นักแสดงนำและผู้กำกับ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
Flight of Fury คือหนังแอ็คชั่นเกรดบีที่เดินตามสูตรสำเร็จของสตีเวน ซีกัล ทุกประการ… แต่มันมี “ตำหนิ” ที่ใหญ่หลวงจนมองข้ามไม่ได้
- ตำนานแห่ง “Stock Footage”: นี่คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ “โด่งดัง” (ในทางลบ) ที่สุด! ฉากการต่อสู้กลางอากาศ (Dogfight) เกือบทั้งหมดในเรื่องนี้ ไม่ใช่ฟุตเทจที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการนำเอาฟุตเทจเก่าจากภาพยนตร์เรื่องอื่น (ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ Top Gun และหนังเรื่องอื่นๆ) มา “ยำรวมกัน” อย่างโจ่งแจ้ง! ซึ่งทำลายความน่าเชื่อถือและความตื่นเต้นของฉากไคลแม็กซ์ไปจนหมดสิ้น
- แอ็คชั่นตามสูตร: ถ้าไม่นับฉากเครื่องบิน ฉากแอ็คชั่นบนพื้นดินก็ยังคงเป็นสไตล์ซีกัลแบบเดิมๆ คือการใช้ไอคิโดทุ่มทับจับหักคู่ต่อสู้ด้วยท่าทางนิ่งๆ ซึ่งแฟนๆ อาจจะยังพอเพลิดเพลินได้
- พล็อตเรื่องที่คาดเดาได้: เนื้อเรื่องไม่มีอะไรแปลกใหม่ และเดินตามสูตรหนังสายลับ-กู้โลกทั่วไป
โดยรวมแล้ว นี่คือหนังที่เหมาะสำหรับ “แฟนพันธุ์แท้” ของสตีเวน ซีกัล ที่ไม่คาดหวังอะไรมากนัก และอาจจะสนุกไปกับการจับผิดฉาก Stock Footage ก็เป็นได้
- IMDb: ให้คะแนน 3.5/10
- Rotten Tomatoes: ไม่มีคะแนนจากนักวิจารณ์อย่างเป็นทางการ แต่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในหนังที่ “ยอดแย่” ที่สุดตลอดกาลในหลายๆ โพล
หมื่นทิพ
⭐ 4/10
เฮ่อ พีซีเก้าจ๋า พี่ Steven Seagal ที่น่ารักของผม อะไรจะดื้อแพ่งทำหนังที่ไม่ได้เข้ากับพี่อีกแล้วล่ะเนี่ย คราวนี้พี่แกรับบท จอห์น แซนด์ส เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับที่กำลังจะโดนลบความทรงจำและทุกอย่าง เขาหนีมาได้ครับ แต่แล้วไม่นานเขาก็ถูกตามตัวกลับมา ไม่ใช่เพื่อจับกุม แต่เพื่อให้ไปตามล่าหาเครื่องบินรบรุ่นล่าสุดที่หายไป งานนี้พี่แกต้องแข่งกับเวลาอีกต่างหาก ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องระดับโลกขึ้นมาได้ ก็อีกแล้วครับ พี่ซีเก้ากับหนังยิงกัน งานนี้ไม่แค่ยิง มีการให้พี่แกร่วมขับเครื่องบินรบด้วย แหมพี่ จะหาความแปลกใหม่ก็ไม่ว่ากัน แต่ทำไมพี่ดันลืมของเก่าที่แน่นอนอย่างการหักกระดูกอีกแล้วล่ะครับ แต่ถ้าว่ากันอย่างเป็นธรรม หนังเรื่องนี้ของพี่แกก็ดูดีกว่าหนังเกรดบีทั่วไปอยู่หน่อยหนึ่ง โดยเฉพาะดนตรีประกอบที่ใช้ได้ครับ กับเรื่องราวพล็อตรองที่พยายามให้พี่ซีเก้าแกมีความอ่อนโยน ผูกพันกับเพื่อนร่วมภารกิจบ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าประทับใจอะไรครับ แค่พอมีให้สัมผัสเท่านั้นเอง คงไม่ร่ายยาวล่ะนะครับ ไม่ใช่งานที่น่าพอใจอีกนั่นแหละ ยิงกันระเบิดกันอย่างที่เห็นได้ตามหนังเกรดบีแนวแอ็คชั่นทั่วไป
supertom
⭐ 5/10
หลังจาก Attack Force ที่ย่ำแย่ โอกาสที่ Seagal จะก้าวขึ้นมาอีกขั้นก็มีเพียง Flight Of Fury เท่านั้น การจะเอาชนะ Attack Force ให้ได้นั้นต้องอาศัยความพยายามอย่างมาก Flight Of Fury ถือว่าพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยรวม แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าธรรมดาอยู่ดี ความธรรมดาดูเหมือนจะเป็นความสำเร็จของ Seagal ในยุคนี้ นับเป็นภาพสะท้อนที่น่าเศร้าเกี่ยวกับความตกต่ำของอาชีพนักแสดงของเขา ในขณะที่ Attack Force เป็นเพียงโครงเรื่องที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึงขั้นตอนหลังการถ่ายทำ Flight Of Fury กลับทำให้โครงเรื่องเรียบง่ายขึ้น มีคนขโมยเครื่องบินรบสเตลท์ไฮเทคไปวางแผนใช้อาวุธเคมี (ซึ่งต่อมาเราค้นพบอย่างน่าประหลาดว่าจะทำลายโลกทั้งใบภายใน 48 ชั่วโมง) Seagal ต้องเอาเครื่องบินกลับคืนมา มันเรียบง่ายขนาดนั้น ไม่มีพล็อตย่อยที่น่ารำคาญ
และแผนการสมคบคิดที่ถ่วงน้ำหนักหนังไว้เหมือนผลงานอื่นๆ ของเขาที่ผ่านมามากมายนัก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการเล่าเรื่องจะดีทันที แต่มันค่อนข้างแย่ ยกตัวอย่างเช่น การแนะนำตัวละครประกอบทำได้แย่มาก ในแง่ภาพยนตร์ FOF ถือว่าแย่ ทุกคนที่เกี่ยวข้องแสดงได้แย่ และซีเกลก็ดูเบื่อจนน้ำตาไหล เขาดูเหมือนเด็กวัยเตาะแตะที่ถูกบังคับให้แสดงฉากคริสต์มาสของโรงเรียนโดยไม่เต็มใจ จึงแสดงด้วยสีหน้าบูดบึ้งตลอดเวลาและดูไม่เอาไหน เราจะโทษซีเกลได้อย่างไรในเมื่อเนื้อหาไม่ได้ทะเยอทะยานและห่วยแตกขนาดนี้? ไม่เชิงหรอก นี่เป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่เขาเซ็นสัญญากับ Castel Studio ซึ่งทำหนังหลายเรื่อง
ผู้สร้างไม่สนใจที่จะสร้างผลงานดีๆ สักเรื่อง โดยสัญญาไว้ว่าจะใช้งบประมาณราวๆ 12 ล้านดอลลาร์ และ (หลังจากที่ซีเกลตั้งงบไว้ 5 ล้านดอลลาร์) ก็น่าจะได้เงินก้อนโตมาเอง (ถ้าหนังเรื่องนี้ทำเพื่อเงิน 7 ล้านดอลลาร์ที่เหลือ ผมก็เป็นเอลวิส เพรสลีย์!) แล้วทำไมซีเกลถึงต้องทุ่มเทกับหนังที่วางแผนการจัดจำหน่ายไว้ก่อนจะสร้างล่ะ แฟนๆ อาจเถียงว่าอย่างน้อยเขาก็เป็นหนี้ความพยายามของพวกเขา เขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด และการใช้ตัวแสดงแทนและพากย์เสียงอย่างต่อเนื่องก็เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเรื่องนี้ ไมเคิล คูช กำกับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การถ่ายทำจะค่อนข้างดี แต่ในด้านเทคนิคทุกอย่าง (และตามปกติของคาสเทล ซึ่งเป็นทีมสตั๊นท์มาตรฐานทั่วไป) ไม่มีอะไรมากไปกว่าความธรรมดา และไม่มีอะไรที่ช่วยให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นกว่าเนื้อหา และพระเอกที่น่าเบื่อ อีกครั้งที่มีฉากแอ็กชั่นบางฉากที่เน้นไปที่ตัวละครอื่นที่ไม่ใช่ซีเกล ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่อยากเห็นเลย
โดยรวมแล้วฉากแอ็กชั่นก็ไม่ได้แย่เกินไป สวยงามและรุนแรง และบางครั้งเราก็ได้เห็นฉากแอ็กชั่นแบบเดิมๆ ของซีเกลบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทีมสตั๊นท์ที่แย่ และการขาดเวลาถ่ายทำอะไรที่ซับซ้อนหรือน่าตื่นเต้นเกินไป สำหรับผม Shadow Man เป็นหนังที่สนุกกว่า เพราะถึงแม้จะมองข้ามเนื้อเรื่องที่สับสนและสับสนวุ่นวายไปบ้าง แต่ก็ยังมีช่วงเวลาแบบซีเกลดั้งเดิมของซีเกลมากกว่า และยังมีตัวละครหลักๆ ของเขาอยู่ตรงกลางเรื่องมากกว่า เขาไม่เคยหายตัวไปนานเลยตลอดเรื่อง ซีเกลหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดในฉากแอ็คชั่นฉากหนึ่ง
แล้วก็โผล่มาอีกหลังจากนั้นโดยแทบไม่มีคำอธิบายใดๆ เลย มีการใช้ฟุตเทจสต็อกมากเกินไป การใช้ภาพสต็อกไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว แต่การใช้มันเป็นไม้ค้ำยันต่างหากที่แย่ เราได้เห็นภาพเรือรบที่ถ่ายแบบฉากต่างๆ ตลอดเวลา ซึ่งน่ารำคาญมาก ยิ่งไปกว่านั้น ความต่อเนื่องของฟุตเทจสต็อกก็ยังกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกแห่ง (แค่ลองเช็คฉากหลัง ตัดต่อ เปลี่ยนฉาก) หนังเรื่องนี้อยู่ตรงกลางๆ เลย มันบอกได้ทุกอย่างว่าฉากที่ดีที่สุดของหนังคือฉากหญิงกับหญิงที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือยสุดๆ กับสาวฮอตสองคน ซีเกลยังดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างในช่วงสั้นๆ ด้วย! โดยรวมแล้วนี่อาจเป็นหนึ่งในหนังแอ็คชั่นที่ใช้ฟุตเทจสต็อกที่ดีที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีเท่าไหร่ แฟนๆ หลายคนคงพอใจ แต่อย่าลืมว่าตัวซีเกลเองก็คงอยากจะลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกัน **
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
- Attack Force (2006) / Shadow Man (2006): ผลงานเรื่องอื่นๆ ของ ซีกัล-คุช ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน
- Top Gun (1986): หากอยากดูฉากเครื่องบินรบที่ “ของจริง” และ “ยอดเยี่ยม”
- Stealth (2005): หนังเครื่องบินรบล่องหนฟอร์มยักษ์อีกเรื่อง (ที่ก็โดนวิจารณ์หนักไม่แพ้กัน)
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังโรงหรือหนังแผ่น?
A: เป็นหนังที่สร้างเพื่อจำหน่ายในรูปแบบวิดีโอ/ดีวีดีโดยตรง (Direct-to-video) ครับ
Q: จริงเหรอที่ใช้ฟุตเทจจากหนังเรื่องอื่น?
A: จริงแท้และเห็นได้ชัดมาก! เป็นหนึ่งในตัวอย่างการใช้ Stock Footage ที่ “แย่” และ “โจ่งแจ้ง” ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ซึ่งกลายเป็นจุดที่ถูกล้อเลียนมากที่สุดของหนังเรื่องนี้
Q: แฟน สตีเวน ซีกัล ควรดูไหม? A
: ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงที่ดูได้ทุกอย่างและไม่คิดมาก… ก็อาจจะพอดูได้ แต่ถ้าคุณคาดหวังคุณภาพระดับ Under Siege คุณจะต้องผิดหวังอย่างรุนแรง
บทสรุป: Flight of Fury คือความพยายามที่น่าผิดหวังในการสร้างหนังแอ็คชั่นฟอร์มใหญ่ด้วยงบประมาณที่จำกัด การใช้ Stock Footage อย่างโจ่งแจ้งได้ทำลายความน่าเชื่อถือของหนังไปจนหมดสิ้น เป็นผลงานที่เหมาะสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของสตีเวน ซีกัล หรือคอหนังเกรด Z ที่ชื่นชอบการดูหนัง “ห่วยจนฮา” เท่านั้น