อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
เชื่อว่าคอหนังหลายคน โดยเฉพาะแฟนพันธุ์แท้หนังสยองขวัญ คงไม่มีใครไม่รู้จักใบหน้าของ “เรแกน แม็คนีล” เด็กสาวผู้ถูกปีศาจเข้าสิงในภาพยนตร์สุดคลาสสิกตลอดกาลอย่าง The Exorcist (1973) บทบาทที่ส่งให้ชื่อของ ลินดา แบลร์ (Linda Blair) กลายเป็นตำนานที่ถูกจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าชีวิตของเธอบนเส้นทางสายมายานั้นต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และปัจจุบันเธอทำอะไรอยู่ วันนี้ Movie24HD จะพาทุกท่านไปรู้จักเธอให้มากขึ้นครับ
(ตัวอย่างการใส่รูปภาพ)
จุดเริ่มต้นในวงการ และบทบาทเปลี่ยนชีวิตใน The Exorcist
ลินดา เดนิส แบลร์ เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 1959 ณ เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา เธอเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบในฐานะนางแบบเด็กและนักแสดงโฆษณา แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอมาถึงเมื่อเธอเอาชนะผู้สมัครกว่า 600 คน คว้าบท “เรแกน” เด็กสาวผู้ถูกปีศาจ “ปาซูซู” เข้าสิงในภาพยนตร์เรื่อง The Exorcist ของผู้กำกับ วิลเลียม ฟรีดกิน (William Friedkin)
ด้วยการแสดงที่ทรงพลังและน่าทึ่งเกินวัยเพียง 14 ปี ลินดา แบลร์ สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวด ทรมาน และความน่าสะพรึงกลัวของตัวละครออกมาได้อย่างสมจริง จนกลายเป็นภาพจำติดตาผู้ชมทั่วโลก
ความสำเร็จและคำวิจารณ์: The Exorcist กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมและทำรายได้ถล่มทลาย การแสดงของเธอส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และคว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาครองได้สำเร็จ
เบื้องหลังที่หนักหน่วง: แต่ความสำเร็จก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย ลินดาต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำในห้องเย็นจัด, การใส่คอนแทคเลนส์ที่สร้างความเจ็บปวด ไปจนถึงการถูกคุกคามจากกลุ่มผู้คลั่งศาสนาที่ไม่พอใจเนื้อหาของภาพยนตร์
คะแนนจากนักวิจารณ์:
IMDb: 8.1/10
Rotten Tomatoes: 84% (Tomatometer), 87% (Audience Score)
สำหรับใครที่อยากย้อนกลับไปสัมผัสความน่ากลัวระดับตำนาน สามารถรับชม The Exorcist (1973) หมอผี เอ็กซอร์ซิสต์ ได้ที่ Movie24HD
ชีวิตหลังความสำเร็จอันน่าสะพรึง: การต่อสู้กับภาพจำ
แม้ The Exorcist จะสร้างชื่อเสียงให้เธออย่างมหาศาล แต่มันก็กลายเป็น “เงา” ที่เธอไม่สามารถสลัดออกไปได้ เธอถูกผูกติดอยู่กับภาพลักษณ์ “เด็กสาวผีสิง” ทำให้ยากต่อการรับบทบาทอื่นๆ ที่แตกต่างออกไป
เธอกลับมารับบทเดิมอีกครั้งใน Exorcist II: The Heretic (1977) แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าภาคแรก หลังจากนั้นเธอพยายามพิสูจน์ความสามารถทางการแสดงผ่านภาพยนตร์และทีวีดราม่าหลากหลายแนว เช่น Born Innocent (1974) และ Sarah T. – Portrait of a Teenage Alcoholic (1975) ซึ่งเป็นบทบาทที่ท้าทายและได้รับคำชม แต่ก็ยังไม่สามารถลบภาพจำเดิมๆ ได้
ในช่วงยุค 80 เธอได้กลายเป็น “ราชินีหนังเกรดบี” (Scream Queen) จากการแสดงในหนังสยองขวัญและหนังแอ็คชั่นทุนต่ำหลายเรื่อง เช่น Savage Streets (1984) และ Chained Heat (1983)
บทบาทใหม่ในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลินดา แบลร์ ได้ค้นพบแพชชั่นใหม่ที่กลายมาเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตของเธอ นั่นคือ การอุทิศตนเพื่อสวัสดิภาพของสัตว์ เธอได้ก่อตั้งมูลนิธิ Linda Blair WorldHeart Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือและหาบ้านให้กับสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะพันธุ์พิตบูลที่มักถูกเข้าใจผิด
เธอทำงานอย่างหนักเพื่อรณรงค์ต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์และส่งเสริมการรับเลี้ยงสัตว์จรจัด ซึ่งเป็นบทบาทที่เธอภาคภูมิใจและทำมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ภาพยนตร์แนวเดียวกันที่แนะนำ
หากคุณชื่นชอบความสยองขวัญแนวไล่ผีและเรื่องราวเหนือธรรมชาติแบบ The Exorcist เราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่คุณไม่ควรพลาด:
The Omen (1976): เรื่องราวของเด็กชายผู้เป็นบุตรแห่งซาตาน
Rosemary’s Baby (1968): หญิงสาวที่ตั้งท้องลูกของซาตานโดยไม่รู้ตัว
The Conjuring (2013): สร้างจากเรื่องจริงของสองสามีภรรยานักปราบผี เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน
Hereditary (2018): เรื่องราวสุดหลอนของคำสาปในตระกูล
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ปัจจุบัน ลินดา แบลร์ ยังรับงานแสดงอยู่หรือไม่?
A: เธอยังคงรับงานแสดงอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่จะเป็นบทรับเชิญในหนังสยองขวัญหรืองานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมป๊อป แต่เธอให้ความสำคัญกับงานมูลนิธิเพื่อสัตว์เป็นหลักครับ
Q: ตอนที่แสดง The Exorcist เธออายุเท่าไหร่?
A: ลินดา แบลร์ มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้นในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Exorcist ซึ่งทำให้การแสดงของเธอน่าทึ่งและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก
Q: บทบาทใน The Exorcist ส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของเธอมากแค่ไหน?
A: ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลครับ นอกจากการบาดเจ็บทางร่างกายระหว่างถ่ายทำ เธอยังต้องเผชิญกับแรงกดดันทางจิตใจอย่างหนัก รวมถึงการถูกคุกคามจากผู้ชมบางกลุ่ม ทำให้เธอต้องมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันนานถึง 6 เดือนหลังหนังฉาย
Q: สามารถติดตามผลงานและกิจกรรมของเธอได้ที่ไหน?
A: คุณสามารถติดตามกิจกรรมเกี่ยวกับมูลนิธิของเธอได้ทางเว็บไซต์ lindablairworldheart.org และโซเชียลมีเดียของมูลนิธิ ส่วนผลงานภาพยนตร์ของเธอ สามารถค้นหาและรับชมได้ที่ Movie24HD ครับ
บทสรุป
เส้นทางชีวิตของ ลินดา แบลร์ คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามาตั้งแต่วัยเยาว์นั้นเป็นเหมือนดาบสองคม แต่เธอก็สามารถก้าวข้ามผ่านเงาของบทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เพื่อค้นพบเป้าหมายใหม่ที่เปี่ยมด้วยความหมายในการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่พูดไม่ได้ จาก “ราชินีหนังสยองขวัญ” สู่ “นักสู้เพื่อสิทธิสัตว์” นี่คือตำนานบทใหม่ของนักแสดงหญิงที่ชื่อ ลินดา แบลร์
ผลงานภาพยนตร์
Chained Heat
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในเรือนจำหญิงของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งแครอล เฮนเดอร์สัน วัยรุ่นไร้เดียงสาถูกตัดสินจำคุก 18 เดือนในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้บัญชาการคุกแบคแมนมีอ่างน้ำร้อนในห้องทำงาน ผู้ช่วยของเขา กัปตันเทย์เลอร์ ควบคุมโสเภณีในเรือนจำและมีคนรักซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในความสัมพันธ์ลับกับอีริกา หัวหน้านักโทษผิวขาว ในขณะที่นักโทษผิวดำถูกนำโดยดัชเชส ในที่สุด รัฐบาลก็กดดันนักโทษจนเกินเหตุ และพวกเขาเลิกทะเลาะกันเรื่องเชื้อชาติและลุกขึ้นต่อต้านศัตรูร่วมกัน
Hell Night (1981)
ระหว่างงานปาร์ตี้แต่งกายเลียนแบบ วิทยาลัย ปีเตอร์เตรียมริเริ่มคำมั่นสัญญา ใหม่ 4 ข้อใน Alpha Sigma Rho ทั้งสี่คนประกอบด้วย Jeff เด็กชายที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างหรูหรา Marti เด็กหญิงฉลาดจากภูมิหลังที่ยากจน Denise สาวปาร์ตี้เจ้าชู้จากอังกฤษและ Seth นัก เล่นเซิร์ฟจากแคลิฟอร์เนียตอนใต้ในฐานะส่วนหนึ่งของการเริ่มต้น กลุ่มนี้ถูกบังคับให้ใช้เวลาทั้งคืนใน Garth Manor คฤหาสน์ร้างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของ Raymond Garth ผู้ซึ่งฆ่าภรรยาและลูกพิการสามคน Morris, Margaret และ Suzanne จากนั้น Garth ก็ผูกคอตาย แม้ว่าเขาจะมีลูกพิการคนที่สี่ชื่อ Andrew แต่ร่างของเขาไม่เคยพบหรือร่างของ Morris เลย นิทานพื้นบ้านกล่าวว่า Morris และ Andrew ยังคงแฝงตัวอยู่ในคฤหาสน์
หลังจากเรแกนได้รับการช่วยไล่ผีไปในคราวก่อน ตอนนี้เธอก็กำลังได้รับการบำบัดทางจิต แต่แล้วก็ได้มีบาทหลวงที่ชื่อ คุณพ่อฟิลลิป ลามองต์ ได้เดินทางมาเพื่อสืบสวนความจริงที่เกิดขึ้น แล้วทั้งสองก็เริ่มค้นพบว่า ปีศาจมันไม่ได้หนีหายไปไหน มันยังอยู่ใกล้ๆ กับเรแกนนี่แหละ ฟิลิป ลามอนต์ นักบวชผู้ต่อสู้กับศรัทธาของเขา พยายามขับไล่ปีศาจหญิงที่ถูกสิงในละตินอเมริกาที่อ้างว่า “รักษาคนป่วย” แต่การขับไล่ปีศาจกลับล้มเหลวและหญิงคนนั้นล้มเทียนที่จุดไว้ ทำให้สถานที่นั้นลุกเป็นไฟ และเทียนเล่มหนึ่งยังทำให้ ชุดของเธอ ไหม้ โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เธอเสียชีวิต หลังจากนั้น พระคาร์ดินัลลามอนต์ได้รับมอบหมายให้สืบสวนการตายของบาทหลวงแลงเคสเตอร์ เมอร์ริน ซึ่งถูกฆ่าเมื่อสี่ปีก่อนในระหว่างการขับไล่ปีศาจปาซูซูแห่งอัสซีเรียจากรีแกน แม็กนีลพระคาร์ดินัลแจ้งลามอนต์ว่าเมอร์รินกำลังเผชิญกับ ข้อกล่าวหาว่า นอกรีต หลังจากเสียชีวิต เนื่องจากงานเขียนที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งของเขา เนื่องจากทางการคริสตจักรกำลังพยายามปรับปรุงให้ทันสมัยและไม่ต้องการยอมรับว่าซาตานมีอยู่จริง