ดูหนัง Morrison (2024) มอร์ริสัน
หนุ่มวิศวกรมาดูงาน ณ โรงแรมที่พ่อแม่ได้พบกันในช่วงสงครามเวียดนาม และพบว่าโถงทางเดินอันคดเคี้ยวภายในนั้นกลับมีชีวิตด้วยความทรงจำจากอดีตจิมมี่ อดีตดาราเพลงป็อปวัย 40 ปีที่ผันตัวมาเป็นวิศวกร ถูกส่งมายังภูมิภาคที่เขาเคยอยู่ในวัยเด็กเพื่อดูแลการปรับปรุงโรงแรมเก่าแห่งหนึ่ง เมื่อตั้งรกรากแล้ว จิมมี่ก็พบว่าโรงแรมที่เคยหรูหราแห่งนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง เป็นเพียงเขาวงกตในทางเดินแคบๆ และเป็นซากของยุคที่ล่วงเลยไปแล้ว ซึ่งยังคงมีร่องรอยของการยึดครองของอเมริกาอยู่ ในใจกลางสถานที่ลึกลับแห่งนี้ จิมมี่จะเดินเตร่ไปมาระหว่างความฝันและจินตนาการ และย้อนรอยประวัติศาสตร์ของครอบครัวเขา
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Joe Cummings / โจ คัมมิ่งส์
ผู้กำกับ พุฒิพงศ์ อรุณเพ็ง
รีวิวหนัง Morrison (2024) มอร์ริสัน
ฉันเล่นเป็นเบ็นในหนังเรื่องนี้
ฉันไม่รู้ว่าทำไมชื่อของฉันถึงไม่ได้อยู่ในรายชื่อนักแสดง Gareth Payne แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเดินทางที่เหลือเชื่อที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมันภาพยนตร์ที่มีศิลปะมากโดยมีนักแสดงและทีมงานที่ยอดเยี่ยมเข้าร่วม ฉากโรงแรมถ่ายทำที่จันทบุรี ประเทศไทย มีงบประมาณจำกัดและการถ่ายทำล่าช้าเนื่องจากโควิดภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่น่าสับสนฉากหนึ่งซึ่งใกล้จะจบแล้ว เมื่อหน้าจอมืดลงชั่วขณะหนึ่ง แต่โดยรวมแล้ว แนวคิด แนวคิด และงานที่เราดำเนินการในฐานะนักแสดงและทีมงานทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้ดีอย่างแน่นอน เป็นความลับเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่อาจสนใจ
ในตอนแรกพวกเราทุกคนเต้นรำกันในช่วงเครดิตปิดท้ายซึ่งไม่ได้เพิ่มในตอนท้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับฉันเนื่องจากตอขาของฉันฟกช้ำ เนื่องจากฉันเป็นผู้พิการทางร่างกายทั้งสองข้างตั้งแต่ใต้เข่าท่ามกลางกระแสหนังไทยที่กลับมาบูมและปังสุด ๆ ในปีนี้ ก็ยังมีหนังไทยฟอร์มเล็ก ๆ อีกเรื่อง ที่โดดเด่นจากเทศกาลหนังต่าง ๆ ทั่วโลก แน่นอนว่านี่คือหนังไทยไม่ได้จัดอยู่ในสายหนังเชิงพาณิชย์ทั่วไปแน่ ๆ และไฮไลต์มันอยู่ที่เป็นหนังที่สามารถชักจูงให้ “ฮิวโก้ จุลจักร” กลับมารับงานแสดงได้อีกครั้งในรอบทศวรรษ และนี่ก็คือ หนังดรามาที่คลุกเคล้าไปด้วยห้วงอารมณ์ต่าง ๆ กับความลึกลับที่แอบซ่อนอยู่ในตึกทรุดโทรมหลังหนึ่ง
เป็นเรื่องราวของ จิมมี่ หนุ่มที่อดีตเคยเป็นนักร้องป็อปสตาร์ลูกครึ่งไทย-อเมริกันชื่อดัง ที่เบี่ยงเส้นทางชีวิตไปเป็นวิศวกรอย่างเต็มตัว เขาได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดที่ภาคอีสานอีกครั้ง เพื่อรับหน้าที่รีโนเวทโรงแรมเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล หลังจากที่แม่ของเขาได้จากไป เมื่อเขามาถึงโรงแรมแห่งนี้ก็พบว่าความหรูหราที่เคยเป็นไปเปลี่ยนเป็นโรงแรมเก่าทรุดโทรม และยังเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่สมัยที่เขายังไม่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้
นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับสายอินดี้และสายศิลป์ “พุทธิพงษ์ อรุณเพ็ง” ที่เคยแจ้งเกิดมาจากเรื่อง กระเบนราหู เมื่อไม่กี่ปีก่อน กลับมาคราวนี้ถือว่ายังคงเส้นคงวาในการละเลงแนวคิดสร้างสรรค์ลงในผลงานตัวเองอีกครั้ง ด้วยการใช้เทคนิคที่จัดจ้านและเป็นสไตล์ กลายเป็นหนึ่งเอกลักษณ์ที่หาจับตัวได้ยากไม่น้อยในวงการหนังไทย และเขาคนนั้นก็ยังทำได้ถึงอย่างต่อเนื่อง ในแง่งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ที่บางใจคนรักศิลปะโดยแท้
คือหนังที่ พุทธิพงษ์ อรุณเพ็ง รับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังเช่นเคย พูดถึงบทหนังเรื่องนี้ถือว่ายังคงความซับซ้อนในมิติที่หลากหลายเอาไว้ตามลีลาชิ้นงานของเขา แต่เราพบว่าพล็อตเรื่องนี้ค่อนข้างย่อยง่ายกว่าที่คิด พล็อตเรื่องต่าง ๆ เป็นสิ่งที่น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากนัก แต่นักสร้างหนังหนุ่มผู้นี้ก็ใช้เทคนิคอันแพรวพราวในการเล่าเรื่องมาผสมผสานให้หนังพล็อตเฉย ๆ เรื่องนี้ เต็มไปด้วยมิติและน่าค้นหายิ่งขึ้นเป็นกอง
แน่นอนว่าถ้าจะพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ก็คือหนังสไตล์ที่คอหนังทั่ว ๆ ไป ที่ชื่นชอบหนังฟอร์มใหญ่ หนังบ็อกซ์บัสเตอร์ ไม่น่าจะประทับใจแน่ ๆ เพราะเป็นหนังที่ใช้สมาธิและการปล่อยใจปล่อยอารมณ์ไปกับห้วงแนวคิดของหนังแทบจะทุกฉาก เป็นการปล่อยให้คนดูได้คิดตามอย่างอิสระว่า..ประเด็นนี้คืออะไร หมายถึงอะไร โดยที่ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิดมาเป็นสิ่งตัดสิน เข้าขั้นเป็นหนังที่มีความอินดี้เฉพาะตัวสูงพอประมาณ และมันก็น่าจะเป็นกำแพงที่ทำให้เข้าถึงกลุ่มคนดูได้ยาก
ก็เต็มไปด้วยองค์ประกอบงานสร้างต่าง ๆ ที่ล้ำเลิศอีกเช่นเคย ด้วยลายเส้นอันโดดเด่นของนักสร้างหนังผู้นี้ การใช้ลูกเล่นเทคนิคการออกมาแสงและสีต่าง ๆ ยังหยิบนำมาใช้ในเรื่องนี้ได้อย่างคุ้มค่า โปรดักชันดีไซน์ของหนังค่อนข้างละเอียดและคมคามดีไม่น้อย ทุก ๆ ส่วนผ่านการกลั่นกรองออกมาได้แบบไม่ดูถูกคนดู แล้วยังมาผนวกเข้ากับการเล่นกับอารมณ์คนดูด้วยซาวน์เสียงที่ทรงพลังและน่าเกรงขาม เป็นหลาย ๆ องค์ประกอบที่ใส่เข้ามาได้อย่างขึงขัง และหาได้ไม่บ่อยหนังในวงการหนังไทย
ถึงแม้ว่าในแง่สไตล์กับลีลาการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ อาจจะยังไม่ใช่วิถีที่เราอยากจะซื้อสักเท่าไหร่นัก การร้อยเรียงเรื่องที่ปล่อยจอยเกินไป ทำให้บางครั้งก็เหนื่อยที่ตกตะกอนตามหนังเช่นเดียวกัน จึงทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเพียงการเล่าไปเรื่อย ๆ เล่าแบบที่เราก็ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางจะไปสิ้นสุดอยู่ตรงไหน และอะไรที่เป็นไฮไลต์ที่สำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้กันแน่
ส่วนในแง่การแสดงก็ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะเป็นอีกส่วนที่ช่วยกอบกู้ตัวหนังเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เล็ก ฮิวโก้ ที่กลับมาแสดงอีกครั้งในรอบเกือบทศวรรษ เขายังคงเจิดจรัสกับการรับหน้าที่นำแสดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเขาก็คือผู้ที่ช่วบขับเคลื่อนหนังได้อย่างมีเสน่ห์ เช่นเดียวกับ “คิตตี้ ชิชะ” ก็ยังโชว์ศักยภาพการเป็นนักแสดงหญิงได้อย่างจัดจ้าน ถึงบทบาทเรื่องนี้จะไม่ค่อยมีอะไรมากนัก แต่ไม่ว่าจะมีซีนไหนเธอเอาอยู่
“โจ คัมมินส์” นักแสดงฝรั่งที่น่าจะเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เห็นได้บ่อย ๆ ในหนังไทย ถือว่าวาดลวดลายกับบทบาทที่น่าสนใจไม่น้อย การปรากฏตัวของเขาที่มักจะมาส่งเสริมคาแรกเตอร์ของฮิวโก กลายเป็นการเติเต็มซึ่งกันและกันได้สมปรารถนา และอีกหนึ่งนักแสดงที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์เบา ๆ เพราะไม่ได้เห็นเธอบนจอใหญ่มานานแล้ว ก็คือ “เปิ้ล ไอริณ” ที่มาในบทบาทที่เธอได้มีจังหวะปล่อยของเบา ๆ ไม่น้อย