ดูหนัง Brave (2007) กล้าหยุดโลก
หลังจากที่ได้ทำการค้นหาข้อมูลอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบภาพยนตร์ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างซึ่งออกฉายในปี 2007 และมีชื่อว่า “Brave” พร้อมชื่อไทย “กล้าหยุดโลก” ในฐานข้อมูลภาพยนตร์สำคัญๆ ครับ
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังเรื่องนั้นออกฉายในปี 2012 และมีชื่อไทยว่า “นักรบสาวหัวใจมหากาฬ”
มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการจำชื่อเรื่องหรือปีที่ออกฉายสลับกับเรื่องอื่นครับ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 มีภาพยนตร์ทริลเลอร์-ล้างแค้นเรื่องหนึ่งที่นำแสดงโดย โจดี้ ฟอสเตอร์ ซึ่งมีชื่อเรื่องภาษาอังกฤษที่ใกล้เคียง และธีมเรื่องที่อาจจะพอเชื่อมโยงกับชื่อไทย “กล้าหยุดโลก” ได้ (แม้ชื่อไทยจริงๆ จะแตกต่างออกไป) นั่นคือเรื่อง “The Brave One” ซึ่งมีชื่อไทยว่า “เดอะ เบรฟ วัน…หัวใจเธอ ใครอย่าแตะ”
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ผมจึงขออนุญาตนำเสนอรีวิวของภาพยนตร์เรื่อง The Brave One (2007) แทนนะครับ ซึ่งเป็นหนังทริลเลอร์คุณภาพสูงที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
เรื่องย่อ
เอริกา เบน (โจดี้ ฟอสเตอร์) คือนักจัดรายการวิทยุผู้รักในมหานครนิวยอร์ก เธอมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบกับคู่หมั้นที่แสนดี แต่แล้วคืนหนึ่ง… ชีวิตของเธอก็พังทลายลงในพริบตา เมื่อเธอและคู่หมั้นถูกกลุ่มอันธพาลทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมในสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค เหตุการณ์นั้นทำให้คู่หมั้นของเธอเสียชีวิต ส่วนเธอรอดมาได้พร้อมกับบาดแผลทางร่างกายและ “จิตใจ” ที่ไม่มีวันลบเลือน
หลังจากเหตุการณ์นั้น เอริกากลายเป็นคนหวาดระแวงและไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม เธอรู้สึกว่าเมืองที่เธอเคยรักได้กลายเป็นสถานที่ที่น่ากลัว และระบบยุติธรรมก็ดูเหมือนจะไม่สามารถมอบความปลอดภัยให้กับเธอได้ เธอจึงตัดสินใจซื้อปืนมาเพื่อป้องกันตัว
แต่แล้วคืนหนึ่ง เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายอีกครั้ง สัญชาตญาณดิบก็ได้เข้าครอบงำ… เธอลงมือสังหารคนร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด และการกระทำครั้งนั้นก็ได้ปลุก “บางสิ่ง” ในตัวเธอให้ตื่นขึ้น เธอเริ่มออกตระเวนไปตามท้องถนนยามค่ำคืน และกลายเป็น “ศาลเตี้ย” ลึกลับที่คอยลงทัณฑ์เหล่าอาชญากรที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง การกระทำของเธอได้รับทั้งเสียงชื่นชมจากประชาชนที่เอือมระอา และการตามล่าจาก นักสืบ ฌอน เมอร์เซอร์ (เทอร์เรนซ์ ฮาวเวิร์ด) ตำรวจผู้เริ่มสงสัยในตัวตนของเธอ movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
โปสเตอร์หนัง
รีวิวและบทวิเคราะห์
คือหนังทริลเลอร์-จิตวิทยาที่ “เข้มข้น” และ “ชวนขบคิด”
การแสดงระดับมาสเตอร์คลาส: หัวใจของหนังเรื่องนี้คือการแสดงของ โจดี้ ฟอสเตอร์ เธอถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงจากเหยื่อผู้เปราะบางไปสู่ศาลเตี้ยผู้เลือดเย็นได้อย่างน่าขนลุกและน่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน
การสำรวจประเด็นที่ซับซ้อน: หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอภาพศาลเตี้ยในฐานะฮีโร่ แต่กลับตั้งคำถามที่น่าอึดอัดใจเกี่ยวกับ “ความยุติธรรม”, “การล้างแค้น”, และ “เส้นแบ่งทางศีลธรรม” มันแสดงให้เห็นว่าความรุนแรงสามารถกัดกินจิตใจของเหยื่อได้มากเพียงใด
บรรยากาศที่สมจริง: หนังถ่ายทอดภาพของนครนิวยอร์กยามค่ำคืนออกมาได้อย่างดิบและอันตราย สร้างบรรยากาศที่กดดันและไม่น่าไว้วางใจได้เป็นอย่างดี
IMDb: ให้คะแนน 6.7/10
Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ที่ 43% ซึ่งเป็นคะแนนเสียงแตก แต่การแสดงของ โจดี้ ฟอสเตอร์ ได้รับการชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์
Hitchcoc
⭐ 6/10
ฉันเห็นด้วยกับคนที่บอกว่าโจดี้ ฟอสเตอร์คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้รอดพ้นจากความผิดหวัง ฉันจำได้ว่ามันสนุกมากที่ได้ดึงชาร์ลส์ บรอนสันมาเล่นในหนังแนว Death Wish (ภาคแรกๆ ไม่ใช่ภาคต่อที่ไร้สาระ) แล้วเราจะไม่เข้าใจตัวละครของเธอได้อย่างไร ประเด็นคือฮอลลีวูดมักจะดึงดูดสัญชาตญาณพื้นฐานของเราได้ง่าย ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้น และมันจะไม่คงความน่าสนใจในระยะยาวหากใครก็ตามที่รับบทเป็นตัวละครหลักเป็นคนๆ ไป แน่นอนว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเผชิญ เช่น “ถ้าคุณก้าวเท้าออกไปบนถนน มักจะมีใครสักคนรอคุณอยู่ตรงนั้นเสมอ” แต่ความตื่นเต้นแบบขอไปทีก็ถูกชดเชยด้วยสไตล์การแสดงอันยอดเยี่ยมและกิริยาท่าทางอันน่าทึ่งของฟอสเตอร์ ถึงแม้มันจะเกินขอบเขตของความน่าเชื่อถือไปบ้าง แต่เมื่อฉันละทิ้งมันไป ฉันก็สนุกกับมันได้ มันช่วยเยียวยาจิตใจได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็อย่างน้อยก็อย่างน้อยก็หนึ่งอย่าง
don_agu
⭐ 7/10
หนังแนวนี้กำกับโดยศิลปิน นีล จอร์แดน ในกรณีนี้ สูตรสำเร็จที่บางครั้งก็ได้ผล บางครั้งก็ไม่ได้ผล ครั้งนี้ได้ผลจริงๆ และฉันสงสัยว่ามันน่าจะเกี่ยวกับศิลปินหลังกล้องที่ปล่อยให้ศิลปินอยู่หน้ากล้องตามใจตัวเอง และเราทุกคนรู้ดีว่าบางครั้งกลวิธีของโจดี้ ฟอสเตอร์ก็น่าอัศจรรย์ ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่แสนทรมานแทรกซึมอยู่ในการแสดงของโจดี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจินตนาการว่านีล จอร์แดนจะปล่อยเธอไว้คนเดียว การตัดสินใจของเธอ ฉันหมายถึงของตัวละครและนักแสดง ดูเหมือนจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ปรึกษาใครเลย มันบริสุทธิ์และบ้าคลั่ง ฉันเดาว่ามิสฟอสเตอร์จะเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่สาม เว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า เยี่ยมมาก!
tukan
⭐ 6/10
ฉันดูหนังเรื่องนี้ในตัวอย่างนะ แต่เป็นผลงานสร้างสุดท้าย โจดี้ ฟอสเตอร์เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันให้ 10 เต็ม 10 โดยไม่ลังเลเลย เนื้อเรื่องก็เหมือนหนังแก้แค้นทั่วๆ ไป แต่ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของโจดี้และผู้กำกับฝีมือดี ทำให้เรื่องราวทั่วไปน่าสนใจขึ้น เหมือนกับได้สัมผัสเรื่องราวทั้งหมดผ่านตัวละครของโจดี้ ตัวร้ายดูจะค่อนข้างจำเจและแทบจะไม่มีบุคลิกอื่นใดนอกจากอารมณ์ฉุนเฉียวเอาเสียเลย เอาเถอะ ฆ่าพวกมันง่ายกว่ามั้ง ประเด็นทางศีลธรรมของหนังคือ “ฆ่าตัวร้าย” ใช่ รู้สึกดีตอนดูจอขาว แต่สังคมคงจะจบสิ้นถ้าทุกคนทำแบบที่ตัวละครพวกนี้ทำ โจดี้ได้ 10 คะแนน ส่วนเรื่องได้ 5 คะแนน ดังนั้นคะแนนเฉลี่ยของฉันคือ 7 คะแนน คุ้มค่าแก่การดูแน่นอน
moonspinner55
⭐ 6/10
นักสืบตำรวจในนิวยอร์กซิตี้ได้ผูกมิตรกับพิธีกรรายการวิทยุหญิงผู้ซึ่งแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อนและครุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิตประจำวันในเมืองนิวยอร์ก อดีตของเธอในฐานะเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเกือบเสียชีวิตจากแก๊งอันธพาลข้างถนน ได้เชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่อันโด่งดังที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน…แต่หากลางสังหรณ์ของเขาถูกต้อง เขาจะสามารถจับกุมคนที่เขาชื่นชมได้หรือไม่? แม้จะมีการเล่าเรื่องที่ดูเพ้อฝันและค่อนข้างขาดความเชื่อมโยง ทำให้การดำเนินเรื่องดูราวกับเหนือจริง แต่ภาพยนตร์ระทึกขวัญสุดระทึกเรื่องนี้ก็ยังคงน่าติดตามและน่าติดตาม แม้จะคุ้นเคยก็ตาม โจดี้ ฟอสเตอร์ รับบทเป็นหญิงสาวผู้เคร่งเครียด โศกเศร้า และมึนงง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับชายผู้ต่ำต้อยที่เธอฆ่า แต่ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นเข้าถึงได้ยาก ฟอสเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ (และโศกเศร้ากับแฟนหนุ่มที่ถูกฆ่าในลักษณะเดียวกัน)
ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกสะเทือนใจ และไม่ได้ขับเคลื่อนภาพยนตร์ไปข้างหน้า เธอมีความเห็นอกเห็นใจและมีความเป็นธรรมชาติสูง แต่กลับดูเหมือนล่องลอยอยู่ในป่านรกแห่งนี้พร้อมกับรัศมีและปืน ผู้กำกับนีล จอร์แดนวางไพ่ที่เล่นงานเธอ ซึ่งน่าจะเพียงพอที่จะทำให้ผู้ชมเชียร์ “นางสาว 45” ยุคใหม่นี้ แต่ภาพยนตร์ก็ยังคงดูห่างเหินและห่างเหิน เทอร์เรนซ์ ฮาวเวิร์ด ในบทบาทนักสืบ ทำได้ดีในบทบาทแบบเดิมๆ และนักแสดงที่รับบทเป็นพวกอันธพาลก็ดูน่าเชื่อถือทีเดียว มีพล็อตเรื่องเกี่ยวกับการบันทึกภาพจาก iPhone ของฟอสเตอร์ที่กำลังทำร้ายร่างกายและคู่หมั้นของเธอ ซึ่งไม่ชัด (ดูเหมือนจะใส่เข้าไปด้วย) และอีกฉากหนึ่งที่ฟอสเตอร์ช่วยหญิงสาวจากแมงดาซึ่งดูน่าสงสัย ถึงกระนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังดูดี มีระดับ มีการตัดต่อที่เชี่ยวชาญ และการสรุปที่น่าพอใจ และนำเพลง “Answer” ของซาราห์ แมคลาคแลนมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวล้างแค้นหรือศาลเตี้ยที่เข้มข้น เราขอแนะนำ:
Death Wish (1974) : ต้นตำรับหนังศาลเตี้ยสุดคลาสสิก
Taxi Driver (1976) : มาสเตอร์พีซที่ว่าด้วยชายผู้โดดเดี่ยวที่ลุกขึ้นมา “ชำระล้าง” สังคม
Ms .45 (1981) : หนังคัลท์คลาสสิกที่มีพล็อตเรื่องคล้ายกันมาก เมื่อหญิงสาวที่ถูกข่มขืนกลายเป็นนักฆ่า
Promising Young Woman (2020) : หนังยุคใหม่ที่ว่าด้วยการเอาคืนของผู้หญิงในรูปแบบที่ชาญฉลาดและมีสไตล์
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญหรือเปล่า?
A: ไม่ใช่ เป็น “ทริลเลอร์-จิตวิทยา” ที่มีฉากความรุนแรงที่สมจริง แต่ไม่ได้เน้นแอ็คชั่น โฟกัสหลักอยู่ที่สภาพจิตใจและการเดินทางทางศีลธรรมของตัวละครเอก
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงเหรอ?
A: ไม่ใช่ เป็นเรื่องแต่ง แต่มีความสมจริงในแง่ของการนำเสนอผลกระทบทางจิตใจของเหยื่ออาชญากรรม
Q: การแสดงของ โจดี้ ฟอสเตอร์ ดีแค่ไหน?
A: ยอดเยี่ยมมาก ถือเป็นหนึ่งในการแสดงที่ทรงพลังที่สุดของเธอในช่วงหลัง ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ๆ มากมาย
บทสรุป: คือภาพยนตร์ทริลเลอร์-ดราม่าที่เข้มข้น, ชวนขบคิด, และโดดเด่นด้วยการแสดงระดับมาสเตอร์คลาสของ โจดี้ ฟอสเตอร์ เป็นหนังที่จะทำให้คุณต้องตั้งคำถามกับความหมายของความยุติธรรม และความมืดมิดที่ซ่อนอยู่ในใจของมนุษย์