ดูหนัง Born to Fight (2004) เกิดมาลุย
ทุกท่าน! คำเตือน: นี่ไม่ใช่หนัง… แต่นี่คือมหกรรมสตันท์เสี่ยงตายของจริง! หากคุณเคยทึ่งไปกับลีลา “ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน” ของจา พนม ใน องค์บาก วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” ที่เป็นเหมือนการปลดปล่อยพลังของทีมสตันท์แมนทั้งคณะ! เกิดมาลุย คือผลงานการกำกับของปรมาจารย์ พันนา ฤทธิไกร ที่จะทำให้คุณลืมหายใจไปกับฉากแอ็คชั่นที่ดิบเถื่อนและอันตรายที่สุดเท่าที่หนังไทยเคยมีมา!
เรื่องย่อ
เดี่ยว (เดี่ยว ชูพงษ์) ตำรวจหนุ่มสายปฏิบัติการพิเศษ ตัดสินใจลาพักงานชั่วคราวหลังจากสูญเสียผู้บังคับบัญชาไปในภารกิจ เขาได้เดินทางไปพร้อมกับน้องสาวเพื่อร่วมกิจกรรมมอบของบริจาคของกลุ่มนักกีฬาทีมชาติ (ทั้งยิมนาสติก, ฟุตบอล, รักบี้ ฯลฯ) ณ หมู่บ้านชายแดนที่แห้งแล้งและยากจน แต่แล้วการเดินทางเพื่อการกุศลก็กลายเป็นฝันร้าย เมื่อหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านถูกกองกำลังทหารรับจ้างสุดโหดบุกยึด! พวกมันสังหารชาวบ้านอย่างเลือดเย็นและจับคนที่เหลือเป็นตัวประกัน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวหัวหน้าของพวกมัน พร้อมกับขู่ที่จะยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ใส่กรุงเทพฯ! เมื่อถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและมีเพียงสองมือเปล่า เดี่ยวและเหล่านักกีฬาทีมชาติที่ไม่มีอาวุธใดๆ จึงต้องตัดสินใจ “ลุย” พวกเขาต้องประยุกต์ใช้ “ทักษะทางกีฬา” ของตัวเองมาเปลี่ยนเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธครบมือ ช่วยเหลือตัวประกัน และหยุดยั้งหายนะระดับชาติให้ได้! สมรภูมิเลือดที่เดิมพันด้วยชีวิตจึงระเบิดขึ้น! movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
ชูพงษ์ ช่างปรุง (เดี่ยว) รับบทเป็น เดี่ยว: ผลงานแจ้งเกิดที่ทำให้เขากลายเป็นแอ็คชั่นสตาร์คนใหม่ของวงการหนังไทย นักกีฬาทีมชาติไทยตัวจริง: ในบทบาทสมทบที่ใช้ทักษะกีฬาของตัวเองมาสร้างเป็นฉากแอ็คชั่นสุดสร้างสรรค์ ผู้กำกับ/ออกแบบคิวบู๊: พันนา ฤทธิไกร ปรมาจารย์ผู้ล่วงลับ! เขาคือ “ครูใหญ่” แห่งวงการสตันท์แมนไทย, คืออาจารย์ผู้ฝึกสอน จา พนม, และคือผู้ออกแบบคิวบู๊ในตำนานจาก องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง หนังเรื่องนี้คือเวทีที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อโชว์ศักยภาพของทีมสตันท์แมน “ใจถึง” ของเขาทั้งหมด เกิดมาลุย คือหนังที่ต้องนิยามว่า “สตันท์ คือ เนื้อเรื่อง” มหกรรมสตันท์เสี่ยงตายของจริง!: นี่คือจุดขายที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นเหตุผลเดียวที่คุณต้องดูหนังเรื่องนี้! ทุกฉากแอ็คชั่นในเรื่องคือ “ของจริง” ไม่มีการใช้ CGI หรือสลิงช่วยแต่อย่างใด คุณจะได้เห็นคนกระโดดเกาะรถบรรทุกที่กำลังวิ่ง, สไลด์ตัวลอดใต้ท้องรถ, ถูกไฟเผาทั้งตัว, และฉากระเบิดที่รุนแรงและอันตรายอย่างยิ่งยวด มันคือความบ้าคลั่งที่น่าทึ่งและน่าหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน พล็อตเรื่องที่บางเบา (และนั่นไม่ใช่ปัญหา!): ต้องยอมรับว่าบทภาพยนตร์และการแสดงนั้นเป็นรองฉากแอ็คชั่นอย่างเห็นได้ชัด พล็อตเรื่องมีไว้เพื่อเป็นข้ออ้างในการนำไปสู่ฉากสตันท์ฉากต่อไปเท่านั้น แต่นั่นคือความตั้งใจ และมันก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ การสดุดีแด่สตันท์แมน: หนังเรื่องนี้คือจดหมายรักและการคารวะถึง “สตันท์แมน” ผู้เป็นวีรบุรุษปิดทองหลังพระของวงการภาพยนตร์อย่างแท้จริง IMDb: ให้คะแนน 6.6/10 Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์สูงถึง 88% (Certified Fresh) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าทั่วโลกต่างยอมรับในความสุดยอดของงานสตันท์ในเรื่องนี้ ⭐ 7/10 ก่อนอื่นเลย ต้องระวังคนที่ให้คะแนน 1 คะแนน มีเพียงการกระทำที่น่ารังเกียจและไร้ศีลธรรมเท่านั้นที่จะสมควรได้รับคะแนนนี้ เกิดหมาลุย เป็นภาพยนตร์แอคชั่นที่ติดตามชีวิตของตำรวจไทยสายลับที่กำลังป่วยหนักจากการสูญเสียคู่ชีวิตไปเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและทำหน้าที่ผู้ปกครองน้องสาวให้สำเร็จ เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาเดินทางไปยังหมู่บ้านห่างไกลเพื่อทำภารกิจอันดีงาม ระหว่างนั้น หมู่บ้านแห่งนี้ถูกผู้ก่อการร้ายผู้โหดเหี้ยมบุกยึดครอง โดยมีเจตนาร้าย อย่างน้อยที่สุดก็คือการสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์อย่างไม่เลือกหน้าให้คนทั้งโลกได้เห็น เรื่องราวในเกิดหมาลุยนั้นหนักแน่นและดำเนินเรื่องได้ดี ตัวละครมีองค์ประกอบที่เหมาะสมและทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้อย่างตรงจุด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเป็นชาตินิยมอยู่พอสมควร แม้ว่าจะพูดถึงการก่อการร้ายและการทำลายล้างด้วยอาวุธนิวเคลียร์ แต่ความเป็นชาตินิยมของไทยกลับทำให้ผมรู้สึกสดชื่น เพราะมันเปิดมุมมองที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองเท่ากับลัทธิชาตินิยมที่แพร่หลายในภาพยนตร์อเมริกันหลายเรื่อง แต่มันก็สร้างแรงบันดาลใจได้ไม่น้อย แก่นแท้ของภาพยนตร์เรื่องนี้คือฉากแอ็กชัน มันเป็นการแสดงผาดโผนที่บ้าบิ่นและบุ่มบ่าม ซึ่งสร้างความกลัวและความกังวลให้กับนักแสดง การแสดงผาดโผนและเทคที่ไร้ที่ติแต่ละครั้งดูเหมือนจะล่อลวงโชคชะตา ตัวอย่างเช่น รถบรรทุกกระโดดลงมาแล้วตกลงมาห่างจากหัวนักแสดงเพียงไม่กี่ฟุต และถึงแม้ว่าฉากต่อสู้ที่ออกแบบท่าเต้นไว้ระหว่างนักแสดงที่ฝีมือยังอ่อนกว่าจะใช้เทคนิคกล้องเพื่อสร้างเอฟเฟกต์การกระแทก แต่ก็มีฉากต่อสู้ที่ต้องใช้การตีแบบดึงๆ ท่าบินสูงที่เต็มไปด้วยโมเมนตัมและความเร็วมหาศาลจนต้องชะลอความเร็วลงเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจ พูดถึงสโลว์โมชัน มีการใช้สโลว์โมชันค่อนข้างมากตลอดทั้งเรื่อง ผมเคยได้ยินคนบ่นเรื่องนี้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าท่าเต้นบางส่วนจะไม่ถูกแสดงที่ความเร็ว 24 เฟรมต่อวินาที เกิดหมาลุยเป็นหนังดีที่มีอะไรมากกว่าองค์บากเยอะ เนื้อเรื่องเข้มข้นกว่า ตัวละครก็น่ารักและน่าสนใจ ลุ้นระทึกกว่า และฉากต่อสู้ก็ไม่ซ้ำซากจำเจ แม้จะเทียบกับองค์บากแล้ว เกิดหมาลุยก็ยังเป็นหนังดีที่ควรค่าแก่การดู และเช่นเคย หนังยังเผยให้เห็นมุมมองแปลกใหม่ของหนังแอ็คชั่นแนวต่างประเทศ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนไทยประสบความสำเร็จในการสร้างหนังแอ็คชั่นต่อสู้ที่เหนือกว่าหนังตะวันตกหลายเรื่อง ⭐ 6/10 ผมยังค่อนข้างประทับใจหรืออาจจะแค่ตะลึงกับความพยายามของพวกเขาในการแสดงผาดโผน ผมไม่แปลกใจเลยถ้ามีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในช่วงท้ายของการถ่ายทำ แต่เอาเถอะ ในฐานะมือใหม่ในวงการหนังไทย ผมบอกได้เลยว่าฉากต่อสู้จริงๆ นั้นออกแบบท่าได้ค่อนข้างดี ท่าโจมตีอันซับซ้อนที่ใส่เข้าไปในโลกของมวยไทยก็เห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงสัมผัสที่ต่างออกไปเล็กน้อยด้วย ถึงแม้ท่าเต้นจะดี แต่การขาดความต่อเนื่องของฉากกลับทำให้หนังดูไม่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผมเชื่อว่าเรื่องราวถูกสอดแทรกเข้าไประหว่างฉากต่อสู้ที่ดุเดือดเหล่านี้ ซึ่งผมคิดว่ายิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นด้วยการใช้ภาพรีเพลย์แบบสโลว์โมชันที่ดูน่าประหลาดใจอยู่เสมอ (สำหรับพวกเราที่ปุ่มย้อนกลับพัง?) ซึ่งพวกเขาใช้สำหรับฉากผาดโผนที่เจ๋งสุดๆ เหล่านั้น แต่เดี๋ยวก่อน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เราจะตัดสินหนังแอคชั่นจากความต่อเนื่องของมัน มันจะทำให้ความสนุกหายไปหมด ถึงแม้จะไม่ใช่หนังที่ดีนัก แต่มันก็ยังถือว่าน่าสนใจทีเดียว และถ้าคุณพูดภาษาไทยไม่เก่ง คุณก็น่าจะข้ามคำบรรยายไปได้ เพราะบทสนทนาไม่ได้เพิ่มรายละเอียดอะไรให้กับหนังมากนัก แค่ดูพวกหนุ่มไทยตัวเล็กๆ พวกนี้วิ่งกระโดดไปมาเท่านั้นเอง คุณก็จะไม่มีปัญหาอะไร ⭐ 6/10 ภาพยนตร์เรื่อง Born to Fight ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติจากความสำเร็จขององค์บากในฐานะภาพยนตร์กึ่งภาคต่อ ยึดหลักการง่ายๆ ที่ว่า การสอนนักสู้ให้แสดงนั้นง่ายกว่าการสอนนักแสดงให้ต่อสู้ นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ผมดูแบบไม่มีคำบรรยาย และไม่พูดภาษาไทยแม้แต่คำเดียว จำไว้เสมอว่าหนังเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยาย เพราะถ้าคุณเคยดู ‘Air Force One’ หรือ ‘The Rock’ คุณก็น่าจะเคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อน หลังจากผู้นำกบฏถูกลักพาตัวอย่างกล้าหาญ ซึ่งคู่หูของเขาเสียชีวิตอย่างกล้าหาญ พระเอกของเราได้แสวงหาความสงบสุขในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาจะไม่มีวันสงบสุขได้ เพราะกบฏบุกหมู่บ้าน ยิงเด็กนับไม่ถ้วน และประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้นำของพวกเขา และท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ พระเอกของเรากลับพบว่าตัวเองถูกยิงและมีจำนวนน้อยกว่า และทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางกั้นระหว่างชาวบ้านกับความตายที่รออยู่ข้างหน้า ตอนนี้พระเอกเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วหมู่บ้านเพียงลำพัง ส่งกองกำลังกองโจรไปไม่กี่นายก่อนจะถูกจับกุม มันคือสูตรสำเร็จล้วนๆ สิ่งที่ทำให้ ‘Born to Fight’ แตกต่างจากหนังอเมริกันคือ เมื่อการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถูกนำไปสู่เหล่าร้าย ไม่ใช่แค่พระเอกเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้าย แต่เป็นทั้งหมู่บ้านที่เผชิญหน้ากับพวกเขา และนี่คือจุดเด่นของหนังเรื่องนี้: นักกีฬาและนักศิลปะการต่อสู้ทุกคนแสดงความสามารถอันลี้ลับในการต่อสู้ตอบโต้ที่กินเวลาเกือบครึ่งหนึ่งของเรื่อง งบประมาณที่ต่ำหมายความว่านี่ไม่ใช่งานเฉลิมฉลอง CGI แบบฉบับของ Michael Bay แต่กลับคล้ายกับหนังระทึกขวัญ Golan & Globus ที่กล้าหาญในยุค 80 งบประมาณที่จำกัดแต่เต็มไปด้วยฉากผาดโผนที่ดีและมักจะชาญฉลาด ‘Born to Fight’ เป็นทายาทโดยตรงของหนังอย่าง ‘The Delta Force’ หนังมีงบประมาณจำกัด มีปืน มีด และกระท่อมไม้ราคาถูกมากมายที่ต้องถูกทำลาย จริงๆ แล้ว บางครั้งมันก็เหมือนกับการเล่นเกม Far Cry มากกว่าการดูหนัง ที่มีการใช้ปืนพก ปืนลูกซอง และมีดพร้า สลับกันไปมาเพื่อปราบกบฏในชุดแดง ขณะที่เพลงประกอบที่ซ้ำซากจำเจก็ดังก้องกังวาน Born to Fight เป็นหนังที่ตกยุคไปแล้ว ช้ากว่าโรงหนังไปยี่สิบปี แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร และก็น่าดูในรูปแบบ DVD เช่นกัน ถ้าคุณต้องการฆ่าเวลาสักชั่วโมง คุณไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยายสำหรับหนังเรื่องนี้ แค่มีรีโมตคอนโทรลเพื่อกรอฉากบทสนทนาไม่กี่ฉากไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณกำลังมองหาฉากผาดโผนที่ชวนน้ำตาไหลมากกว่านี้ ผมแนะนำให้เลือก Ong Bak เลย หากคุณหลงใหลในหนังแอ็คชั่นที่เน้นสตันท์เสี่ยงตายของจริง เราขอแนะนำ: องค์บาก (Ong-Bak) (2003) & ต้มยำกุ้ง (Tom-Yum-Goong) (2005): ผลงานของทีมสร้างเดียวกันที่นำแสดงโดย จา พนม The Raid: Redemption (2011): หนังแอ็คชั่นจากอินโดนีเซียที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยคิวบู๊สุดดิบและสมจริง Police Story (วิ่งสู้ฟัด) (แฟรนไชส์): หนังของ เฉินหลง ที่ขึ้นชื่อเรื่องงานสตันท์เสี่ยงตายด้วยตัวเอง District B13 (2004): หนังฝรั่งเศสที่โชว์ศิลปะ “ปากัวร์” ของจริงแบบไม่ใช้สตันท์ Q: ฉากสตันท์ในเรื่องนี้ของจริงทั้งหมดเลยเหรอ? A: ใช่! และนั่นคือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นตำนาน ไม่มีการใช้ CGI หรือสลิงในฉากเสี่ยงตายหลักๆ เมื่อคุณเห็นคนกระโดดข้ามรถหรือถูกไฟเผา นั่นคือนักแสดงสตันท์ที่ทำมันจริงๆ ซึ่งอันตรายและน่าทึ่งอย่างยิ่ง Q: หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร? เนื้อเรื่องดีไหม? A: พล็อตเรื่องเรียบง่ายมากครับ คือคนดีสู้กับคนร้ายในหมู่บ้าน เนื้อเรื่องไม่ใช่จุดขายหลัก หนังเรื่องนี้สร้างมาเพื่อให้คุณได้ดู “ฉากแอ็คชั่นและสตันท์” ที่น่าทึ่ง ไม่ใช่เพื่อเสพเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง Q: ผู้กำกับคือใคร? เกี่ยวอะไรกับ ‘จา พนม’? A: ผู้กำกับคือปรมาจารย์ผู้ล่วงลับ “พันนา ฤทธิไกร” ครับ เขาคืออาจารย์และผู้ฝึกสอนของ จา พนม และเป็นผู้ออกแบบคิวบู๊ให้กับ องค์บาก หนังเรื่องนี้คือโอกาสที่เขาได้โชว์ฝีมือของทีมสตันท์ทั้งหมดของเขาให้โลกได้เห็น บทสรุป: เกิดมาลุย คือหนึ่งในหนังแอ็คชั่น-สตันท์ที่ “บ้าคลั่ง” และ “น่าทึ่ง” ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เป็นการโชว์ศักยภาพและความกล้าหาญของทีมสตันท์แมนไทยที่โลกต้องจดจำ หากคุณคือคอหนังแอ็คชั่นตัวจริงและอยากจะเห็นขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์… นี่คือภาพยนตร์ที่คุณห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!นักแสดงนำและผู้กำกับ
โปสเตอร์หนัง


รีวิวและบทวิเคราะห์
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
