ดูหนัง City of God (2002) เมืองคนเลวเหยียบฟ้า
หากจะมีหนังเรื่องไหนที่สามารถถ่ายทอด “วัฏจักรแห่งความรุนแรง” ได้อย่างสมจริงและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ชื่อของ City of God จะต้องอยู่อันดับแรกสุดเสมอ นี่คือภาพยนตร์ที่จะพาคุณไป “ดูหนัง” และสัมผัสกับชีวิตในสลัม “Cidade de Deus” แห่งเมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ มันคือมหากาพย์อาชญากรรมที่ทั้งน่าตื่นเต้นจนลืมหายใจ และน่าเศร้าจนใจสลายไปพร้อมๆ กัน
เรื่องย่อ
หนังเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของ “ร็อคเก็ต” (Buscapé) เด็กหนุ่มผู้เติบโตขึ้นมาในสลัมซิตี้ออฟก็อด เขาแตกต่างจากเด็กคนอื่น เพราะเขาไม่ได้ฝันอยากจะเป็นเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ แต่ฝันอยากจะเป็น “ช่างภาพ” เขาใช้กล้องถ่ายรูปเป็นเครื่องมือในการสังเกตการณ์และหลีกหนีจากโลกที่โหดร้ายรอบตัว
เรื่องราวพาเราย้อนกลับไปตั้งแต่ยุค 60s จนถึง 80s และติดตามชีวิตของตัวละครมากมาย แต่เส้นเรื่องหลักคือการเปรียบเทียบชีวิตของเด็กหนุ่มสองคน:
- ร็อคเก็ต: ผู้เลือกที่จะเป็นผู้เฝ้ามอง
- ลิล เซ (Zé Pequeno): เด็กชายผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตมาตั้งแต่เด็ก เขาไต่เต้าจากเด็กส่งของให้แก๊งค์อันธพาล สู่การเป็น “เจ้าพ่อนักค้ายา” ที่โหดเหี้ยมและน่าเกรงขามที่สุดในสลัม
หนังพาเราไปเป็นพยานในการก่อร่างสร้างตัวของแก๊งค์อาชญากรรม, สงครามระหว่างแก๊งค์ที่นองเลือด, และชีวิตของผู้คนที่ต้องติดอยู่ในวงจรแห่งความรุนแรงที่ไม่มีวันจบสิ้น ท่ามกลางความตายและความโกลาหล ร็อคเก็ตต้องหาทางเอาชีวิตรอดและบันทึกภาพความจริงของ “เมืองพระเจ้า” แห่งนี้ให้โลกได้เห็น
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
- อเล็กซานเดร ร็อดริเกซ (Alexandre Rodrigues) รับบทเป็น ร็อคเก็ต
- ลีแอนโดร เฟอร์มิโน (Leandro Firmino) รับบทเป็น ลิล เซ: การแสดงที่น่าขนลุกและถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวร้ายที่ดีที่สุดตลอดกาล
- นักแสดงส่วนใหญ่เป็น “นักแสดงสมัครเล่น” ที่อาศัยอยู่ในสลัมจริงๆ! นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้หนังมีความสมจริงและพลังดิบอย่างมหาศาล
- ผู้กำกับ: เฟอร์นันโด เมเรลเลส (Fernando Meirelles) และ คาเทีย ลุนด์ (Kátia Lund) เมเรลเลสได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้ และสไตล์การกำกับที่รวดเร็ว, ฉับไว, และเปี่ยมด้วยพลังของเขาคือลายเซ็นที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นที่น่าจดจำ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
City of God คือภาพยนตร์ที่เปี่ยมด้วย “พลังงาน” อย่างแท้จริง มันคือรถไฟเหาะตีลังกาทางอารมณ์ที่สมบูรณ์แบบ
- สไตล์การกำกับที่น่าทึ่ง: การตัดต่อที่รวดเร็ว, การใช้กล้องแฮนด์เฮลด์, และจังหวะการเล่าเรื่องที่ฉับไว ทำให้หนังมีความรู้สึกเหมือนสารคดีที่ผสมผสานกับมิวสิควิดีโอ มันดึงผู้ชมเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ได้อย่างเต็มตัว
- ความสมจริงที่โหดร้าย: หนังไม่เคยนำเสนอภาพชีวิตแก๊งสเตอร์ที่สวยหรู แต่มันกลับแสดงให้เห็นถึงความจริงอันน่าสังเวชและโหดร้ายอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการแสดงให้เห็นว่าความรุนแรงได้กลืนกินชีวิตของ “เด็กๆ” ไปได้อย่างไร
- ความหวังท่ามกลางความสิ้นหวัง: แม้หนังจะเต็มไปด้วยความรุนแรง แต่ตัวละคร “ร็อคเก็ต” ก็เปรียบเสมือนแสงสว่างเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการหลีกหนีจากวงจรนี้ผ่าน “ศิลปะ” และ “การเลือกเส้นทางของตัวเอง”
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 8.6/10 (ติดอันดับที่ 25 ของหนังที่ดีที่สุดตลอดกาล)
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์สูงลิ่วถึง 91% (Certified Fresh)
- รางวัลออสการ์: ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 4 รางวัลใหญ่: ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, และลำดับภาพยอดเยี่ยม
trelloskilos
⭐ 6/10
Cidade de Deus ดูเหมือนจะได้รับคำชมมากมายบนกระดาน IMDb และก็มีเหตุผลที่ดีด้วย ในความคิดของผม มันคือหนึ่งในภาพยนตร์ร่วมสมัยที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา สร้างจากเหตุการณ์จริงและตัวละครที่อาศัยอยู่ในสลัมที่ถูกมองข้ามและยากจนในเงามืดของริโอเดจาเนโร ที่ซึ่งอายุขัยไม่ถึง 30 ปี และพ่อค้ายาเสพติดคือราชา เรื่องราวของนครแห่งพระเจ้าและตัวละครมากมาย เล่าโดยร็อคเก็ต ชายหนุ่มผู้ดิ้นรนเพื่อสร้างคุณค่าให้กับชีวิต แทนที่จะกลายเป็นเหยื่อของยาเสพติดหรือสงครามแก๊ง ตัวละครในนครแห่งพระเจ้าไม่เพียงแต่มีเสน่ห์และน่าประทับใจอย่างยิ่งเท่านั้น แต่ยังแสดงได้อย่างน่าเชื่อถือโดยกลุ่มนักแสดงรุ่นเยาว์ที่ไม่มีใครรู้จัก เรื่องราวต่างๆ เล่าได้ดี บางครั้งก็ตลก บางครั้งก็น่าตกใจอย่างโหดร้าย สไตล์ภาพยนตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกถึงทารันติโน ด้วยการกระโดดข้ามเวลาอย่างชาญฉลาด การหยุดภาพ และข้อความที่บ่งบอกถึงอีกบทหนึ่งของภาพยนตร์ ในทุกแง่มุม ให้ความรู้สึกเหมือน “Pulp Fiction” หรือ “Goodfellas” ของบราซิลอยู่บ้าง แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว The City of God เป็นภาพยนตร์มหัศจรรย์ และเป็นภาพยนตร์ที่แนะนำอย่างยิ่ง แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่อ่อนไหวเกินไปหรือเครียดง่าย
ragin_kagin
⭐ 6/10
ภาพยนตร์เรื่องนี้หมุนรอบ ชุมชนแออัด (หรือสลัม) ในเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นพื้นที่อันน่าสะพรึงกลัวที่เหล่าพ่อค้ายาเสพติดครองชุมชน และเป็นที่ที่เด็กๆ ฆ่าเด็กๆ กันอย่างไม่ขาดสาย เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงแรกของ City of God (ในช่วงทศวรรษ 1960) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาต่างๆ เช่น ความยากจนข้นแค้น ความแออัดยัดเยียด ฯลฯ ณ ที่แห่งนี้ ในช่วงแรกของสลัม เราจะได้พบกับตัวละครหลักและนักแสดงสมทบ เรื่องราวส่วนใหญ่หมุนรอบตัวละครสองตัวที่อาศัยอยู่ในสลัม คือ ร็อคเก็ตและลิล ซี และวิธีที่พวกเขาเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน ความฝันของร็อคเก็ตคือการเป็นช่างภาพและหลบหนีจาก City of God ขณะที่ลิล ซีกลายเป็นหัวหน้าแก๊งและพ่อค้ายาเสพติดผู้ทรงอิทธิพล
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอมุมมองอันแน่วแน่เกี่ยวกับชีวิตแก๊งในเมืองแห่งพระเจ้า ผ่านการติดตามชีวิตของสลัมตลอดสามทศวรรษ ยุค 60, 70 และ 80 แสดงให้เห็นว่าความรุนแรงยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความรุนแรงที่น่าตกใจในชุมชนแออัด ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นและเด็ก การกำกับ การถ่ายทำ และการตัดต่อล้วนคู่ควรกับรางวัลออสการ์ การถ่ายทำเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมา ด้วยความรู้สึกที่สะเทือนอารมณ์และกระตุกกระตัก ชวนให้นึกถึง Saving Private Ryan มาก การตัดต่อนั้นดุเดือดมาก ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บนท้องถนนในนครแห่งพระเจ้า และการกำกับก็ไร้ที่ติ ผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ ของเรื่องราวได้อย่างลงตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมา เรื่องราว การกำกับ การถ่ายทำ การตัดต่อ และการแสดง ล้วนผสมผสานกันจนกลายเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ชม
กลางแปลง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Rio de Janeiro (เมืองแห่งพระเจ้า) ประเทศบราซิล สลัม Cidade de Deus ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยบรรดาอาชญากร ยาเสพติด และการคอรัปชั่น ที่พบได้ทุกหนทุกแห่ง เปรียบดั่งขุมนรกบนดินของเหล่าเด็กวัยรุ่นที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรุนแรงเหล่านี้ เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของ Rocket เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในเมืองแห่งพระเจ้า ที่มีความฝันอยากจะเป็นช่างถ่ายภาพและนักหนังสือพิมพ์
ความรู้สึกส่วนตัว: อีกหนึ่งหนังแก็งที่ควรค่ากับการหามาดู หนังปี2002 ที่เล่าเรื่องราวอาชญากรรมในเมืองริโอ ที่จะทำให้คุณเห็นความลำบากในการดำเนินชีวิตของเด็กในสังคมสลัม ในการดิ้นรนหาหนทางของตนเอง ตัวหนังเดินเรื่องฉับไว เล่าเรื่องน่าติดตาม เห็นได้ถึงความเป็นจริงและรูปแบบของสังคม ที่ทำให้ตัวละครแต่ละตัวช่วงเวลาการเติบโตในรูปแบบของสังคมที่เป็นอยู่ ที่มาของคำว่า ที่นี่บราซิล
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแก๊งสเตอร์ที่ดิบเถื่อนและสมจริง เราขอแนะนำ:
- Goodfellas (1990): มาสเตอร์พีซของ มาร์ติน สกอร์เซซี ที่เล่าเรื่องการรุ่งโรจน์และล่มสลายของแก๊งสเตอร์ในรูปแบบมหากาพย์
- Amores Perros (2000): หนังจากเม็กซิโกที่ดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยพลังไม่แพ้กัน
- Slumdog Millionaire (2008): แม้จะสดใสกว่ามาก แต่ก็มีพลังงานและสไตล์การเล่าเรื่องชีวิตในสลัมที่คล้ายคลึงกัน
- Gomorrah (2008): หนังมาเฟียอิตาลีที่สมจริงราวกับสารคดี
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงหรือไม่?
A: ใช่ครับ สร้างจากนิยายกึ่งอัตชีวประวัติของ เปาโล ลินส์ ผู้ซึ่งเติบโตมาในสลัมซิตี้ออฟก็อดจริงๆ ตัวละครและเหตุการณ์หลายอย่างในเรื่องอิงมาจากบุคคลและเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง
Q: หนังเรื่องนี้โหดและรุนแรงมากไหม?
A: รุนแรงมากครับ หนังนำเสนอภาพความรุนแรง, การใช้ยาเสพติด, และการฆาตกรรมอย่างสมจริงและตรงไปตรงมา มีฉากที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น
Q: ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงใช้ ‘นักแสดงสมัครเล่น’ เป็นส่วนใหญ่?
A: ผู้กำกับต้องการจับเอาพลังงานดิบและความสมจริงที่เขารู้สึกว่านักแสดงอาชีพไม่สามารถให้ได้ เขาจึงได้คัดเลือกนักแสดงจากเด็กๆ และผู้คนที่อาศัยอยู่ในสลัมจริงๆ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หนังทรงพลังอย่างที่เป็น
บทสรุป คือภาพยนตร์ที่ “ต้องดู” อย่างแท้จริงสำหรับคอหนังทุกคน มันคือผลงานศิลปะที่ทั้งดิบเถื่อน, งดงาม, น่าตื่นเต้น, และน่าเศร้า เป็นหนึ่งในหนังแก๊งสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลและเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของวงการภาพยนตร์โลก นี่ไม่ใช่หนังที่คุณแค่ “ดู” แต่มันคือหนังที่คุณจะ “รู้สึก” ไปกับมันทุกวินาที