Control (2004) ล่าล้างสมอง จอมคนอำมหิต

นักแสดงนำและผู้กำกับ

 

• เรย์ ลิออตต้า (Ray Liotta) รับบทเป็น ลี เรย์ โอลิเวอร์: การแสดงที่ต้องแบกหนังทั้งเรื่อง และเขาก็ทำมันได้อย่างยอดเยี่ยม ลิออตต้าสามารถถ่ายทอดบทบาทของคนสองขั้วในร่างเดียวได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งความโหดเหี้ยมและความสับสนเปราะบาง
• วิลเลม เดโฟ (Willem Dafoe) รับบทเป็น ดร.ไมเคิล โคปแลนด์
• มิเชลล์ ร็อดริเกซ (Michelle Rodriguez) รับบทเป็น เทเรซา
• ผู้กำกับ: ทิม ฮันเตอร์ (Tim Hunter)

โปสเตอร์หนัง

รีวิวและบทวิเคราะห์

 

Control คือหนังทริลเลอร์-ไซไฟเกรดบี ที่มี “หัวใจ” และ “ไอเดีย” อยู่ในระดับเกรดเอ

• คอนเซปต์ที่น่าสนใจ: พล็อตเรื่อง “การล้างสมองคนชั่วให้เป็นคนดี” นั้นแข็งแรงและชวนให้ขบคิดอย่างมาก มันตั้งคำถามเกี่ยวกับเจตจำนงเสรี (Free Will) และธรรมชาติของความดีความชั่วได้อย่างน่าสนใจ
• การแสดงของ เรย์ ลิออตต้า: คือเหตุผลหลักที่ทำให้คุณต้องดูหนังเรื่องนี้ การแสดงของเขาทำให้ตัวละครที่ซับซ้อนนี้ดูน่าเชื่อถือและน่าเอาใจช่วย เขาสามารถทำให้เรากลัวและสงสารเขาได้ในเวลาเดียวกัน
• ความบันเทิงที่ครบรส: แม้จะเป็นหนังที่ไม่ได้มีทุนสร้างสูง แต่ก็มีทั้งความระทึกขวัญ, ฉากแอ็คชั่นที่ดิบเถื่อน, และดราม่าที่เข้มข้น
• IMDb: ให้คะแนน 6.1/10
• แม้จะไม่มีคะแนนใน Rotten Tomatoes เพราะเป็นหนังที่ออกฉายในรูปแบบวิดีโอโดยตรง (Direct-to-video) แต่ก็เป็นหนังที่ได้รับการยอมรับในหมู่คอหนังทริลเลอร์ว่าทำออกมาได้ดีเกินคาด

หมื่นทิพ

⭐ 6/10

หนังเรื่องนี้แจ๋วจริง พล็อตไม่ซับซ้อนอะไรครับ ตัวเอกคือ แม็กซ์ (Jamie Foxx) คนขับแท็กซี่ที่ได้จอดรับผู้โดยสารท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง นามว่าวินเซนต์ (Tom Cruise) โดยเขาเสนอให้เแม็กซ์เป็นสารถีแบบเหมาจ่าย 500 เหรียญเพื่อพาเขาขับไปแวะตามที่หมาย 5 แห่ง และหากสามารถพาเขาไปส่งสนามบินทันเวลา จะได้โบนัสตบท้ายอีก 100 เหรียญทันที เจอแบบนี้แม็กซ์ก็ชอบล่ะครับ ขับคืนเดียวได้ขนาดนี้ แต่แล้วระหว่างการจอดส่งให้วินเซนต์แวะตามสถานที่ต่างๆ นั้น เขาดันไปพบว่าแท้จริงแล้ววินเซนต์คือนักฆ่าครับ และ 5 แห่งที่แวะนั่นก็คือการสังหารคนตามใบสั่งจำนวน 5 คน เอาล่ะสิครับ แล้วแบบนี้แม็กซ์จะปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตายได้อย่างไร แต่ครั้นจะไปขวางทางก็เท่ากับเอาตัวเองไปรับกระสุน… นั่นล่ะครับ จุดเริ่มของความลุ้นระทึกของหนังเรื่องนี้

ดูแล้วไม่ผิดหวังเลยครับ สนุกมาก น่าติดตามจริงๆ โทนอารมณ์ของหนังมันกำลังเหมาะครับ กดดันกำลังดี (นั่นคือไม่มากและไม่น้อยเกินไป) ดาราก็แสดงกันได้ลื่นโดยเฉพาะ Foxx ที่แสดงอารมณ์และมิติความเป็นคนได้อย่างน่าพอใจ จนเราอดไม่ได้ที่จะคอยเอาใจช่วยให้เขารอดพ้นจากเรื่องนี้ โดยไม่โดยวินเซนต์ยัดกระสุนใส่กะโหลกซะก่อน ส่วน Cruise ก็ไปได้ดีกับบทนี้ครับ ท่าทางนิ่งๆ มีอารมณ์ขันนิดๆ แต่ก็พร้อมจะเปลี่ยนสภาพเป็นงูพิษดุร้ายคอยฉกคร่าชีวิตใครต่อใครได้ทุกเมื่อ ซึ่งถ้าว่าตามจริงเขาอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบทนี้ แต่เขาก็ยังแสดงได้แบบน่าพอใจและมีสีสันมากทีเดียวครับ

หลักๆ แล้วก็มี 2 คนนี้แหละครับที่คอยเฉือนฝีมือกันตลอด แน่นอนว่าความสนุกเกิดจากการแก้เกมกันระหว่างแม็กซ์และวินเซนต์ ที่คนหนึ่งมาเพื่อฆ่าและอีกคนต้องการยับยั้งแผนร้ายนี้ โดยอยากรักษาชีวิตของตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วย ก็ลุ้นกันตลอดล่ะครับว่าแม็กซ์จะทำยังไง และวินเซนต์จะวางแผนตะล่อมจัดการแม็กซ์ยังไง หากจะบอกว่านี่คือผลงานที่ใกล้เคียงกับคำว่า “หนังตลาด” มากที่สุดของผู้กำกับ Michael Mann (The Last of the Mohicans, Heat และ The Insider) ก็คงไม่ผิดอะไรครับ เพราะมันมีองค์ประกอบครบทั้งแอ็กชัน ความตื่นเต้น ปมที่น่าติดตาม แต่หนังก็ยังมีกลิ่นอายความเป็น Mann เจืออยู่ โดยเฉพาะโทนหนังที่เข้มข้น กับการแสดงมิติความเป็นคนออกมา ทั้งด้านดีและด้านร้าย รายได้ถือว่าสวยอยู่ครับ ทำไป $220 ล้านจากทั่วโลก ส่วนทุนนั้นอยู่ที่ $65 ล้าน กำไรใช้ได้ครับ อีกหนึ่งหนังที่ดูสนุกและน่าจดจำ

snorton

⭐ 6/10

ผมเพิ่งดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนังที่บาห์เรน น่าจะ 2 ปีหลังจากที่หนังออกฉาย หรือพูดให้ถูกคือไม่ได้ออกฉายในโรงหนัง เพราะหนังถูกขายเป็นแผ่นดีวีดีไปซะแล้ว พอนึกถึงหนังห่วยๆ ทั้งหลายที่เข้าฉายในโรงหนังแล้ว มันก็ดูถูกเหยียดหยามจริงๆ ผมดูเพราะเดโฟกับลิออตตา สองนักแสดงที่เก่งกาจที่สุดในยุคนี้ ใช่ หนังมีบางช่วงที่ดูเชยๆ บ้าง แต่นี่ก็ยังเป็นหนังที่ดีอยู่ดี การแสดงของเดโฟกับลิออตตาโดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมมาก และเนื้อเรื่องก็ดีมาก ถึงแม้ว่าการตัดต่อจะดีกว่านี้อีกหน่อย สตีเฟน รีอา รับบทเจ้านายของเดโฟได้ดี ถึงแม้ว่าตอนจบจะเดาทางได้ แต่มันก็เป็นวิธีที่สมเหตุสมผลที่จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น อีกทางเลือกหนึ่งคือการดูหนังของอดัม แซนด์เลอร์หรือเบน สติลเลอร์ ซึ่งไม่ได้เข้าฉายทางวิดีโอโดยตรง และแสดงให้เห็นว่าทำไมธุรกิจภาพยนตร์ถึงเป็นธุรกิจที่บ้าระห่ำที่สุดในโลก ดูนักแสดงเก่งๆ สองคนทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด แล้วคุณจะสนุกที่หนังแบบนี้ยังสร้างได้อยู่ มันดีจริงๆ

 

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

 

หากคุณชื่นชอบหนังไซไฟที่เล่นกับจิตใจและตัวตน เราขอแนะนำ:

1. A Clockwork Orange (1971): หนังคลาสสิกในตำนานที่ว่าด้วยการ “ล้างสมอง” เด็กหนุ่มผู้ก้าวร้าวให้กลายเป็นคนดี
2. Face/Off (1997) สลับหน้าล่าล้างนรก: หนังแอ็คชั่นสุดมันส์ที่ว่าด้วยการสลับตัวตนระหว่างตำรวจกับผู้ก่อการร้าย
3. Minority Report (2002) หน่วยสกัดอาชญากรรมล่าอนาคต: หนังไซไฟที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับอาชญากรรมและเจตจำนงเสรี
4. Upgrade (2018): หนังไซไฟ-แอ็คชั่นยุคใหม่ที่พระเอกถูกควบคุมร่างกายโดย AI

 

คำถามที่พบบ่อย (Q&A)

 

Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญหรือเปล่า?

A: เป็นหนัง “ไซไฟ-ทริลเลอร์-จิตวิทยา” ที่มีองค์ประกอบของแอ็คชั่นครับ โฟกัสหลักอยู่ที่ความขัดแย้งในใจของตัวเอกและความระทึกขวัญของสถานการณ์ แต่ก็มีฉากแอ็คชั่นที่ดิบและรุนแรงอยู่พอสมควร

Q: หนังเรื่องนี้หาดูยากไหม?

A: เนื่องจากเป็นหนังที่ไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วงกว้าง จึงอาจจะหาดูได้ยากกว่าหนังกระแสหลักครับ แต่สำหรับคอหนังที่ชอบค้นหา “หนังดีที่ซ่อนอยู่” เรื่องนี้ถือเป็นเพชรเม็ดงามที่คุ้มค่าแก่การตามหา

Q: การแสดงของ เรย์ ลิออตต้า ดีแค่ไหน?

A: ยอดเยี่ยมมากครับ เขาคือคนที่ใช่สำหรับบทนี้อย่างแท้จริง และมอบการแสดงที่ทรงพลังและมีมิติ หากคุณเป็นแฟนของ เรย์ ลิออตต้า นี่คือหนังที่คุณต้องดูเพื่อชื่นชมฝีมือการแสดงของเขาโดยเฉพาะ

บทสรุป: Control คือหนังทริลเลอร์-ไซไฟชั้นดีที่ถูกประเมินค่าต่ำไปอย่างน่าเสียดาย เป็นผลงานที่โดดเด่นด้วยคอนเซปต์ที่แข็งแรงและการแสดงระดับเทพของ เรย์ ลิออตต้า หากคุณกำลังมองหาหนังที่ไม่ใช่แค่แอ็คชั่น แต่ยังชวนให้ขบคิดถึงประเด็นที่น่าสนใจ นี่คือหนังที่คุณไม่ควรพลาด