ดูหนัง Kill Switch (2017) วันหายนะพลิกโลก
เมื่อการทดลองเกี่ยวโลกคู่ขนานผิดพลาด ผนังของมิติแตกออก ชะตากรรมของทั้งสองโลกจึงอยู่ในมือของ วิล พอร์เตอร์ (แดน สตีเว่นส์) ผู้ที่จะนำกล่องสีดำลึกลับเข้าไปในหอคอยของโลกคู่ขนานเพื่อแก้ไขสถานการณ์และช่วยเหลือมนุษยชาติ ทว่าเขากลับถูกไล่ล่าโดยกองกำลังที่พยายามขัดขวางภารกิจของเขา ในอนาคตอันใกล้นี้ นักฟิสิกส์และอดีต นักบิน ของ NASAวิลล์ พอร์เตอร์ ได้รับการคัดเลือกจาก Alterplex บริษัทพลังงานที่สร้างหอคอยขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานควอนตัม ที่ไม่จำกัด เปิดเผยว่าหอคอยกำลังทำลายจักรวาลกระจกของโลกที่เรียกว่า “The Echo” และผู้อยู่อาศัยในนั้นก็มีหอคอยพลังงานเช่นกัน ความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงที่แปลกประหลาดและการเสียชีวิตที่อธิบายไม่ได้กำลังเกิดขึ้นในโลก The Echo ซึ่งโทษหอคอยเนื่องจากมันดึงพลังงานจากโลกนั้น ไม่ควรจะมีชีวิตที่นั่น แต่เนื่องจากความผิดพลาด อุปกรณ์ดังกล่าวจึงสร้างโลกกระจกที่แท้จริงที่เต็มไปด้วยชีวิต และตอนนี้โลกทั้งสองเผชิญกับการทำลายล้าง เว้นแต่ว่าโลกใดโลกหนึ่งจะถูกทำลายภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
ผลงานภาพยนตร์
Dan Stevens แดน สตีเว่นส์

Bérénice Marlohe

Tygo Gernandt

ผู้กำกับ : Tim Smit
รีวิว
beartai
ถือเป็นโปรเจ็กต์หนังฟอร์มเล็กที่แอบมีคนให้ความสนใจกันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะคอเกม Half-Life ที่ต่างก็เคยผ่านหูผ่านตากับหนังสั้น What’s in the box ของ ทิม สมิท เมื่อปี 2009 มาแล้ว ก็เลยอยากเห็นทำออกมาเป็นหนังโรงจริง ๆ บ้าง ซึ่งกว่าตาทิมจะได้ฤกษ์สนองนี้ดสาวกเกมเมอร์ก็ต้องรอกันเหงือกแห้งถึง 8 ปี กับ ที่มีชื่อภาษาไทยไม่น่าไว้ใจอย่าง ‘วันหายนะพลิกโลก’
หนังที่สร้างจากเกมส่วนใหญ่พอต้องมาขยายพลอตจับเป็นหนังโรง มันก็มีโจทย์เดียวกันคือต้องขายความเป็นแอ็คชันแฟนตาซีให้ปังเพื่อความอยู่รอด พูดง่าย ๆ ก็คือทำยังไงก็ได้ให้คนที่แค่อยากดูเอามันรู้สึกว่า ‘นั่นไงมันเอากูแล้ว’ ก็พอ แต่ส่วนใหญ่จะมาตกม้าตายเพราะพลอตเรื่องที่โหรงเหรงเกินรับได้ จับซับเจกต์ไม่ถูก ไม่รู้ว่าผู้กำกับมึงต้องการสกัดประเด็นอะไรกันแน่ เอาไปเอามาสุดท้ายก็ต้องพึ่งออร่าขาอ่อนนักแสดงเป็นสูตรบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ทีนี้ มันพูดถึงอะไร มันคือปุ่มสั่งตายหรือเปล่า ก็อาจเรียกแบบนั้นได้ แม้มันเป็นเหมือนปุ่มสั่งตายในสเกลเล่นใหญ่แต่พลอตดูน่าสนุก เพราะมันเล่าเรื่องของโลกอนาคตที่คนเราคิดหาวิธีสร้างพลังงานทดแทนมาใช้บนโลกแทนพลังงานสุริยะที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์อีกต่อไป นั่นคือการทดลองก๊อปปี้โลกและจักรวาลขึ้นมาในอีกมิติหนึ่งจนกลายเป็นโลกคู่ขนาน แล้วดึงพลังงานบริสุทธิ์จากมิตินั้นมาใช้กับโลกมิติเดิม ซึ่ง วิล พอร์เตอร์ (แดน สตีเวน) นักฟิสิกส์ที่มีดีกรีเป็นอดีตนักบินอวกาศนาซา เป็นผู้สร้างหอคอยยักษ์เสียดฟ้าที่ทำหน้าที่กักเก็บพลังงานควอนตัมจากโลกอีกมิติหนึ่ง (หน้าตาเหมือนที่เราเห็นฉากโลกอนาคตในโดราเอมอนแหละ) ทีนี้การรับส่งพลังงานของโลกสองมิตินี้มันมีข้อผิดพลาดขึ้นมา กลายเป็นรูโหว่เบ้อเริ่มปริศนาบนท้องฟ้า หรือ ‘แอคโค่’ เลยเป็นหน้าที่ของวิล ที่จะต้องเดินทางไปแก้ไข ด้วยการเอากล่องดำที่ชื่อว่า ริดิไวเดอร์ ที่เป็นอุปกรณ์พิเศษในการปรับสมดุลสองโลกทั้งสองจักรวาลให้กลับมาเป็นปกติ แต่เจ้าริดิไวเดอร์ (ที่ไม่ใช่ ไวเบรเตอร์) กลับนำความหายนะมาให้ซะอย่างนั้น
ตัวหนังใช้วิธีการเล่าแบบตัดสลับเหตุการณ์ก่อนหลังและโลกทั้ง 2 มิติ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องด้วยมุมกล้องแบบเดียวกับเกมแนวยิงทั้งหลาย (FPS) ใช้กัน ให้ฟีลเหมือนสมัยที่ยังเล่นเกม Half-Life ทำนองเดียวกับการจ่ายเงินไปรอเล่นเครื่องซิมูเลเตอร์ตามสวนสนุกที่จำลองคนดูเป็นตัวละครแล้วเอาตัวรอดจากศัตรูตรงหน้า มีเกจวัดค่า HP คำแนะนำการใช้อาวุธหรือคำเตือนที่ปรากฏขึ้นหากตัวละครเสียเลือดมากจากการต่อสู้ ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อเทียบกับปีหนังสั้นเมื่อปี 2009 อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็สารภาพว่าช่วงแรกต้องใช้เวลาปรับตัวกับมุมมองของหนังที่ออกแบบมาในมุมมองบุคคลที่ 1 เหมือนกัน เรียกว่าใครที่เคยอ้วกแตกตอนเล่นเกมตระกูล Half-Life หรือ Counter Strike สมัยก่อนก็อาจจะมีพะอืดพะอมบ้างกับ หากไม่ใช่คอเกมเมอร์ที่มีภูมิคุ้มอยู่ในดีเอ็นเอ จากหนัง ‘ปุ่มสั่งตาย’ ก็อาจจะกลายเป็น ‘ปุ่มสั่งอ้วก’ ได้เหมือนกัน (ฮา)