ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
- ผู้กำกับ: เจสัน บลูม (Jason Bloom)
- นักแสดงนำ:
- พอลลี่ ชอร์ (Pauly Shore) รับบท บัด
- สตีเฟน บอลด์วิน (Stephen Baldwin) รับบท ดอยล์
- วิลเลียม แอเธอร์ตัน (William Atherton) รับบท ดร.โนอาห์ ฟอล์คเนอร์
- ไคลี มิโนก (Kylie Minogue) รับบท ดร.เพทรา ฟอน ลินสตรอม
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: หนังตลกสุดโต่งที่ไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน
“Bio-Dome” คือภาพยนตร์คอมเมดี้ที่เดินตามสูตรสำเร็จของหนังแนว “Stoner/Slacker Comedy” (หนังตลกของพวกขี้ยา/ขี้เกียจ) ในยุค 90s อย่างชัดเจน หนังเต็มไปด้วยมุกตลกที่ทั้ง “หยาบคาย”, “ไร้สาระ”, และ “น่าเอือมระอา” ซึ่งเป็นลายเซ็นของ พอลลี่ ชอร์ ในยุคนั้น หนังอาจจะไม่ได้มีบทภาพยนตร์ที่ลึกซึ้งหรือการแสดงที่น่าจดจำในทางที่ดี แต่มันก็ประสบความสำเร็จในการสร้างคาแรคเตอร์ที่น่าหมั่นไส้แต่น่าขันได้อย่างประหลาด สำหรับผู้ชมที่เติบโตมาในยุค 90s และชื่นชอบหนังตลกแนวนี้ อาจจะมอบความบันเทิงแบบ Guilty Pleasure (ความสุขในสิ่งที่รู้ว่ามันไม่ดี) ได้ไม่น้อย โดยสรุป “Bio-Dome” เป็นหนังที่ไม่ได้มีเป้าหมายจะสร้างงานศิลปะชั้นสูง แต่สร้างมาเพื่อมอบความฮาแบบสมองกลวงให้กับผู้ชมกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ ซึ่งมันก็ทำหน้าที่นั้นได้…ในแบบของมันเอง
คะแนนจากนักวิจารณ์:
- IMDb: 4.4/10
- Rotten Tomatoes: 4% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
หมื่นทิพ
เมื่อโลกอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสารพัดภัยธรรมชาติ (ที่ก็เกิดจากน้ำมือมนุษย์นั่นเอง) ดร.โนอาห์ ฟอล์คเนอร์ (William Atherton) จึงได้สร้างสถานที่ที่ชื่อ ไบโอ-โดมขึ้นมาเพื่อให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกะทิมารวมตัวกัน โดยพวกเขาจะกักตนอยู่ในนั้น 1 ปีเพื่อหาทางออกให้มนุษยชาติ แต่ทว่าบั๊ด แมคอินทอช (Pauly Shore) กับ ดอยล์ จอห์นสัน (Stephen Baldwin) คู่ซี้สุดต๊องดันขับรถผ่านไบโอ-โดมแล้วคิดว่าที่นั่นเป็นห้างเปิดใหม่ครับ พวกพี่แกเลยแวะไปกะขอเข้าห้องน้ำ แล้วจับพลัดจับผลูพวกเขาก็ได้เข้าไปในโดม แล้วก็จำต้องอยู่ในนั้นร่วมกับเหล่านักวิทยาศาสตร์เป็นเวลาหนึ่งปี… แล้วอีแบบนี้มนุษยชาติจะมีอนาคตใหม่เนี่ย 555 ก็เป็นหนังฮาที่ไม่ต้องคาดหวังสาระอะไรมากครับ แต่ก็บอกตรงๆ ว่าผมค่อนข้างออกแนวเฉย ว่าง่ายๆ คือดูแล้วมันไม่ฮาสักเท่าไร คือไม่เถียงครับว่า Shore กับ Baldwin นี่ต๊องกันเต็มสูบจริงๆ แต่มุกที่พวกเขายิงและสารพัดท่าทางที่ตั้งใจให้ขำนั้นมันไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไหร่ เลยทำให้พอดูไปสักพักก็เริ่มเบื่อครับ ยอมรับเลยว่าใช้ความอดทนเยอะเหมือนกันในการดูให้จบ เพราะหนังมันไม่เวิร์คเท่าไหร่
แต่รายที่พอจะบอกได้ว่าพยายามเล่นแล้วพอจะโอเคก็คือ Atherton ที่พี่แกดูจริงจังตามบท ในแง่ความขำอาจไม่มากแต่ผมว่าพี่แกแสดงได้พอเหมาะ แล้วอีกคนก็คือ Henry Gibson ที่มักจะโผล่มาพร้อมเพลง Da Da Da ซึ่งก็ทำให้เขาดูน่าจดจำอยู่เหมือนกัน แต่ก็นั่นล่ะครับ เหมือนหนังจะมีอะไรที่น่าพูดถึงแค่นี้ และหนังเรื่องนี้ได้ Kylie Minogue มาแสดงด้วย ซึ่งเธอเองก็ออกมาบอกว่า นี่ถือเป็นงานชิ้นที่แย่ที่สุดในฐานะนักแสดงของเธอ และว่ากันว่า Alec Baldwin ถึงกับเคยบอกกับ Stephen Baldwin ว่าอย่าเล่นหนังเรื่องนี้เลย เพราะมันอาจทำลายอาชีพนักแสดงเขาได้เลยนะ – ถือเป็นการเตือนที่จริงใจพอดูครับ แต่อย่างน้อยหนังก็ยังมีสาระบ้างครับ นั่นคือการสื่อให้เราหันมารักษ์โลกก่อนที่จะสายเกินไป ซึ่งผมก็ยังมาคิดๆ นะว่าป่านนี้มันสายไปแล้วหรือยัง เราจะยังทำอะไรเพื่อช่วยโลกได้อีกมากน้อยแค่ไหน – แต่ยังไงก็ต้องทำน่ะนะครับ – กับอีกประเด็นก็คือเรื่องความรับผิดชอบ ที่พอคู่บ๊องของเราทำให้เกิดความวุ่นวายแล้วก็พยายามแก้ไข พยายามทำอะไรๆ ที่มันถูกต้อง ในแง่หนึ่งก็กระตุ้นให้คนดูอย่างเราๆ ฉุกคิดได้อยู่บ้าง หนังลงทุนราว $8.5 ล้าน บวกงบโปรโมตไปอีก $10 ล้าน แล้วก็ได้คืนมา $13 ล้านครับ ก็ถือว่าขาดทุนพอตัว ก็ขอว่าไปตามที่คิดครับ ความสนุกมันไม่มากจริงๆ งานเรื่องอื่นๆ ของ Shore อย่าง In the Army Now หรือ Son in Law ยังเวิร์คกว่าตั้งเยอะ
hwkintn
⭐ 5/10
รู้ไหม… มันตลกมากสำหรับฉันที่คนมานั่งบ่นว่าหนังมันห่วยแตก! ถ้าไม่ชอบก็เยี่ยมเลย ให้คะแนน 1 แล้วไปต่อ แต่คนกลับเลือกที่จะจมอยู่กับความคิดเดิมๆ ทิ้งข้อความและโพสต์ว่าหนังเรื่องนี้มันห่วยแตกสิ้นดี ย้ำว่าวิธีเดียวที่จะสนุกกับมันได้คือตอนที่กำลังเมา พวกคุณมีอะไรที่ดีกว่านี้ให้ทำกันไหม เวลาเดียวที่ฉันโพสต์ในที่นี้คือแค่ชมหนัง ฉันคิดว่าถ้าหนังมันห่วยแตกสุดๆ ฉันก็จะให้ 1 หรือ 2 แล้วไปต่อ หนังพวกนั้นไม่สมควรได้รับเวลาของฉันเลย Bio-Dome ประสบความสำเร็จบางอย่างแล้ว ถ้าคนยังบ่นเรื่องนี้อยู่เกือบสิบปีแล้ว งั้นคุณคิดว่า Pauley Shore เป็นนักแสดงห่วยแตกเหรอ เยี่ยมเลย นั่นหมายความว่าหนังเรื่องนี้ห่วยโดยอัตโนมัติเลยเหรอ? ไม่หรอก ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้โดยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คุณก็อดไม่ได้ที่จะสนุก! หนังตลกเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากหนังของ Sandler, Farley, Spade หรือหนังแนวอื่นๆ เลย หนังเรื่องนี้เน้นความสนุกล้วนๆ!
ลองดูเรื่องนี้ในคืนวันหยุดสุดสัปดาห์กับกลุ่มเพื่อนดูสิ เวลาที่คุณอารมณ์ไม่ดี ฉันท้าให้คุณอย่าดูเพลินไปเลย เปล่า ฉันไม่ได้หมายถึงการเมายา (ฉันไม่เคยและจะไม่มีวัน “เมายา” และฉันก็ยังชอบหนังแบบนี้และหนังกึ่งๆ ดิบๆ… ขอโทษนะทุกคน เลิกคิดแบบหนังสโตเนอร์ได้แล้ว) ฉันชอบหนังเรื่องนี้มาก ทุกครั้งที่ดู ฉันจะเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้หนังสนุกยิ่งขึ้นไปอีก ลองดูคนแคระตอนท้ายๆ ตอนที่พวกเขากำลังเต้น “Safety Dance” สิ เจ้าตัวเล็กนั่นเหมือนหลุดออกมาจากมิวสิควิดีโอเลย… คลาสสิกมาก! ฉันให้คะแนนหนังเรื่องนี้เต็ม 10 เลยสำหรับความสนุกล้วนๆ ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังชอบอยู่ดี ขอโทษนะทุกคน ฉันไม่ใช่ “สโตเนอร์” โง่ๆ อะไรแบบนั้นเหมือนกัน… ฉันชอบ Citizen Kane, Kevin Smith Films, Dr. Strangelove, Brazil และหนัง “ฉลาดๆ” หรือ “อาร์ตๆ” เรื่องอื่นๆ ที่คุณอยากจะเสนอมา บางครั้งพวกคุณก็ต้องเริ่มชอบหนังของตัวเองบ้าง เพื่อความเพลิดเพลินของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่สังคม สมาคมภาพยนตร์อเมริกัน (AFI) หรือแม้แต่เว็บไซต์นี้บอกว่าคุณควรชอบ ผมขอฝากส่วนที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ให้ทุกคนด้วยนะครับ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังคอมเมดี้สุดเกรียนแห่งยุค 90s เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
- Dumb and Dumber (1994) ใครว่าเราแกล้งโง่…วะ: ตำนานหนังคู่หูสุดบ๊องของ จิม แคร์รี่ และ เจฟฟ์ แดเนียลส์ ที่ออกเดินทางข้ามประเทศเพื่อตามหาสาวในฝัน
- Wayne’s World (1992): เรื่องราวสุดป่วนของสองเพื่อนซี้ที่จัดรายการทีวีเคเบิลจากห้องใต้ดินของตัวเอง
- Bill & Ted’s Excellent Adventure (1989): สองหนุ่มสุดทึ่มที่ต้องเดินทางย้อนเวลาเพื่อรวบรวมบุคคลในประวัติศาสตร์มาทำรายงานหน้าชั้นเรียน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: โครงการ “ไบโอ-โดม” ในเรื่องมีอยู่จริงหรือไม่?
A: มีโครงการที่คล้ายกันอยู่จริงครับ! หนังได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงการทางวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า “ไบโอสเฟียร์ 2” (Biosphere 2) ในรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นโดมแก้วขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นเพื่อทดลองการใช้ชีวิตในระบบนิเวศปิดในช่วงต้นยุค 90s ครับ
Q: ทำไมหนังถึงได้รับคำวิจารณ์ที่ย่ำแย่ขนาดนั้น?
A: นักวิจารณ์ส่วนใหญ่มองว่ามุกตลกในเรื่องนั้น “น่ารำคาญ” และ “ไม่ตลก” อย่างสิ้นเชิง รวมถึงการแสดงที่ดูโอเวอร์แอ็กติ้งของนักแสดงนำและบทภาพยนตร์ที่ไร้ซึ่งแก่นสารใดๆ
Q: พอลลี่ ชอร์ คือใคร?
A: เขาคือดาราตลกที่โด่งดังอย่างมากในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นยุค 90s ครับ มีชื่อเสียงมาจากคาแรคเตอร์ “The Weasel” หนุ่มเซิร์ฟผู้มีสำเนียงการพูดที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเขามักจะใช้คาแรคเตอร์นี้ในหนังแทบทุกเรื่องที่เขาแสดง