ผู้กำกับและนักแสดง: ผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก!
ผู้กำกับ: ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย เรียวซุเกะ ฮามากุจิ (Ryusuke Hamaguchi) ผู้กำกับชาวญี่ปุ่นที่โด่งดังจากผลงานที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น Drive My Car (2021) ที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และ Wheel of Fortune and Fantasy (2021) เขามีสไตล์การกำกับที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นการเล่าเรื่องที่ละเอียดอ่อนและบทสนทนาที่ลึกซึ้ง
นักแสดงนำ:
ฮิโตชิ โอมิสกะ (Hitoshi Omika) รับบทเป็น ทาคุมิ (Takumi): นักแสดงผู้รับบทนำ เขาถ่ายทอดบทบาทของชายผู้รักธรรมชาติและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ
เรียวโกะ ชิบุตานิ (Ryo Nishikawa Shibutani) รับบทเป็น ฮานะ (Hana): เด็กสาวผู้เป็นลูกสาวของทาคุมิ
ริวอิจิโร่ ฟูจิอิ (Ryujiro Fujii) รับบทเป็น ทากาฮาชิ (Takahashi): ตัวแทนจากบริษัทที่เข้ามาเจรจากับชาวบ้าน
อายากะ ชิบุตานิ (Ayaka Shibutani) รับบทเป็น มายุมิ (Mayumi): ตัวแทนอีกคนจากบริษัท
โปสเตอร์หนัง
รีวิว Evil Does Not Exist (2023): ความงามที่เยือกเย็น…และความจริงอันน่าสะเทือนใจ!
Evil Does Not Exist เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งด้วยการกำกับที่ประณีตและเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยชั้นเชิง จุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอภาพธรรมชาติที่งดงามราวบทกวี ตัดกับความขัดแย้งที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา บทสนทนาของตัวละครมีความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ทำให้ผู้ชมต้องคิดตามและตีความ
เรียวซุเกะ ฮามากุจิ ผู้กำกับ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบแต่ก็แฝงไว้ด้วยความตึงเครียดที่ค่อยๆ บีบคั้นผู้ชม การแสดงของ ฮิโตชิ โอมิสกะ ในบททาคุมิ ก็มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก ทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวาและน่าเชื่อถือ เขาสามารถถ่ายทอดบทบาทของชายผู้รักธรรมชาติที่ต้องปกป้องวิถีชีวิตของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม
หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้มีฉากหวือหวาหรือแอ็กชันมากมาย แต่จะเน้นไปที่การสำรวจจิตใจมนุษย์ ผลกระทบของการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน และการตั้งคำถามถึงความหมายของการมีอยู่และการรุกรานธรรมชาติ ช่วงท้ายของเรื่องมีการหักมุมที่ชวนให้ตกตะลึงและตีความได้หลากหลาย ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของฮามากุจิ หากคุณชื่นชอบหนังดราม่าเชิงปรัชญาที่ดูแล้วได้คิดตาม และดื่มด่ำกับความงามของศิลปะการเล่าเรื่อง เรื่องนี้ไม่ควรพลาดเด็ดขาดค่ะ!
คะแนนรีวิวจากแหล่งต่างๆ:
IMDb: ประมาณ 7.5/10 (เป็นคะแนนที่ดีมากสำหรับหนังอาร์ตเฮาส์)
Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนน Critics Score สูงถึง 91% ซึ่งบ่งบอกถึงคำชื่นชมอย่างกว้างขวางจากนักวิจารณ์ โดยเน้นที่การกำกับของฮามากุจิ การถ่ายภาพที่สวยงาม และประเด็นที่ชวนให้คิด
Metacritic: ได้รับคะแนน 88/100 จากนักวิจารณ์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “Universal Acclaim” หรือคำชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์ และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 จากหลายสำนัก
LunarPoise
⭐ 8/10
เบนริยะซัง (ช่างซ่อมรถ) ชาวบ้านในเมืองเล็กๆ ใกล้โตเกียว ได้เข้าไปพัวพันกับผู้บุกรุกจากเมืองใหญ่ที่ต้องการดูโครงการตั้งแคมป์แบบหรูหราในพื้นที่ ฉันไม่ใช่แฟนของภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องช้าหรือการถ่ายทำแบบยาว และกลัวว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายที่สุดเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเรื่องด้วยฉากที่ทาคุมิใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสับฟืน จากนั้นจึงใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตักน้ำจากลำธาร แต่เมื่อภาพยนตร์ดำเนินเรื่องไปตามจังหวะและทาคุมิให้ฮานะ ลูกสาวของฉันขี่หลังผ่านป่า ชี้ให้เห็นต้นไม้และรอยเท้าสัตว์ป่า ฉันก็ถูกดึงดูดเข้าไปในจังหวะชีวิตประจำวันของทาคุมิ โน้ตที่ไม่สอดคล้องกันปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อเพลงประกอบที่ชวนหลอนถูกตัดออกอย่างกะทันหัน เพื่อสร้างความรู้สึกหวาดผวา มันอาจจะดูรุนแรงเกินไป แต่ในที่นี้ ถือเป็นการเลือกที่กล้าหาญซึ่งขัดแย้งกับความงามตามธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็น
เรื่องราวดำเนินไปตามธีมที่ซึมซับในชื่อเรื่องอย่างเด็ดเดี่ยว ทาคุมิไม่ใช่จระเข้ดันดี เขารู้จักธรรมชาติและมีอารมณ์ที่สม่ำเสมอ แต่ความขี้ลืมของเขาทำให้เขาลืมที่จะอุ้มลูกสาวบ่อยเกินไป และแม้กระทั่งที่บ้าน เขาก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการวาดภาพเมื่อลูกสาวต้องการความสนใจ ไม่เคยมีการพูดถึงภรรยาที่เสียชีวิตของเขา แต่การมีอยู่ของเธอแม้ไม่อยู่ก็ปรากฏอยู่ในทุกฉากของชีวิตครอบครัว ผู้บุกรุกเมืองใหญ่ปรากฏตัวในตอนแรกเหมือนตัวร้ายในละครใบ้ แต่อีกด้านหนึ่งของพวกเขาก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน ทาคาฮาชิดูเหมือนคนโง่ที่โอ้อวดในที่ประชุมหมู่บ้าน แต่การพยายามใช้ชีวิตที่มีความหมายของเขามีความจริงใจ และเราเชื่อเขาเมื่อเขาพูดระหว่างการเดินทางไกลเกี่ยวกับการต้องการอุทิศชีวิตเพื่อทำให้คู่ครองมีความสุข มายูซุมิ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาในตอนแรกดูเหมือนจะเป็นเสียงของความจริงจังและสามัญสำนึก แต่ระหว่างการเดินทางเดียวกันนั้น เราได้ยินว่าเธอออกจากงานดูแลเพื่อไปทำงานในทีวี โลกที่เธอตระหนักดีว่าเต็มไปด้วย “คนชั้นต่ำ” เธอเองก็มีด้านที่ตื้นเขิน ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่มีเงา เมื่อตัวละครทั้งสามตัวนี้มารวมกันในฉากสุดท้ายของภาพยนตร์ เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเหตุการณ์จะนำไปสู่จุดใด
จุดที่พวกเขานำไปสู่จุดนั้นก็คือจุดที่ผู้ชมจะรักหรือเกลียด บางทีอาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายของภาพยนตร์เรื่อง Drive My Car ของฮามากูจิที่ฉายก่อนหน้านี้ ทำให้ฉันคิดชั่ววูบไปชั่วขณะว่าฉากแอ็กชั่นจริงของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่จู่ๆ มันก็จบลง ในภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยฉากที่สะเทือนอารมณ์ ฉากนี้สร้างผลกระทบมากที่สุด บางคนอาจบอกว่าน่าตกใจ การแสดงของฮามากูจิจากนักแสดงของเขานั้นไร้ที่ติ ฉันตกตะลึงเมื่ออ่านว่าฮิโตชิ โอมิกะเคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับมาก่อน เสน่ห์ของเขานั้นเกินบรรยาย ริวจิ โคซากะถ่ายทอดความเป็นชายที่เปราะบางแต่กวนใจได้อย่างยอดเยี่ยม อายากะ ชิบุทานิโดดเด่นในฉากที่เรียบง่ายแต่สมบูรณ์แบบ
gmezzanatto
⭐ 8/10
ฉันคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ประการแรกคือความขัดแย้งแบบคลาสสิกระหว่างชุมชนชนบทและอำนาจทางธุรกิจที่นี่ซึ่งแสดงโดยโครงการกลามปิ้ง (ตั้งแคมป์หรูหรา) นี่คือฉากของเนื้อเรื่อง แต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด องค์ประกอบที่สองแสดงโดยจิตสำนึกและอารมณ์ของตัวละคร โดยการโต้ตอบภายในชุมชนและกับตัวแทนสองคนของบริษัทกลามปิ้ง องค์ประกอบที่สามคือตอนจบที่น่าแปลกใจและคลุมเครือ ซึ่งชื่อภาพยนตร์เรื่อง “ความชั่วร้ายไม่มีอยู่จริง” มีความหมาย ความร่วมมือระหว่างผู้กำกับและผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบอย่างอิชิบาชิ เอโกะนั้นน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นจากการขอให้สร้างภาพเพื่อประกอบดนตรี
writetofeefy
⭐ 8/10
ดูเหมือนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโปรเจ็กต์ดนตรีก่อนหน้านี้ สำหรับฉันแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะปะติดปะต่อกันและคิดมาไม่ดีนัก ฉากธรรมชาติก็ดูน่ารื่นรมย์ดี แต่ดูหนักหน่วงเกินไปและตัดต่อได้น่าอึดอัด กล้องถ่ายภาพใช้เวลาหลายปีในการดูท่อนไม้ที่ถูกเลื่อยและผ่าออก ไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ กล้องจับภาพตัวละครหลักที่กำลังอุ้มลูกสาวขี่หลังผ่านป่าที่พวกเขาระบุต้นไม้ ฉันอยากเห็นต้นไม้ที่พวกเขาพูดถึงแต่เราไม่เห็น จากนั้นก็มีการมาถึงของคนนอกซึ่งมีหน้าที่โน้มน้าวชาวบ้านให้ยอมรับสถานที่ตั้งแคมป์แห่งใหม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาในพื้นที่ คนนอกถูกหลอกล่อและหลงเชื่ออย่างงุ่มง่ามจนเปลี่ยนใจจากภารกิจของตน ฉันอาจทนกับข้อบกพร่องเหล่านี้และข้อบกพร่องอื่นๆ ที่ฉันรับรู้ และพยายามหาความหมายที่มีความหมายได้ หากไม่ใช่เพราะตอนจบที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้เสียเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการชมมัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นดูเงอะงะและโอ้อวด ราวกับว่าสารคดีธรรมชาติที่จริงจังต้องอาศัยการปรากฏตัวของตัวละครมัพเพตเพื่อคลี่คลายปมปัญหา
แนะนำภาพยนตร์ที่คล้ายกัน: สำหรับคอหนังดราม่าเชิงปรัชญาและสะท้อนสังคม!
หากคุณชื่นชอบความลึกซึ้งและการเล่าเรื่องที่ประณีตของ Evil Does Not Exist (2023) ที่นี่ไม่มีปีศาจ เราขอแนะนำภาพยนตร์แนวที่คล้ายกันเหล่านี้:
Drive My Car (2021) ขับรถของผมไป : ผลงานก่อนหน้าของ เรียวซุเกะ ฮามากุจิ ที่ได้รับรางวัลออสการ์ เน้นการสนทนาที่ลึกซึ้งและประเด็นเกี่ยวกับความสูญเสียและการเยียวยา
Burning (2018): ภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่เต็มไปด้วยปริศนาและความไม่แน่นอน เมื่อชายหนุ่มพบกับหญิงสาวลึกลับและการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางสังคม
Parasite (2019) : ภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ได้รับรางวัลออสการ์ เล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นและการดิ้นรนของคนจนในสังคมได้อย่างคมคาย
Seven Samurai (1954) : ภาพยนตร์คลาสสิกของ Akira Kurosawa ที่แม้จะเป็นแอ็กชัน แต่ก็สะท้อนวิถีชีวิตในชนบทและความขัดแย้งของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณรู้จัก Evil Does Not Exist (2023) ที่นี่ไม่มีปีศาจ มากขึ้นนะคะ! ถ้าได้ชมแล้ว อย่าลืมมาแบ่งปันความคิดเห็นกันที่ Movie24HD.net
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: Evil Does Not Exist (2023) ที่นี่ไม่มีปีศาจ เป็นหนังแนวไหน?
A: เป็นภาพยนตร์แนว ดราม่า (Drama) และ เชิงปรัชญา (Philosophical) ที่มีเนื้อหาสะท้อนสิ่งแวดล้อม (Environmental Commentary) ค่ะ
Q: หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับใคร?
A: เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังที่เน้นประเด็นลึกซึ้ง การสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และชวนให้คิดตามถึงความหมายของ “ปีศาจ” ในโลกยุคปัจจุบัน หากคุณสนใจหนังอาร์ตเฮาส์ที่ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และเทศกาลภาพยนตร์ เรื่องนี้ตอบโจทย์ค่ะ
Q: จะดู Evil Does Not Exist (2023) ที่นี่ไม่มีปีศาจ ได้ที่ไหนในประเทศไทย?
A: ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในบางประเทศและมีแนวโน้มที่จะมีให้รับชมในรูปแบบดิจิทัล/สตรีมมิ่งในภายหลังค่ะ เนื่องจากเป็นหนังอาร์ตอาจไม่ได้มีแพลตฟอร์มรองรับในวงกว้างนัก คุณสามารถติดตามอัปเดตช่องทางการรับชมเพิ่มเติมได้ที่ Movie24HD.net