โดยเฉพาะซีเควนซ์ที่เหล่าตัวละครต้องเจอกับผีนางรำขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ ก็นับเป็นซีเควนซ์ที่ทั้งโรงภาพยนตร์พร้อมใจกับปรบมืออย่างกึกก้อง โดยเสียงหัวเราะทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากการแสดงของทั้งจุฑาวุฒิ ภัทรกำพล (มาร์ช) และณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ (แพรวา) ที่ต่างก็ท็อปฟอร์มในบทบาทของตัวเอง แน่นอนครับว่าหากมองหาความสมเหตุสมผลแล้ว ศาลล่องหน ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบครับ แต่อย่างน้อยมันก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ข้อกังขา นั่นคือการมอบความบันเทิงส่งท้ายให้ผู้ชมเดินออกจากโรงภาพยนตร์พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้านั่นเองครับ
โจทย์ที่ภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องมีร่วมกันก็คือการเล่าเรื่องด้วยศาสตร์ของภาพยนตร์สั้น และการถ่ายทอดความบันเทิงในขอบเขตเวลาที่จำกัดครับ กล่าวคือภาพยนตร์ไม่มีเวลาสำหรับการแนะนำตัวละครหรือสร้างโลกของตัวเองมากนัก ในทางกลับกันมันถูกบังคับให้โยนตัวละครเข้าสู่สถานการณ์ให้เร็วที่สุด การบริหารทรัพยากรในเวลาที่จำกัดถึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ซึ่งในจุดนี้ทั้ง 3 เรื่องสามารถรับผิดชอบจุดนี้ได้ดี และสามารถหยิบจุดเด่นของตัวเองมานำเสนอได้อย่างชัดเจนครับ ขณะที่ในด้านงานสร้างนั้นก็ได้มาตรฐานและมี Mood and Tone เป็นของตัวเองในแต่ละตอน โดยเฉพาะกับเรื่อง พี่เทค ที่เลือกถ่ายทอดภาพด้วย Aspect Ratio แบบ 4:3 ซึ่งสามารถมอบความอึดอัดให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ขณะที่งานด้าน CG และเทคนิคพิเศษของตอน ขบวนแห่ นั้นก็ออกมาดูดีทีเดียวครับ นอกจากนี้จังหวะการตัดต่อของตอน ศาลล่องหน มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างจังหวะและเสียงหัวเราะของผู้ชมได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามหากว่ากันที่ความสยองขวัญเพียงอย่างเดียว โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้รู้สึกกลัวกับเรื่องใดเป็นพิเศษนะครับ แต่ส่วนที่น่าชื่นชมคือการเลือกใช้ Jump Scare อย่างมีชั้นเชิงของทั้ง 3 เรื่อง ที่ไม่ใช่การสักแต่สร้างความตกใจให้กับผู้ชม แต่เป็นการหยอกล้อกับความรู้สึกของตัวละคร และมุ่งสร้างความเข้มข้นให้กับสถานการณ์มากกว่าการจะกล่าวว่า เป็นภาพยนตร์ที่ไร้จุดอ่อนเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ภาพยนตร์ทำได้ดีคือการมอบความบันเทิงหลากหลายรสชาติตลอดการรับชมครับ ด้วยความเป็นภาพยนตร์สั้นที่มาพร้อมกับต้นขั้วไอเดียที่น่าสนใจ ทำให้ภาพยนตร์มีความวาไรตี้ด้วยการเสิร์ฟความสยองขวัญในแนวทางที่แตกต่างกัน แม้จะยังเห็นแผลอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแผลถลอกที่ไม่ได้ทำให้เสียบทเพลง สุดท้ายนี้การเรียงลำดับของภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องสามารถทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสม หากแต่โดยส่วนตัวแล้วผมอยากให้ลองจัดวางความรู้สึกของผู้ชมใหม่ดูบ้าง และเชื่อว่าการก้าวสู่โรงภาพยนตร์ด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนจะเดินออกมาด้วยความสยองขวัญอันติดตานั้นน่าจะมอบอารมณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ชมได้เหมือนกันครับ
⭐ หนังดี รีวิว
🤩 คะแนน: 8/10 ดาว
หนังไทยแนวสยองขวัญ ผีในรั้วมหาวิทยาลัย ภาคต่อจาก เทอม 2 Haunted School มาในครั้งนี้บอกเลยว่าเข้มข้นขึ้น เนื้อเรื่องน่าติดตาม ฉากน่ากลัวมากขึ้น ครบทุกรสชาติ เรื่องราวต่อเนื่องจากภาค 2 หลัง มิ้นท์ (มินนี่ ภัณฑิรา) และ หนิง (นีร สุวรรณมาศ) ช่วยชีวิตเพื่อนพ้นจากวิญญาณร้ายในโรงเรียนประจำ กลับมาสู่รั้วมหาวิทยาลัยเพื่อใช้ชีวิตวัยเฟรชชี่ แต่ความสยองยังไม่จบบริบูรณ์ เมื่อวิญญาณร้ายตามติดมาในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ และยังตามมาราวี อดีตนักร้องหนุ่มที่เต็มไปด้วยปริศนา หนังภาคนี้มีฉากสยองขวัญที่หลากหลาย น่าจดจำ หลายฉากทำเอานักเขียนต้องปิดตา เพราะกลัวจนตัวงอฉากเปิดเผยปริศนาในบ้านร้างหลังมหาวิทยาลัย สุดหลอน ชวนขนลุกฉากห้องสมุด ที่วิญญาณร้ายปรากฏตัว บรรยากาศตึงเครียด ชวนลุ้นฉากห้องน้ำ ที่นางรำผีออกมาหลอกหลอน ความหลอนระดับสิบหนังสานต่อเรื่องราวจากภาค 2 ได้อย่างลื่นไหล ไม่ต้องดูภาคที่แล้วมาก็รู้เรื่อง เนื้อเรื่องน่าติดตาม มีปมให้คอยลุ้นตลอดทั้งเรื่องฉากสยอง สร้างบรรยากาศชวนขนลุก หลอนแบบไม่ยั้ง การแสดงของนักแสดง ทำได้ดี ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม หนังไม่ใช่มีแค่ฉากหลอน แต่ยังแทรกคติเตือนใจ และเรื่องราวความรัก มิตรภาพ เข้ามา ทำให้หนังดูมีมิติ บางจุดในช่วงต้นเรื่อง เนื้อเรื่องค่อนข้างเอื่อย บทบาทของบางตัวละคร ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ฉากจบ อาจจะดูเร่งรีบไปหน่อย Haunted Universities 3 เป็นหนังแนวสยองขนหัวลุก ที่ผสมผสานความสนุกและความหลอนเข้าไว้ด้วยกัน เนื้อเรื่องน่าติดตาม ฉากสยองจัดเต็ม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังผีไทย บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง
⭐ ysx-85087
🤩 คะแนน: 4/10 ดาว
มหาวิทยาลัยมงกุฎเพชร 3 ยังคงเป็นซีรีส์สยองขวัญ-คอมเมดี้ของไทยที่ผสมผสานระหว่างอารมณ์ขันและองค์ประกอบสยองขวัญเล็กน้อย ภาคนี้มุ่งเน้นไปที่แฟน ๆ ของภาพยนตร์ภาคก่อน ๆ หรือผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์สยองขวัญเบา ๆ ที่มีมุกตลก อย่างไรก็ตาม พล็อตเรื่องขาดความคิดสร้างสรรค์ โดยมักจะใช้มุกซ้ำ ๆ และรูปแบบที่คุ้นเคย พล็อตเรื่อง (3/10) เนื้อเรื่องค่อนข้างคาดเดาได้ ขาดไอเดียใหม่หรือความระทึกขวัญ ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้ลดคุณค่าลงในฐานะภาพยนตร์สยองขวัญตลก (5/10) หนังเน้นที่มุกตลกโปกฮาและอารมณ์ขันเกินจริงมากกว่าองค์ประกอบที่น่ากลัว ซึ่งเหมาะกับแฟนภาพยนตร์ตลก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสยองขวัญจริง ๆ อาจผิดหวังบรรยากาศสยองขวัญ (4/10) เอฟเฟกต์สยองขวัญมีน้อย และแฟนภาพยนตร์สยองขวัญที่ช่ำชองอาจรู้สึกว่าองค์ประกอบที่น่ากลัวนั้นไม่น่าสนใจการแสดง (6/10): นักแสดงแสดงได้ค่อนข้างดีในการแสดงตลก มีปฏิกิริยาที่เกินจริงและจังหวะที่เข้ากับโทนที่สนุกสนานของภาพยนตร์โดยรวมแล้ว Mongkut University 3 เป็นภาพยนตร์ที่สนุกสนานเล็กน้อยและรับชมได้ง่าย แฟนๆ ของภาพยนตร์ตลกสยองขวัญอาจคิดว่าคุ้มค่าที่จะดู แม้ว่าจะไม่ได้ถือว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญอย่างแท้จริง โดยได้คะแนนประมาณ 4/10 ในฐานะภาพยนตร์เบาสมองที่ดูได้สบายๆ