ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
- ผู้กำกับ: บาร์เบต ชโรเดอร์ (Barbet Schroeder)
- นักแสดงนำ:
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: หนังแอ็กชัน-ทริลเลอร์ที่พล็อตน่าสนใจ
“Desperate Measures” คือภาพยนตร์ที่โดดเด่นด้วย “พล็อตเรื่อง” ที่แข็งแรงและน่าสนใจ ประเด็นขัดแย้งทางศีลธรรมของตัวละครเอกที่ต้องเลือกระหว่างความถูกต้องกับชีวิตของลูกชาย คือสิ่งที่สร้างความตึงเครียดและทำให้เรื่องราวน่าติดตามได้อย่างยอดเยี่ยม
การแสดงของนักแสดงนำทั้งสองคนคือหัวใจสำคัญของเรื่อง แอนดี้ การ์เซีย ถ่ายทอดบทบาทของพ่อผู้สิ้นหวังออกมาได้อย่างน่าเห็นใจ ในขณะที่ ไมเคิล คีตัน ก็มอบการแสดงที่น่าขนลุกในบทฆาตกรอัจฉริยะที่ทั้งมีเสน่ห์และอันตรายในเวลาเดียวกัน การชิงไหวชิงพริบของทั้งคู่ทำให้หนังเต็มไปด้วยความระทึกใจ
แม้ว่าในด้านฉากแอ็กชันอาจจะดูเป็นสูตรสำเร็จของหนังในยุค 90s ไปบ้าง แต่ด้วยพล็อตที่แข็งแรงและประเด็นที่น่าขบคิด ก็ทำให้ “Desperate Measures” เป็นหนังทริลเลอร์อีกหนึ่งเรื่องที่ดูสนุกและยังคงความยอดเยี่ยมมาจนถึงปัจจุบัน
คะแนนจากนักวิจารณ์:
- IMDb: 6.1/10
- Rotten Tomatoes: 21% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
หมื่นทิพ
⭐ 6/10
รู้มั้ยครับว่าผมนั่งนึกอยู่นานว่าจะเขียนถึงหนังเรื่องอะไรดี มันเยอะจนไม่รู้จะเอาเรื่องไหนมาว่ากันดี แหม ดูหนังเยอะก็งี้แหละครับ จริงๆ ไม่น่าจะต้องคิดมากเลยเน้อะ เรื่องไหนนึกได้ก็เอาเรื่องนั้นแหละ ง่ายดี ทำยังกับจะส่งวิทยานิพนธ์ไปได้ เอาเรื่องง่ายๆ นี่แล้วกันนะครับ กับ Desperate Measures ภาพยนตร์แนวแอ็คชัน ทริลเลอร์ปี 1998 ได้เข้าโรงบ้านเราด้วยนะครับ ผมก็ไม่ได้ไปดูตามระเบียบ เพราะแม้ดาราจะโอ แต่หน้าหนังไม่ใคร่จะดึงดูดเท่าไหร่ พระเอกคือ แฟรงค์ คอนเนอร์ (Andy Garcia) นายตำรวจที่กำลังทุกข์อย่างหนักเพราะลูกชายกำลังจะเสียชีวิตด้วยโรคร้าย ทางรอดเดียวคือต้องหาคนที่มีสภาพร่างกายเหมาะสมมาเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกให้ แล้วก็เหมือนโดนเล่นตลกครับ เพราะคนที่มีสภาพร่างกายเหมาะสมดันเป็นฆาตกรโรคจิตสุดอำมหิตที่ชื่อปีเตอร์ แม็กเคป (Michael Keaton) ที่ร้ายกาจสุดๆ ตอนแรกมันก็ทำท่าว่าจยอมล่ะครับ แต่หารู้ไม่ มันวางแผนที่จะได้ออกมาจากคุกต่างหากล่ะ พอมีโอกาสได้ออกมา แผนแหกคุกก็เลยบังเกิด โดยทำการยึดโรงพยาบาลที่โดนพาตัวมาผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกนั่นแหละ พร้อมทั้งหาทางหลบหนีอีกต่างหาก แฟรงค์เลยต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ อีกทั้งยังต้องปกป้องปีเตอร์อีก เพราะหากปีเตอร์ตายชีวิตลูกเขาก็จะหาไม่ไปด้วย
หนังสไตล์กดดันแบบนี้ไม่แปลกใจเลยครับที่ Barbet Schroeder จะมากำกับ พี่แกถนัดอยู่แล้วครับหนังกดๆ แบบนี้ งานก่อนหน้านี้ก็สั่งสมบารมีมาเยอะ ไม่ว่าจะ Before and After, Kiss of Death, Single White Female, Reversal of Fortune แต่ละเรื่องดูแล้วไม่ชวนจำเริญใจเท่าไหร่เลยครับ มีเรื่องให้กดดันชวนขมวดคิ้วได้ตลอด ส่วนเรื่องนี้ ให้ว่าตามจริงคือไม่กดดันขนาดเรื่องก่อนๆ แต่ก็ยังไว้ลายไม่ทำให้แกเสียชื่อ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้ดารานำครับ เล่นกันได้ดีมาก โดยเฉพาะ Keaton แบทแมนฉบับ Tim Burton ก็พลิกมาเล่นเป็นวายร้ายโรคจิตได้อย่างเนียนมากๆ สีหน้าแววตา เอาแค่การพูดจาก็รู้สึกได้เลยว่าหมอนี่กำลังวางแผนนรกอยู่แน่ๆ ยิ่งตอนที่มันทำเป็นหงิมๆ เหมือนจะยอมนี่แหละครับตัวดีเลย แสดงว่าแผนพลิกสถานการณ์มันใกล้จะสัมฤทธิ์ผล หนังสนุกมากก็เพราะพี่แกนี่แหละครับ ส่วน Garcia ก็ไม่เลวเช่นกันครับ ท่าทางดูเป็นพ่อที่รักลูก ขณะเดียวกันก็ดูเป็นนายตำรวจตงฉิน แต่จะติดอยู่หน่อยตรงที่บุคลิกยังไม่เด็ดพอครับ ในเรื่องมันดูไปรู้สึกไปเลยว่ายังไงแฟรงค์ก็ไม่ฉลาดเท่าปีเตอร์ ดังนั้นประเด็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมที่พึงมีเลยไม่ปรากฏให้ได้เห็นเท่าไหร่
wierzbowskisteedman
⭐ 2/10
เอาล่ะ ผมดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณหกปีที่แล้ว ผมยังไม่ลืมเลยว่าหนังเรื่องนี้มันห่วยขนาดไหน ความจริงก็คืออาชีพของรัสเซลล์ มัลคาไฮตกต่ำมาตลอดยี่สิบปีนับตั้งแต่ “Highlander” หนังเรื่องนี้ยิ่งตอกย้ำความคิดนั้นเข้าไปอีก ดังนั้น นักแสดงก็โอเค แม้ว่าคริสโตเฟอร์ ลีจะถูกฆ่าตายไปประมาณห้าวินาทีหลังจากหนังเข้าฉาย แต่ก็ยังสามารถรักษาชื่อของเขาไว้ได้ เขาน่าจะเป็นเหตุผลเดียวที่แฟนหนังสยองขวัญจะดูเรื่องนี้ น่าเสียดายที่หนังกลับดิ่งลงเหวหลังจากเขาตายและขึ้นเครดิตเปิดเรื่อง ดังนั้น ถือว่าคุ้มค่าแก่การดู ถ้าไม่ใช่ช่วง 115 นาทีสุดท้าย อ้อ แล้วตอนจบก็งี่เง่าและน่ารำคาญอย่างน่าเจ็บใจ ทำให้สองชั่วโมงที่คุณนั่งดูดูเหมือนไร้จุดหมาย ไม่มีบทสรุป แต่งี่เง่าและน่ารำคาญเกินกว่าจะเรียกว่าโศกนาฏกรรม หลีกเลี่ยง ไปดู “The Mummy” ของซอมเมอร์สแทนดีกว่า ถึงแม้ว่าอาชีพของเขาตอนนี้จะดูเหมือนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับมัลคาไฮ เพียงแต่เขามีงบประมาณมหาศาล
Boromir
⭐ 4/10
หนังมัมมี่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเรื่องนี้เปิดเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม มีกลิ่นอายลึกลับชวนค้นหาและเทคนิคพิเศษที่ลงตัว คริสโตเฟอร์ ลี แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม (เช่นเคย) แต่หลังจากชื่อเรื่องหลัก (พร้อมดนตรีประกอบอันทรงพลังโดยสเตฟาโน ไมเน็ตติ) หนังเรื่องนี้กลับไม่สามารถรักษาบรรยากาศอันยอดเยี่ยมไว้ได้ บางฉากก็ไม่น่าสนใจเลย ซึ่งนั่นคือปัญหาใหญ่ที่สุดของหนังเรื่องนี้ ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็ไม่ได้แย่เลย (แจ็ค เดเวนพอร์ต ทำได้ดีมาก) ทาลอสอาจจะไม่ใช่มัมมี่ทั่วๆ ไป แต่เขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ หนังมีพล็อตเรื่องที่ยอดเยี่ยมและมีบางฉากที่น่าประหลาดใจ อย่าสับสนกับ The Mummy (1999) ของสตีเฟน ซอมเมอร์ส ถึงแม้ว่าภาคนี้จะออกแนวผจญภัยมากกว่าระทึกขวัญ แต่ภาคนี้กลับออกแนวระทึกขวัญมากกว่าผจญภัย โดยรวมแล้วเป็นหนังที่สนุก ส่วนบทนำก็คุ้มค่าแก่การดู ผมขอแนะนำหนังเรื่องนี้ให้กับแฟนๆ หนังสยองขวัญของค่ายแฮมเมอร์เป็นอย่างยิ่ง
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวแอ็กชัน-ทริลเลอร์ที่ต้องชิงไหวชิงพริบกัน เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
- The Fugitive (1993) ขึ้นทำเนียบจับตาย: เรื่องราวของศัลยแพทย์ที่ถูกใส่ร้ายว่าฆ่าภรรยาตัวเอง เขาต้องหนีการตามล่าของกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
- Con Air (1997) ปฏิบัติการแหกนรกยึดฟ้า: อดีตทหารที่เพิ่งพ้นโทษต้องมาอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกับเหล่านักโทษสุดโหดที่กำลังจะยึดเครื่องบิน
- The Silence of the Lambs (1991) อำมหิตไม่เงียบ: การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ FBI สาวกับฆาตกรอัจฉริยะ ดร.ฮันนิบาล เล็คเตอร์ เพื่อตามจับฆาตกรอีกคนหนึ่ง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงหรือไม่?
A: ไม่ได้สร้างจากเรื่องจริงครับ เป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะ
Q: ทำไมนักวิจารณ์ถึงให้คะแนนน้อย?
A: นักวิจารณ์ในยุคนั้นส่วนใหญ่มองว่าพล็อตเรื่องมีความไม่สมเหตุสมผลในหลายๆ จุด และฉากแอ็กชันก็เป็นไปตามสูตรสำเร็จมากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังได้รับความนิยมจากผู้ชมที่ชื่นชอบพล็อตเรื่องที่น่าสนใจและการแสดงที่เข้มข้นของนักแสดงนำครับ
Q: ไมเคิล คีตัน เคยรับบทเป็นตัวร้ายมาก่อนหรือไม่?
A: แม้ว่าเขาจะโด่งดังจากบทฮีโร่อย่าง “แบทแมน” แต่ ไมเคิล คีตัน ก็เคยรับบทเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำในหนังหลายเรื่อง เช่น Pacific Heights (1990) ซึ่งการรับบทฆาตกรอัจฉริยะในเรื่องนี้ก็เป็นการตอกย้ำความสามารถในการแสดงที่หลากหลายของเขา