ดูหนัง Dragons Fire and Ice (2004) ศึกพิชิตมังกร
หากคุณเป็นคนที่เติบโตมาในยุค 2000 ต้นๆ และชื่นชอบเรื่องราวแฟนตาซีเกี่ยวกับมังกร วันนี้เรามีแอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งที่เป็นเหมือน “แคปซูลเวลา” มาแนะนำครับ Dragons: Fire and Ice คือภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3D ที่ออกฉายในรูปแบบวิดีโอ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อโปรโมทไลน์ของเล่น “Mega Bloks’ Dragons” อันโด่งดังในยุคนั้น วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” และรำลึกถึงการผจญภัยสุดคลาสสิกเรื่องนี้กัน
เรื่องย่อ
ในอาณาจักรดราก้าที่แตกแยกออกเป็นสองฝ่าย คืออาณาจักร “นอร์วาเกน” ผู้เป็นพันธมิตรกับมังกรไฟ และอาณาจักร “ชาโดว์เรธ” ผู้ควบคุมมังกรน้ำแข็ง ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันมายาวนานนับพันปี เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เจ้าชายเดฟ แห่งนอร์วาเกน และ เจ้าหญิงไคร่า แห่งชาโดว์เรธ สองทายาทแห่งอาณาจักรคู่สงคราม ได้ค้นพบว่ามีภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่าความขัดแย้งของพวกเขากำลังจะมาเยือน เมื่อพ่อมดผู้ชั่วร้ายได้ปลดปล่อยพลังงานมืดที่พร้อมจะทำลายล้างทั้งสองอาณาจักรให้สิ้นซาก
หนทางเดียวที่จะหยุดยั้งหายนะครั้งนี้ได้ คือการที่ศัตรูคู่อาฆาตต้องหันมาร่วมมือกัน! เดฟและไคร่าจึงต้องออกเดินทางผจญภัยสุดอันตราย เพื่อค้นหาหนทางที่จะรวมพลังของมังกรไฟและมังกรน้ำแข็งให้เป็นหนึ่งเดียว และปกป้องโลกของพวกเขาไว้ให้ได้ movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง (ผู้ให้เสียง)
หนังเรื่องนี้ใช้ทีมนักพากย์มืออาชีพเป็นหลัก ไม่ได้มีดาราดังระดับ A-List ของฮอลลีวูดมาร่วมให้เสียงครับ
มาร์ค ฮิลเดร็ธ (Mark Hildreth) ให้เสียงเป็น เจ้าชายเดฟ
เคียร่า ซานนี่ (Chiara Zanni) ให้เสียงเป็น เจ้าหญิงไคร่า
มาร์ค โอลิเวอร์ (Mark Oliver) ให้เสียงเป็น ซีนอซ
ผู้กำกับ
เธียร์รี่ ชีล (Thierry Schiel)
โปสเตอร์หนัง
รีวิวและบทวิเคราะห์
Dragons: Fire and Ice คือแอนิเมชั่นผจญภัยที่ซื่อตรงต่อแนวทางของตัวเอง มันมีพล็อตเรื่องที่เรียบง่ายตามสูตรสำเร็จของหนังแฟนตาซี “ความดี ปะทะ ความชั่ว” ซึ่งทำให้ดูง่ายและเหมาะสำหรับผู้ชมที่เป็นเด็ก
พล็อตเรื่องที่เข้าใจง่าย: เรื่องราวการผจญภัยของเจ้าชายเจ้าหญิงเพื่อกอบกู้โลก เป็นพล็อตคลาสสิกที่เด็กๆ สามารถติดตามและสนุกไปกับมันได้ง่าย
ดีไซน์ของมังกร: จุดเด่นที่สุดของเรื่องคือการออกแบบมังกรไฟและมังกรน้ำแข็งที่ทำออกมาได้เท่และน่าเกรงขาม สมกับเป็นแอนิเมชั่นที่สร้างมาเพื่อขายของเล่นมังกร
งานภาพ CGI แห่งยุค 2000: ต้องยอมรับว่าในฐานะแอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์จากปี 2004 งานภาพอาจจะดู “เก่า” และแข็งทื่อไปบ้างเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูคัตซีนของเกมในยุค PlayStation 2 ซึ่งก็ถือเป็นเสน่ห์ย้อนยุคไปอีกแบบ
IMDb: ให้คะแนน 5.8/10
Rotten Tomatoes: ไม่มีคะแนนจากนักวิจารณ์ (Tomatometer) อย่างเป็นทางการ เนื่องจากเป็นหนังที่ไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วงกว้าง
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบแอนิเมชั่นแนวผจญภัยและมังกร เราขอแนะนำ:
How to Train Your Dragon (2010) อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร: มาตรฐานสูงสุดของหนังแอนิเมชั่นเกี่ยวกับมังกรในยุคปัจจุบัน
Dragonheart (1996): หนัง Live-Action สุดคลาสสิกที่ว่าด้วยมิตรภาพระหว่างอัศวินกับมังกร
Eragon (2006): หนังแฟนตาซีอีกเรื่องที่ว่าด้วยเด็กหนุ่มผู้เลี้ยงมังกร
The Dragon Prince (ซีรีส์ Netflix) : แอนิเมชั่นยุคใหม่ที่มีธีมเรื่องคล้ายกันมาก ทั้งเรื่องอาณาจักรคู่สงครามและเวทมนตร์
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นของดิสนีย์หรือพิกซาร์หรือเปล่า?
A: ไม่ใช่ครับ นี่คือแอนิเมชั่นที่สร้างโดยสตูดิโออิสระ เพื่อโปรโมทของเล่นของบริษัท Mega Bloks ครับ คุณภาพงานสร้างจึงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับหนังของดิสนีย์หรือพิกซาร์
Q: แอนิเมชั่นดูเก่ามากไหม?
A: ใช่ครับ CGI เป็นสไตล์ของยุค 2000 ต้นๆ อย่างชัดเจน ซึ่งจะดูคล้ายกับวิดีโอเกมในสมัยนั้น สำหรับเด็กๆ อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ผู้ใหญ่ที่ชินกับแอนิเมชั่นยุคใหม่จะสังเกตเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนครับ
Q: หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร?
A: เหมาะที่สุดสำหรับผู้ชมที่เป็นเด็กเล็กๆ ที่รักมังกร, อัศวิน, และเรื่องราวแฟนตาซีแบบเรียบง่ายครับ และยังเป็นหนังที่ดูสนุกสำหรับผู้ใหญ่ที่อยากรำลึกความหลังถึงของเล่นหรือการ์ตูนที่เคยดูในวัยเด็ก
บทสรุป: Dragons: Fire and Ice คือการผจญภัยที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา เป็นแอนิเมชั่นที่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างซื่อสัตย์ในการสร้างความบันเทิงให้กับเด็กๆ และแฟนๆ ของเล่นในยุคนั้น แม้จะไม่ใช่ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ แต่ก็เป็นแคปซูลเวลาที่น่ารักที่จะพาเราย้อนกลับไปสู่โลกแห่งจินตนาการของมังกรในยุค Y2K