ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
- ผู้กำกับ: หว่องกาไว (Wong Kar-wai)
- นักแสดงนำ:
- หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) รับบท อาหวา
- จางม่านอวี้ (Maggie Cheung) รับบท อาเอ๋อ
- จางเซียะโหย่ว (Jacky Cheung) รับบท อุ๊ยอิ๋ว
- ว่านจื่อเหลียง (Alex Man) รับบท โทนี่
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: จุดเริ่มต้นแห่งลายเซ็น “หว่องกาไว”
“As Tears Go By” อาจจะเป็นหนังที่ “ดูง่าย” ที่สุดในบรรดาผลงานทั้งหมดของหว่องกาไว ด้วยโครงเรื่องแนวแก๊งสเตอร์-ดราม่าที่ได้รับอิทธิพลจากกระแส “Heroic Bloodshed” ในยุคนั้น แต่เราก็จะได้เห็น “ลายเซ็น” ที่กำลังจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาในเวลาต่อมาอย่างชัดเจน ทั้งการใช้เพลงประกอบที่สื่ออารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม (โดยเฉพาะเพลง “Take My Breath Away” ในเวอร์ชันจีนกวางตุ้ง), การเล่นกับสีสันและแสงไฟนีออน, และการสำรวจความสัมพันธ์ที่เปราะบางของตัวละคร
การแสดงของทีมนักแสดงทุกคนนั้นยอดเยี่ยม หลิวเต๋อหัว และ จางม่านอวี้ มอบเคมีที่ทั้งร้อนแรงและน่าเศร้า แต่ที่ต้องยกให้เป็นที่สุดคือการแสดงของ จางเซียะโหย่ว ในบทลูกน้องสุดบ้าบิ่น ที่ขโมยซีนและสร้างความน่าจดจำได้อย่างมหาศาล จนทำให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเวทีตุ๊กตาทองฮ่องกงไปครอง
รางวัลการันตีคุณภาพ:
- ชนะเลิศรางวัล Hong Kong Film Award: ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (จางเซียะโหย่ว) และกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม
คะแนนจากนักวิจารณ์:
- IMDb: 7.0/10
- Rotten Tomatoes: 86% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
funang
⭐ 7/10
ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหว่อง กา ไว ได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของผู้กำกับหน้าใหม่ผู้นี้ แม้จะไม่ได้แหวกแนวหรือสร้างสรรค์เท่าภาพยนตร์ที่โด่งดังหลายเรื่อง (เช่น Chungking Express/Fallen Angels) แต่ผลงานชิ้นนี้ก็แสดงให้เห็นถึงสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา (เช่น บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภาพยนตร์ที่เน้นตัวละคร) และธีมต่างๆ (เช่น ความรัก สภาพแวดล้อมในเมือง โลกที่วุ่นวายและโกลาหล) เห็นได้ชัดว่าได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานยุคแรกๆ ของมาร์ติน สกอร์เซซี เรื่อง ‘Mean Streets’ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องแรกของจอห์น คาสเซเวตส์ ผู้สร้างภาพยนตร์แนวบีทอย่าง ‘Shadows’ ‘As Tears Go by’ คือ ‘Mean Streets’ ที่ดำเนินเรื่องในฮ่องกง การพรรณนาถึงวัฒนธรรมอันธพาลและแก๊งข้างถนนอย่างดิบเถื่อนนั้นตัดกันอย่างชัดเจนกับหมวกคลุมหน้าที่มีปืนเก๋ๆ จาก ‘A Better Tomorrow’ ของจอห์น วู ในหลายๆ ด้าน
การพรรณนาของหว่องนั้นดูสมจริงและกัดกร่อนมากขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการถ่ายทำนอกสถานที่หลายครั้ง (อีกสไตล์หนึ่งของ WKW) ถนนที่สว่างไสวด้วยไฟนีออนของฮ่องกง/ตรอกซอกซอยมืดทึบ/การตกแต่งภายในที่เรืองแสง/ท่าเรือยามดึก ล้วนกลมกลืนกับเรื่องราวของหว่องที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ร่วมสมัยของฮ่องกงได้อย่างลงตัว งานกล้องและแสงสีที่น่าสนใจมาก แตกต่างจากภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องอื่นๆ ในยุคนั้น แสดงให้เห็นถึงแสงเงาของ WKW ในยุคแรกๆ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งใน Chunking Express และ Fallen Angels ซึ่งใช้สถานที่และฉากที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงการเคลื่อนกล้องที่เร่าร้อนและการจัดองค์ประกอบภาพที่มีสไตล์ ควรยกเครดิตให้กับผู้กำกับศิลป์ ฉาง ชู ผิง ซึ่งร่วมงานกับหว่องในภาพยนตร์เรื่องต่อๆ มาทั้งหมดของเขา ที่น่าสนใจอีกอย่างคือผู้กำกับภาพ แอนดรูว์ หลิว ซึ่งจะมารับหน้าที่กำกับซีรีส์ ‘Young & Dangerous’ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากภาพและเนื้อเรื่องหลายอย่างจากภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม การนำเสนอเรื่องราวของเหล่าอันธพาลผู้กล้าหาญใน Young & Dangerous นั้นน่ายกย่องยิ่งกว่าตัวละครเลือดเย็นน่าสมเพชของหว่องเสียอีก
การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำทั้งสามคน ทำให้แจ็คกี้ เจิ้ง (รับบทโรเบิร์ต เดอ นีโร) ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และหลิว เจิ้ง ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกงประจำปีนั้น แม็กกี้ เจิ้ง อ้างว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของการแสดงบนจอภาพยนตร์ อีกหนึ่งสิ่งที่ลืมไม่ลงคือบทบาทสมทบของอเล็กซ์ แมน ในบทบาทตัวร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ As Tears go By น่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวของ WKW ที่มีบทภาพยนตร์ครบถ้วน (WOng เคยรับหน้าที่เขียนบทในภาพยนตร์ฮ่องกงทั่วไปเรื่องอื่นๆ หลายปีก่อนหน้านั้น) และก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน สัมผัสดั้งเดิมอันชาญฉลาดและละเอียดอ่อนในองก์แรก ซึ่งถ่ายทอดตัวละครอันแสนเจ็บปวดและความขัดแย้งทางเชื้อชาติของสกอร์เซซีให้กลายเป็นกลิ่นอายและแรงจูงใจแบบฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อในองก์ที่สอง และภาพยนตร์ดูเหมือนจะยังไม่แน่ใจว่าจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องราวความรักของหลิวเต๋อหัว/แม็กกี้ จาง หรือจะมุ่งเน้นไปที่ปัญหาระหว่างเขากับแจ็กกี้ จาง เพื่อนสำรอง และความขัดแย้งกับอเล็กซ์ แมน จอมโหด ‘Mean Streets’ ของสกอร์เซซีประสบความสำเร็จเพราะสามารถรักษามุมมองและแรงจูงใจของตัวเอกหลักไว้ได้ หนังทั้งเรื่องเน้นไปที่ตัวละครของฮาร์วีย์ ไคเทล และตัวละครอื่นๆ ทำหน้าที่เป็นภาระในการไต่เต้าขึ้นสู่วงการมาเฟีย ทิศทางนี้ดูเหมือนจะหายไปในฉบับของหว่อง องก์/บทสรุปสุดท้ายดูเร่งรีบ ซ้ำซาก และคาดเดาได้อย่างแน่นอน สิ่งที่ผมสงสัย และดูเหมือนจะสมเหตุสมผล คือการแทรกแซงของผู้สร้างและผู้สนับสนุนทุนสร้างใน ‘As Tears go by’ หว่องเคยให้สัมภาษณ์ว่าผลงานช่วงแรกของเขาถูกขัดขวางโดยคนอื่นๆ ในหลายๆ ด้าน
ทำให้เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่และยืนกรานที่จะเป็นผู้อำนวยการสร้างในภาพยนตร์เรื่องต่อๆ มาทั้งหมด เขาต้องการและประสบความสำเร็จในการควบคุมผลงานศิลปะทั้งหมดของเขาในภาพยนตร์เรื่องต่อๆ มา อย่างไรก็ตาม ‘As Tears Go by’ ถือเป็นก้าวสำคัญในอาชีพของหว่องและวงการภาพยนตร์ฮ่องกงอย่างไม่ต้องสงสัย ความรุนแรงบนจอที่สะเทือนอารมณ์ การพรรณนาถึงโลกใต้ดินและท้องถนนที่สมจริง รวมถึงความรักและความสัมพันธ์แบบสากล ไม่เคยปรากฏบนจอภาพยนตร์ฮ่องกงมาก่อนในยุคนั้น ก่อนหน้านั้นมีเพียง ‘A Better Tomorrow’ ของจอห์น วู ซึ่งในหลายๆ ด้านถือเป็นภาพยนตร์ที่แตกต่างและมีธีมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คุ้มค่าแก่การรับชมอย่างแน่นอนสำหรับแฟนๆ หว่องกาไวและผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ฮ่องกง
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวแก๊งสเตอร์-ดราม่าของฮ่องกง เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
- A Better Tomorrow (1986) โหด เลว ดี: ต้นตำรับหนัง Heroic Bloodshed ที่ว่าด้วยเรื่องราวมิตรภาพและการหักหลัง
- Infernal Affairs (2002) สองคนสองคม: การเชือดเฉือนกันระหว่างตำรวจสายลับและมาเฟียที่แฝงตัวเข้ามาเป็นตำรวจ
- Chungking Express (1994) ผู้หญิงผมทองหัวใจฟัดร็อก: ผลงานเรื่องถัดๆ มาของหว่องกาไว ที่สไตล์ของเขาเริ่มชัดเจนและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หนังเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลจาก “Mean Streets” ของ มาร์ติน สกอร์เซซี หรือไม่?
A: ใช่ครับ! และเป็นอิทธิพลที่ชัดเจนมาก หว่องกาไวเป็นแฟนตัวยงของสกอร์เซซี และโครงเรื่องของ “As Tears Go By” ที่ว่าด้วยนักเลงที่ต้องคอยดูแลน้องชายตัวแสบนั้น มีความคล้ายคลึงกับพล็อตของ Mean Streets (1973) อย่างมากครับ
Q: ทำไมการแสดงของ จางเซียะโหย่ว ถึงได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ?
A: เพราะเขาสามารถสลัดภาพลักษณ์ “ราชาเพลง” แห่งสี่จตุรเทพทิ้งไป และมอบการแสดงที่บ้าคลั่งและน่าจดจำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งตัวละครของเขาได้กลายเป็นต้นกำเนิดของ “มีม” (Meme) ในตำนานที่แฟนๆ ยังคงใช้กันอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
Q: หนังเหมาะกับผู้ชมกลุ่มไหน?
A: เหมาะสำหรับแฟนๆ ของนักแสดงนำ, คนที่อยากจะเริ่มต้นดูหนังของผู้กำกับหว่องกาไว, และคนที่ชื่นชอบหนังดราม่า-อาชญากรรมที่มีสไตล์และเนื้อหาที่เข้มข้น