อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
ไมลส์ เทลเลอร์ (Miles Teller): นักแสดงหนุ่มเจ้าบทบาท ผู้ตีบทแตกทั้งในจอและนอกจอ
ในวงการฮอลลีวูดยุคใหม่ มีนักแสดงชายไม่กี่คนที่สามารถก้าวกระโดดจากบทบาทวัยรุ่นในหนังอินดี้ สู่การเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกได้อย่างน่าทึ่ง และ ไมลส์ เทลเลอร์ คือหนึ่งในนั้น ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่ผสมผสานความกวน ความมุ่งมั่น และความสามารถในการแสดงที่ลึกซึ้ง ทำให้เขาสามารถครองใจผู้ชมได้จากบทบาทที่หลากหลาย ตั้งแต่มือกลองผู้ทะเยอทะยานใน Whiplash ไปจนถึงนักบินเลือดร้อนใน Top Gun: Maverick เส้นทางของเขาคือบทพิสูจน์ของพรสวรรค์และความทุ่มเทอย่างแท้จริง
จุดเริ่มต้นและรากฐานการแสดงที่แข็งแกร่ง
ไมลส์ อเล็กซานเดอร์ เทลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1987 ณ เมืองดาวนิงทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย ด้วยอาชีพวิศวกรโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของบิดา ทำให้ครอบครัวของเขาต้องย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง เขาเติบโตขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งในเพนซิลเวเนียและฟลอริดา เทลเลอร์ฉายแววความสามารถด้านดนตรีและศิลปะตั้งแต่เด็ก เขาสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายชนิด ทั้งแซกโซโฟน กลอง กีตาร์ และเปียโน
เขาตัดสินใจเลือกเส้นทางการแสดงอย่างแน่วแน่ และได้เข้าศึกษาต่อที่ Tisch School of the Arts สถาบันศิลปะการแสดงอันทรงเกียรติแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต (Bachelor of Fine Arts) ในปี 2009 ซึ่งเป็นสถาบันที่สร้างนักแสดงคุณภาพประดับวงการมาแล้วนับไม่ถ้วน
สิ่งหนึ่งที่เป็นที่จดจำบนใบหน้าของเขาคือรอยแผลเป็นหลายแห่ง ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกือบคร่าชีวิตเขาเมื่อปี 2007 ขณะที่เขายังเป็นนักศึกษา แต่เขาก็สามารถฟื้นตัวและมุ่งหน้าสู่ความฝันในการเป็นนักแสดงต่อไป
แจ้งเกิดจากหนังอินดี้และการแสดงที่สะเทือนอารมณ์
เทลเลอร์เริ่มต้นอาชีพนักแสดงด้วยการปรากฏตัวในหนังสั้นหลายเรื่อง ก่อนจะเดบิวต์ในภาพยนตร์จอเงินอย่างเป็นทางการกับเรื่อง Rabbit Hole (2010) ซึ่งเขาได้ร่วมแสดงกับนักแสดงหญิงระดับเอลิสต์อย่าง นิโคล คิดแมน
แต่ผลงานที่ทำให้เขาแจ้งเกิดและได้รับการยอมรับในฐานะดาวรุ่งที่น่าจับตามองอย่างแท้จริงคือภาพยนตร์อินดี้เรื่อง The Spectacular Now (2013) ที่เขาแสดงคู่กับ เชลีน วูดลีย์ ในบท “ซัตเตอร์ คีลี” วัยรุ่นหนุ่มเจ้าเสน่ห์แต่มีปัญหาติดสุรา การแสดงที่เป็นธรรมชาติและเข้าถึงแก่นของตัวละครทำให้เขาได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง
“Whiplash”: การแสดงระดับมาสเตอร์พีซ
ในปี 2014 ไมลส์ เทลเลอร์ ได้มอบการแสดงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ระดับมาสเตอร์พีซ” ในภาพยนตร์เรื่อง Whiplash (ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ) เขารับบทเป็น “แอนดริว นีแมน” นักศึกษาดนตรีแจ๊สผู้มีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้าที่จะเป็นมือกลองระดับโลก และต้องเผชิญหน้ากับครูผู้สอนสุดโหด (รับบทโดย เจ.เค. ซิมมอนส์)
เพื่อรับบทนี้ เทลเลอร์ซึ่งมีพื้นฐานการตีกลองมาตั้งแต่เด็ก ได้ทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงจนถึงขั้นที่มือของเขาเป็นแผลพุพองจริงๆ การแสดงที่เต็มไปด้วยพลัง ความกดดัน และความบ้าคลั่งของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้สะกดผู้ชมทั่วโลกและส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในเวทีต่างๆ มากมาย รวมถึงรางวัล BAFTA สาขาดาวรุ่งยอดเยี่ยม
ก้าวสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์: “Top Gun: Maverick”
หลังจากสร้างชื่อจากหนังรางวัล เทลเลอร์ก็ได้มีผลงานในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลากหลายเรื่อง เช่น แฟรนไชส์ Divergent ในบท “ปีเตอร์ เฮย์ส” ผู้มีนิสัยกลับกลอก, War Dogs (2016) หนังตลกร้ายที่สร้างจากเรื่องจริง, และ Bleed for This (2016) ภาพยนตร์ชีวประวัตินักมวย วินนี่ ปาเซียนซ่า
แต่บทบาทที่ส่งให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่างเต็มตัวคือการรับบทเป็น เรือโทแบรดลีย์ “รูสเตอร์” แบรดชอว์ ลูกชายของ “กูส” เพื่อนรักของมาเวอริค ในภาพยนตร์ภาคต่อที่ทุกคนรอคอยอย่าง Top Gun: Maverick (2022)
การแสดงของเขาในบท “รูสเตอร์” ที่ต้องแบกรับความขัดแย้งในใจที่มีต่อ “มาเวอริค” (ทอม ครูซ) แต่ก็มีความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักบินรบ ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก ฉากที่เขาเล่นเปียโนและร้องเพลง “Great Balls of Fire” กลายเป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำของภาพยนตร์ ความสำเร็จถล่มทลายของ Top Gun: Maverick ได้ตอกย้ำสถานะการเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดให้กับ ไมลส์ เทลเลอร์ อย่างสมบูรณ์
บทสรุป
จากนักแสดงหนุ่มในหนังอินดี้ สู่ดาวรุ่งเจ้าบทบาท และซูเปอร์สตาร์ในหนังพันล้าน ไมลส์ เทลเลอร์ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถอันหลากหลายและความทุ่มเทที่เขามีต่อทุกบทบาทที่ได้รับ ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่ผสมผสานความขี้เล่นและความจริงจังไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้เขายังคงเป็นหนึ่งในนักแสดงชายที่น่าจับตามองที่สุดในยุคของเขา และพร้อมที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่น่าจดจำออกมาให้ผู้ชมได้ติดตามต่อไป
ผลงานภาพยนตร์
War Dogs (2016)
ในปี 2005 เดวิด แพ็กคูซเป็นนักกายภาพบำบัดที่อาศัยอยู่ในไมอามีรัฐฟลอริดากับอิซ แฟนสาวของเขา เขาใช้เงินเก็บทั้งหมดซื้อผ้าปูที่นอนคุณภาพดีเพื่อขายต่อให้กับบ้านพักคนชรา แต่กิจการนี้ล้มเหลว เดวิดได้พบกับเอฟราอิม ดิเวโรลี เพื่อนเก่าของเขา ซึ่งก่อตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ AEY Inc. โดยขายอาวุธให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้ในสงครามอิรักอิซบอกเดวิดว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ และเอฟราอิมก็เสนองานให้เขาที่ AEY แม้ว่าเดวิดและอิซจะคัดค้านสงครามอย่างรุนแรง แต่เดวิดก็เข้าร่วม AEY และโกหกอิซ
Whiplash (2014) ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ
ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบออกฉายครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ค.ศ. 2014 สายประกวด หมวดหมู่ภาพยนตร์ดราม่าจากสหรัฐอเมริกา เมื่อ 16 มกราคม 2014 โดยเป็นภาพยนตร์ที่ฉายเปิดเทศกาล หลังจากนั้นสิทธิในการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ในต่างประเทศได้ตกเป็นของโซนี่พิคเจอร์สเวิลด์ไวด์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม บันทึกเสียงยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Simmons) และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในรางวัลออสการ์ครั้งที่ 87
เจ้าหน้าที่สายลับฝีมือเยี่ยมสองคน สนิทกันจากระยะห่างเมื่อถูกส่งตัวไปเฝ้าหอประจำการณ์สองฟากฝั่งของโกรกธารปริศนา เมื่อเจอเรื่องเลวร้ายจากเบื้องลึกทั้งสองจำต้องร่วมมือกันจึงจะรอดจากสิ่งที่อยู่ในนั้นได้ มือปืนชั้นยอดสองคนได้รับภารกิจเหมือนกัน นั่นคือเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เปิดเผยและเฝ้ายามฝั่งตะวันตกและตะวันออกของหุบเขาลึกเป็นเวลาหนึ่งปีโดยห้ามติดต่อกับโลกภายนอกหรือคู่หูของพวกเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เลวี เคน อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯและปัจจุบันเป็นผู้รับเหมาเอกชนยอมรับข้อเสนอในการเฝ้ายามหอคอยฝั่งตะวันตก ดรัสซา เจ้าหน้าที่ลับ ชาวลิทัวเนีย ที่มักถูก เครมลินจ้างงานตกลงที่จะเฝ้ายามฝั่งตะวันออก