ดูหนัง Absolute Power (1997) แผนลับ โค่นประธานาธิบดี
ถ้าคุณชื่นชอบภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวสมคบคิดในระดับสูงสุดของประเทศ และการต่อสู้ของคนธรรมดาที่ต้องงัดข้อกับผู้มีอำนาจ “Absolute Power” คือผลงานการกำกับและนำแสดงเองของตำนานตลอดกาล คลินต์ อีสต์วูด ที่จะทำให้คุณลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้!
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ ลูเธอร์ วิทนีย์ (รับบทโดย คลินต์ อีสต์วูด) ยอดนักย่องเบามืออาชีพระดับปรมาจารย์ผู้กำลังจะวางมือ หลังจากติดคุกมาหลายปี เขาตัดสินใจจะทำงานใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย นั่นคือการบุกเข้าไปขโมยเครื่องเพชรในคฤหาสน์สุดหรูของ วอลเตอร์ ซัลลิแวน มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล การโจรกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่นตามแผน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงได้กลับมาพร้อมกับ “ชู้รัก” ของเธอ ทำให้ลูเธอร์ต้องซ่อนตัวอยู่ในห้องลับหลังกระจกสองด้าน และเขาก็ได้กลายเป็นพยานเพียงคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์สุดช็อก! ชู้รักของเธอไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ ประธานาธิบดี อลัน ริชมอนด์ (รับบทโดย จีน แฮ็กแมน) แห่งสหรัฐอเมริกา! เมื่อความสัมพันธ์สวาทเกิดบานปลายจนนำไปสู่การฆาตกรรม ลูเธอร์ก็ได้เห็นการจัดฉากและการปกปิดความผิดโดยทีมงานของประธานาธิบดีและหน่วยสืบราชการลับอย่างเต็มสองตา ในตอนแรกลูเธอร์ตั้งใจจะหนีไปให้ไกลที่สุด แต่เมื่อเขาถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรและถูกตามล่าจากทั้งตำรวจและมือสังหารของทำเนียบขาว เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่หนี แต่จะพลิกเกมกลับมาต่อสู้เพื่อเปิดโปงความจริงและทวงคืนความยุติธรรม โดยมี นักสืบเซ็ธ แฟรงค์ (รับบทโดย เอ็ด แฮร์ริส) เป็นผู้ที่คอยตามสืบสวนคดีนี้อย่างไม่ลดละ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย! “Absolute Power” คือภาพยนตร์ทริลเลอร์สำหรับผู้ใหญ่ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและมีชั้นเชิง หนังโดดเด่นในการสร้างสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นและกดดัน โดยเฉพาะฉากการโจรกรรมในช่วงต้นเรื่องที่ทำออกมาได้อย่างน่าทึ่งและชวนให้ลุ้นตาม คลินต์ อีสต์วูด ในวัยเก๋า สามารถถ่ายทอดบทบาทยอดโจรผู้สุขุมและฉลาดหลักแหลมได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีเสน่ห์ ในขณะที่ จีน แฮ็กแมน ก็มอบการแสดงที่น่าจดจำในบทประธานาธิบดีผู้มีด้านมืด และ เอ็ด แฮร์ริส ก็ยอดเยี่ยมในบทนักสืบผู้กัดไม่ปล่อย แม้ว่าพล็อตเรื่องอาจจะเดินตามสูตรสำเร็จของหนังแนวสมคบคิดในยุค 90s ไปบ้าง แต่ด้วยการกำกับที่เฉียบคม, การแสดงที่แข็งแกร่ง, และบทภาพยนตร์ที่น่าติดตาม ก็ทำให้ “Absolute Power” ยังคงเป็นหนังทริลเลอร์-การเมืองที่ดูสนุกและยังคงความคลาสสิกมาจนถึงปัจจุบัน คะแนนจากนักวิจารณ์: ⭐ 6/10 ลูเธอร์ วิทนี่ย์ (Clint Eastwood) คือตีนแมวลายครามที่ขโมยของที่หมายตาได้ทุกครั้ง และการขโมยครั้งล่าสุดก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรครับ แค่เล็งสถานที่ไว้ ดูจังหวะให้เหมาะ แล้วก็ดอดเข้าไปฉวยของออกมาจากคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีรายหนึ่ง แต่ระหว่างการขโมยนั้นก็เกิดเหตุไม่คาดฝันครับ มีชายหญิงคู่หนึ่งเข้ามาพลอดรักกันในห้อง ลูเธอร์เลยต้องซ่อนตัวในตู้เป็นการชั่วคราว กะจะรอให้ทั้งสองเสร็จกิจสมหวังแล้วค่อยย่องออกไป แต่เพียงไม่นานครับ ทั้งคู่กลับทะเลาะกัน มีปากเสียง ก่อนจะลงเอยด้วยการทำร้ายอย่างรุนแรง และผลสรุปก็คือ ฝ่ายหญิงเสียชีวิตทันที! เท่านั้นล่ะครับ ลูเธอร์ได้เปลี่ยนสถานภาพจากผู้บุกรุกเป็นพยานการฆาตกรรมทันที และที่ร้ายหนักคือฝ่ายชายที่ลงมือฆ่าน่ะ เขาคือ อัลเลน ริชมอนด์ (Gene Hackman) ประธานาธิบดีของอเมริกา! แม้ลูเธอร์จะสามารถหาทางเล็ดรอดหนีออกมาได้ แต่อัลเลนและตำรวจลับที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ดีครับว่ามีบุคคลอื่นรู้เห็นการฆาตกรรมครั้งนี้แน่นอน สืบไปสืบมาก็รู้ชัดล่ะครับว่าคือลูเธอร์แน่ๆ จึงสั่งตามล่าลูเธอร์เพื่อปิดปาก พร้อมทั้งใส่ความลูเธอร์สารพัด ทำให้ตีนแมวเฒ่าต้องหาทางเอาตัวรอดจากประธานาธิบดีที่ทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิดคนนี้ เพื่อความปลอดภัยของเขาเองและลูกสาว (Laura Linney) ที่เริ่มโดนทางการเพ่งเล็งเช่นกัน ตัวหนังสร้างจากนิยายชื่อเดียวกันนี้ของ David Baldacci ที่คอนิยายแนวสืบสวนบ้านเราน่าจะคุ้นชื่อกันพอสมควร ตั้งแต่ชุด The Camel Club เป็นต้นมา ส่วนเรื่อง Absolute Power นี่รู้สึกจะยังไม่มีออกมาครับ แต่ยังไงก็ตาม ผมคนหนึ่งล่ะครับที่ชอบนิยายของพี่ Baldacci พี่แกเขียนแนวทริลเลอร์ปนการเมืองได้ อ่านมันส์ครับ ระทึกและเร้าใจดี น้องๆ Tom Clancy เลยล่ะ แต่สำหรับตัวหนังนั้น ลีลามันไม่ได้ระทึกเท่าไรครับ เหตุผลสำคัญคงเพราะปู่ Clint ลงมือกำกับเอง และส่วนใหญ่หนังที่ปู่เขาทำก็มักจะออกมาเนิ่บๆ ไม่หวือหวาเร้าใจ แต่จะให้คนดูซึมไปกับอารมณ์และบรรยากาศมากกว่า ซึ่งถ้าว่าตามตรงก็คือ หนังออกมาโอเคครับ สัมผัสได้ถึงคุณภาพในหลายๆ จุด เริ่มจากดาราที่ขนมือดีมาทั้งแถบ นอกจากสามดารานำที่เอ่ยชื่อไปแล้ว ก็มี Ed Harris, Scott Glenn, Dennis Haysbert, Judy Davis และ E.G. Marshall แสดงดีๆ กันทั้งนั้นล่ะครับ ดนตรีก็ได้อารมณ์ มุมกล้องแม้จะไม่ฉับไวแบบคนรุ่นใหม่แต่ก็จับอารมณ์ของเรื่องราวได้ดี กระนั้นก็ยังรู้สึกน่ะครับ ว่าหนังพร่องความตื่นเต้นลุ้นระทึกสไตล์หนังทริลเลอร์-สืบสวนไป ถ้ามีนะครับครบองค์แห่งความเจ๋งเลยล่ะ ทว่าพอตัวหนังมันออกแนวดราม่ามากกว่า ความน่าเบื่อก็เลยอาจจะมาเยี่ยมมาเยือนคนดูบ้างเป็นพักๆ เพราะหนังยาวตั้ง 2 ชั่วโมงน่ะครับ ปมอะไรก็ไม่มี คนดูก็รู้แต่แรกแล้วครับว่าใครทำ ใครผิด ใครถูก ใครดี ใครชั่ว ที่เหลือก็แค่รอว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไร แต่กว่าเรื่องจะลงเอยได้ก็ออกแนวยืดครับ ดราม่าไป ดราม่ามา ไม่มีอะไรลุ้นๆ ตื่นเต้นมาดึงความสนใจ อย่างผมเนี่ยยังพอตาสว่างบ้างที่ได้เห็นดาราฝีมือดีๆ มาแสดงร่วมกัน (มีแอบเบื่อบ้าง แต่ยังพอไหว) แต่ถ้าใครไม่ชอบแนวเนิ่บๆ แบบปู่ Clint ล่ะก็ มีหวังเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้แน่ๆ ล่ะครับ อาจบ่นด้วยล่ะ ว่าจืดเพราะขาดความระทึกไปหน่อย ส่วนประเด็นที่หนังเล่นก็ตรงไปตรงมาครับ หนังตั้งคำถามให้เราลองคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าคนเป็นผู้นำใช้อำนาจผิดทาง ทำผิดก็หาทางปกปิด แล้วยังใช้กำลังของหลวงที่น่าจะเอาไปใช้ในงานของประเทศ มาทำงานส่วนตัวกลบความผิดตัวเองอีก ผิดซ้ำผิดซ้อนเลยแบบนี้ ถ้าดูประเด็นนี้แบบมองให้คิดบวกหน่อยก็คงดูเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนเป็นผู้นำทั้งหลาย ไม่ว่าจะนำบริษัท นำครอบครัว นำครอบครัว เตือนให้เราคิดว่า ทำอะไรต้องมีสติ อย่าทำไปตามอารมณ์หรือกิเลสตัณหา เพราะมันอาจจะสนุกตอนเริ่ม แต่กลายเป็นสยองตอนปลายก็ได้ ดังนั้นวัคซีนกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อชีวิตหรือต่อตำแหน่งก็คือ การไม่ทำสิ่งผิดนั่นเองล่ะครับ จริงๆ ข้อคิดนี้ไม่ใช่สำหรับผู้นำอย่างเดียว คนทั่วไปก็เหมือนกันล่ะครับ ถ้าเรามีสติหลีกเลี่ยงการทำผิดและทำอะไรตามอารมณ์ แค่นี้เราก็ไม่ต้องมาเครียด ปั่นป่วน หรือเสียเวลาในการกลบมันแล้วล่ะ ทำถูกเข้าไว้ก็เรียบร้อย ชีวิตจะได้เดินหน้าไปเรื่อยๆ ทำอะไรก้าวหน้าได้ตลอด แบบนี้ดีกว่าเยอะ สรุปว่าตัวหนังดี มีระดับตามสไตล์ปู่ Clint แต่พร่องในจุดที่สำคัญมากๆ อย่างความตื่นเต้นชวนติดตาม เลยทำให้องค์ประกอบดีๆ ฉายแสงได้ไม่เต็มที่ หนังเลยดูได้ ไม่เลว แต่ยังไม่เฉียบเท่าไร ในแง่รายได้ถือว่าเข้าเนื้อครึ่งหนึ่งครับ ลงทุน $50 ล้าน ได้คืนมา $50 ล้าน นั่นแปลว่าเข้าเนื้อครึ่งหนึ่ง (เพราะได้มา $50 ล้าน ไม่ได้แปลว่าคนเงินกระเป๋าคนสร้างทั้งหมด แต่จะเข้าราวๆ ครึ่งหนึ่งโดยประมาณครับ) แหม ก็หนังสืบสวนนี่ครับ กลับนิ่งในเรื่องการสืบสวน ทิ้งปม หรือความตื่นเต้น ก็เหมือนกินหมูซีอิ๊วไม่ใส่ซีอิ๊วนั่นแหละครับ รสมันก็ไม่เด่น ไม่เตะจมูกถูกปากเท่าใส่ซีอิ๊วหรอก ⭐ 5/10 นักแสดงบางคนเมื่ออายุครบหกสิบหรือเจ็ดสิบก็เกษียณอายุ บางคนเข้าสู่ช่วงกึ่งเกษียณ โดยยังคงรับบทบาทรับเชิญแต่ไม่ได้รับบทนำ อย่างไรก็ตาม บางคนพยายามหวนรำลึกถึงความสำเร็จในวัยเยาว์ด้วยการสร้างภาพยนตร์แบบเดียวกับที่เคยทำเมื่อยี่สิบหรือสามสิบปีก่อน มีตัวอย่างมากมายเกินกว่าจะยกมาทั้งหมด แต่ผมไม่ค่อยตื่นเต้นนักที่จะสังเกตว่าซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ในวัยหกสิบเพิ่งสร้างภาพยนตร์ “Rocky” เรื่องที่หก และกำลังถ่ายทำ “Rambo” เรื่องที่สี่ คลินท์ อีสต์วูด เป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของดาราที่สามารถรักษาความเป็นผู้นำได้ตลอดทศวรรษที่เจ็ดและแปด แต่กลับทำได้โดยไม่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะย้อนเวลากลับไป (แน่นอนว่าสถานะของเขาในฐานะผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างทำให้เขามีอิทธิพลในวงการมากกว่านักแสดงรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคน) ในช่วงต้นวัยหกสิบ เขาได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “Unforgiven” หนึ่งในภาพยนตร์ตะวันตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยรับบทเป็นมือปืนสูงวัย และตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง เช่น “The Bridges of Madison County” และ “Million Dollar Baby” ที่เล่าเรื่องราวของชายสูงวัยที่มีบทบาทสำคัญ บางครั้งบทบาทของเขาก็มีองค์ประกอบที่สะท้อนถึงความปรารถนาของชายชรา เช่น ความรักที่เขามีกับเรเน รุสโซ ในภาพยนตร์เรื่อง “In the Line of Fire” แต่แม้แต่ในเรื่องนั้น อายุของตัวละครของเขาก็ยังมีความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง “Absolute Power” ซึ่งสร้างเมื่ออีสต์วูดอายุหกสิบเจ็ดปี เป็นภาพยนตร์ของชายสูงวัยอีกเรื่องหนึ่ง ตัวละครของเขา ลูเธอร์ วิทนีย์ เป็นหัวขโมยผู้มากประสบการณ์ที่บุกเข้าไปในคฤหาสน์ของเศรษฐีสูงวัยวอลเตอร์ ซัลลิแวนในกรุงวอชิงตัน ซึ่งจากที่ซ่อนตัว เขาบังเอิญเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ คริสตี้ ภรรยาสาวของซัลลิแวน เข้าไปในห้องนอนพร้อมกับคนรักของเธอ ซึ่งก็คือประธานาธิบดีอัลเลน ริชมอนด์ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากการร่วมรักโดยสมัครใจ แต่กลับผิดพลาดเมื่อริชมอนด์ ผู้ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชอบเซ็กส์แบบรุนแรง เริ่มตบคริสตี้ เธอไม่พอใจและตบกลับ สถานการณ์ตึงเครียด เธอพยายามแทงเขาด้วยที่เปิดจดหมาย ริชมอนด์ร้องขอความช่วยเหลือ และบอดี้การ์ดหน่วยสืบราชการลับของเขาก็บุกเข้ามาในห้องและยิงคริสตี้เสียชีวิต นักวิจารณ์บางคนอธิบายว่าการฆาตกรรมคริสตี้เป็น “การฆาตกรรม” แต่ในทางกฎหมายแล้วไม่ถูกต้อง หากบอดี้การ์ดทั้งสองถูกพิจารณาคดีในข้อหาฆาตกรรม พวกเขาคงพ้นผิดไปแล้ว เพราะพวกเขาเพียงแค่ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตของประธานาธิบดี แต่เรื่องกลับไม่บานปลาย ริชมอนด์ตกใจเกินกว่าจะลงมือกระทำการใดๆ แต่กลอเรีย รัสเซลล์ หัวหน้าคณะทำงานของเขา ตระหนักดีว่าหากความจริงถูกเปิดเผย มันจะทำลายอาชีพของเขา จึงวางแผนปกปิดความจริง เมื่อทีมงานของประธานาธิบดีรู้ว่าลูเธอร์เป็นพยานในเหตุการณ์ฆาตกรรม เขาจึงถูกบังคับให้หลบหนี นี่อาจเป็นพล็อตเรื่องหนังระทึกขวัญการเมืองธรรมดาๆ แต่อีสต์วูด ทั้งในฐานะนักแสดงและผู้กำกับ ก็สามารถยกระดับหนังเรื่องนี้ให้เหนือชั้นกว่านั้นได้ แม้ว่าลูเธอร์จะมีนิสัยชอบก่ออาชญากรรม แต่อีสต์วูดก็สามารถทำให้เขาเป็นบุคคลที่น่าเห็นใจ เป็นคนที่มีสำนึกในความเหมาะสมและศักดิ์ศรีในแบบของตัวเอง เขาได้รับความช่วยเหลือจากนักแสดงที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งประกอบด้วยนักแสดงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฮอลลีวูดหลายคน ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขามี อี.จี. มาร์แชลล์ รับบทซัลลิแวน, จีน แฮ็กแมน (ตัวร้ายที่น่าจับตามองเสมอ) รับบทริชมอนด์ผู้หน้าซื่อใจคด, จูดี้ เดวิส รับบทกลอเรีย และเอ็ด แฮร์ริส รับบทหัวหน้าตำรวจที่กำลังสืบสวนการตายของคริสตี้ และในไม่ช้าก็ตระหนักว่าเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็น ลอร่า ลินนีย์ นักแสดงมากฝีมือ รับบทเคท ลูกสาวของลูเธอร์ มีบทบาทสำคัญเป็นพิเศษ เธอเริ่มห่างเหินจากพ่อเพราะไม่เห็นด้วยกับวิถีชีวิตอาชญากรของเขา และปัจจุบันทำงานเป็นทนายความคดีอาญา ดำเนินคดีแทนตำรวจ เมื่อเธอรู้ว่าพ่อของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอจึงเข้าไปช่วยเหลือ และพวกเขาก็เริ่มสร้างความสัมพันธ์กันใหม่ หากคุณชื่นชอบหนังแนวการเมือง-ทริลเลอร์ หรือสมคบคิด เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้: Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือหรือไม่? Q: ทำไมหนังถึงได้รับคำวิจารณ์ที่ผสมปนเปกันไป? Q: คลินต์ อีสต์วูด กำกับและแสดงนำเองบ่อยแค่ไหน?ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: หนังการเมือง-ทริลเลอร์ที่ดูสนุกและคลาสสิก
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
A: ใช่ครับ! “Absolute Power” ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกันปี 1996 ของนักเขียน เดวิด บัลดัคชี (David Baldacci)
A: นักวิจารณ์บางส่วนมองว่าบทภาพยนตร์ในช่วงท้ายเรื่องค่อนข้างจะอ่อนลงและขาดความสมจริงไปบ้างเมื่อเทียบกับช่วงต้นเรื่องที่ทำไว้ดีมาก แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังได้รับการชื่นชมอย่างสูงในด้านการแสดงและการกำกับครับ
A: บ่อยมากครับ! นี่คือหนึ่งในลายเซ็นของเขาเลยก็ว่าได้ คลินต์ อีสต์วูด เป็นหนึ่งในผู้สร้างภาพยนตร์ไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในฐานะนักแสดงและผู้กำกับ และมักจะกำกับภาพยนตร์ที่ตัวเองแสดงนำอยู่เสมอ เช่น Unforgiven, Million Dollar Baby, Gran Torino เป็นต้น
