ดูหนัง Lonesome Jim (2005) รัก…คนขี้เหงา
ทุกท่าน! หากคุณกำลังเบื่อหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ และอยากจะ “ดูหนัง” ที่มีความสมจริง, เน้นเรื่องราวของตัวละคร, และมีบรรยากาศหม่นๆ แต่ก็ยังอบอุ่นหัวใจ วันนี้คุณมาถูกทางแล้ว Lonesome Jim คือภาพยนตร์ดราม่า-คอเมดี้ (Dramedy) ที่จะพาเราไปสำรวจชีวิตของชายหนุ่มผู้ล้มเหลว ที่ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับครอบครัวสุดเพี้ยนและค้นหาความหมายของชีวิตในเมืองเล็กๆ ที่เขาเคยหนีจากไป
เรื่องย่อ
จิม (เคซีย์ แอฟเฟล็ก) นักเขียนหนุ่มผู้มีความฝัน แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่ากับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก จนต้องซมซานกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดในเมืองเล็กๆ อันแสนน่าเบื่อของรัฐอินเดียนา… พร้อมกับตำแหน่ง “ผู้แพ้” ที่แปะอยู่กลางหน้าผาก
เขาต้องกลับมาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับครอบครัวสุดแปลก ทั้งแม่ผู้มองโลกในแง่ดีเกินจริง, พ่อผู้ซึมเศร้าจนแทบไม่พูดจา, และพี่ชายที่ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จในบ้าน
ชีวิตของจิมดูเหมือนจะจมดิ่งอยู่กับความหดหู่และสิ้นหวัง จนกระทั่งเขาได้พบกับ อนิกา (ลิฟ ไทเลอร์) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้มีจิตใจดีและทำงานเป็นพยาบาล เธอกลายเป็นแสงสว่างเล็กๆ ที่ส่องเข้ามาในโลกอันมืดมนของเขา แต่แล้วโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝันของครอบครัวก็ได้บังคับให้จิม ชายผู้ไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรเลย ต้องลุกขึ้นมาเป็น “เสาหลัก” และเผชิญหน้ากับความเป็นผู้ใหญ่ที่เขาพยายามจะหลีกหนีมาทั้งชีวิต
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
เคซีย์ แอฟเฟล็ก (Casey Affleck) รับบทเป็น จิม: การแสดงที่ยอดเยี่ยมในบทบาทชายหนุ่มผู้ซึมเศร้าและมองโลกในแง่ร้ายได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ
ลิฟ ไทเลอร์ (Liv Tyler) รับบทเป็น อนิกา: เธอมอบความอบอุ่นและแสงสว่างให้กับหนังที่หม่นหมองเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้กำกับ: สตีฟ บูเซมี (Steve Buscemi) เกร็ดน่ารู้: ใช่แล้วครับ! นี่คือผลงานการกำกับของนักแสดงเจ้าบทบาทในตำนานอย่าง สตีฟ บูเซมี นั่นเอง! ซึ่งเขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าฝีมือการกำกับหนังดราม่าที่เน้นตัวละครของเขานั้นยอดเยี่ยมไม่แพ้การแสดงเลยทีเดียว
โปสเตอร์หนัง
รีวิวและบทวิเคราะห์
Lonesome Jim คือภาพยนตร์ที่งดงามในความ “ธรรมดา” และ “สมจริง”
ภาพสะท้อนของความรู้สึก ‘หลงทาง’: หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการจับเอาความรู้สึกของคนหนุ่มสาวที่กำลังหลงทาง, สิ้นหวัง, และรู้สึกว่าตัวเองติดแหง็กอยู่ในชีวิต มาถ่ายทอดได้อย่างเข้าอกเข้าใจ
อารมณ์ขันแบบหน้าตาย (Deadpan Humor): นี่ไม่ใช่หนังตลกโปกฮา แต่เป็นหนังตลกร้ายที่อารมณ์ขันจะมาจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจและบทสนทนาที่แปลกประหลาด ซึ่งเป็นลายเซ็นของหนังอินดี้ชั้นดี
เรื่องราวแห่งความหวังที่เงียบงัน: แม้ว่าบรรยากาศโดยรวมของหนังจะดูหม่นหมองและเศร้า แต่สุดท้ายแล้วมันกลับเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วย “ความหวัง” เกี่ยวกับการเติบโต, การยอมรับในความรับผิดชอบ, และการค้นพบคุณค่าในตัวเอง
IMDb: ให้คะแนน 6.7/10
Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ที่ 62% ซึ่งเป็นคะแนนที่ดีสำหรับหนังอินดี้ดราม่า-คอเมดี้
sixtwentysix
⭐ 7/10
เคซีย์ แอฟเฟล็กแสดงบทผู้แพ้ที่ไม่น่าดู ซึ่งคุณน่าจะสนใจชมในหนังเรื่องนี้อยู่บ้าง และที่สำคัญ ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ทำได้ดีมากในการหลีกเลี่ยงหนังอินดี้แบบเดิมๆ จิมไม่ได้ไร้ความสามารถหรือโง่จนน่ารำคาญ ตรงกันข้าม เขาเป็นเพียงคนแพ้หัวสูงที่พยายามหาสิ่งเดียวกับที่คนส่วนใหญ่พยายามหา นั่นคือความรัก ความเคารพตัวเอง และความหมายของชีวิต เขาเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่ามาตรฐานของมนุษย์ เพราะเขาเชี่ยวชาญด้านวรรณกรรม ผมเติบโตในแถบมิดเวสต์ ผมสามารถพูดได้ว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตในแถบมิดเวสต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งโทนของฉาก ปฏิกิริยาของตัวละคร และแม้กระทั่งการที่มันถ่ายทำในช่วงเวลาสีน้ำตาลอมน้ำตาลระหว่างฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทำให้ผมนึกถึงมิดเวสต์เสมอไม่ว่าจะไปที่ไหน นักแสดงสมทบทุกคนแสดงได้ดีมาก และมันน่าสนใจมากที่ได้ดู
นี่เป็นหนังที่ดีจริงๆ สตีฟ บุสเซมี เชี่ยวชาญศิลปะแห่งความละเอียดอ่อน และหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้และอ่านรีวิวจากผู้ใช้หลายราย ผมพบว่าหลายคนคงจำหนังเรื่องนี้ไม่ได้ คล้ายกับ Ghost World ที่เขาแสดงนำ เขาให้คำใบ้และรายละเอียดที่ช่วยให้คุณค้นพบแรงจูงใจของตัวละครและเผยให้เห็นการทำงานภายในของพวกเขา พูดง่ายๆ คือ เขาเปิดโอกาสให้คุณได้ใช้จินตนาการ หนังเรื่องนี้เปรียบเสมือนจิม เศร้าและครุ่นคิด แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกดีๆ ที่พยายามหาทางออก หนังตลกและเศร้าโศกนี้คุ้มค่าแก่การรับชมสำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้
WeRunWithScissrs
⭐ 7/10
ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ที่เทศกาลภาพยนตร์ฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ฝั่งตะวันออก ผู้ชมต่างพากันหัวเราะกันตลอดทั้งเรื่อง ผมเองก็มีรากฐานมาจากแถบมิดเวสต์ ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ยึดติดกับภาพจำแบบเหมารวมเกี่ยวกับชีวิตในใจกลางประเทศชาติ แต่ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชีวิตในเมืองเล็กๆ นั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้า และทุกคนรู้จักคุณและธุรกิจของคุณเป็นอย่างดี แม้แต่มุกตลกเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นบาร์ 3 แห่งที่มีชื่อคล้ายกันก็ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคย และอดหัวเราะไปกับผู้ชมไม่ได้ จิม (เคซีย์ แอฟเฟล็ก) กลับบ้านมาด้วยอาการขาดน้ำและซึมเศร้า เขาต้องการความเห็นใจและความสนใจจากครอบครัว แต่กลับกัน น้องชายของเขากลับประสบอุบัติเหตุและกลายเป็นจุดสนใจของครอบครัวในช่วงเวลาสั้นๆ จิมได้พบกับอนิกา (ลิฟ ไทเลอร์) ระหว่างการมาเยือน และคำพูดที่อ่อนโยนของเธอเกี่ยวกับชีวิตในเมืองเล็กๆ ของเธอกลับมอบความสง่างามที่ครอบครัวของเขาไม่สามารถมอบให้ได้
หนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหนัง You Can Count on Me ของ Kenneth Lonergan ทั้งจังหวะและวิธีที่การกลับมาของพี่ชายที่ก่อปัญหาในครอบครัว มันยังทำให้ผมนึกถึงหนัง Garden State ที่ดูไม่ลื่นไหลและใช้งบประมาณน้อยกว่ามากอีกด้วย ถ้าคุณอยู่ในแวดวงหนังอิสระ ผมขอแนะนำหนังเรื่องนี้ หากคุณกำลังมองหาดาราดังและผลงานการสร้างที่ยิ่งใหญ่ ลองมองหาที่อื่นดู ส่วนตัวผมสนใจที่จะดูว่าคุณ Buscemi จะทำอะไรได้บ้างกับดาราดังและงบประมาณที่มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับทำงานภายใต้ข้อจำกัดมากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้
s33a2d17
⭐ 8/10
การหัวเราะเยาะความทุกข์ของคนอื่นเป็นสิ่งที่พวกเราหลายคนชอบทำ Lonesome Jim เปิดโอกาสให้เราได้ทำเช่นนั้นมากมาย สิ่งที่น่าชื่นชมคือ เหตุการณ์และความคิดเห็นที่ทำให้เราหัวเราะออกมาดังๆ ในที่นี้ไม่ได้เสแสร้งหรือเว่อร์วังอลังการ มีคนแบบนี้อยู่เหมือนกัน พูดจาแบบนั้น เหยียดหยามกันแบบนั้น และที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาผ่านมันไปได้ ง่ายๆ แบบนั้น จิมพยายามหลีกเลี่ยงความท้าทาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก หนังเรื่องนี้ตรงไปตรงมาอย่างเจ็บปวดเกี่ยวกับชีวิตของคนทั่วไป และนั่นคือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ตลก แต่ยังบีบคั้นหัวใจอีกด้วย แต่มันก็ *ก็* ตลกมากจริงๆ แม้กระทั่งเสียงหัวเราะของผู้ชมก็ดังมากจนฉันฟังไม่ออกว่าประโยคต่อไปจะเป็นยังไง ตัวละครรู้ว่าไม่ควรคาดหวังอะไรกับชีวิตมากเกินไป ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังแบบนั้น แต่พวกเขาก็ผ่านมันไปได้ เช่นเดียวกับเรา ด้วยความรักเล็กๆ น้อยๆ ความเป็นเพื่อนเล็กๆ น้อยๆ และความสุขเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังดราม่า-คอเมดี้อินดี้ ที่ว่าด้วยการกลับบ้านและการค้นหาตัวเอง เราขอแนะนำ:
Garden State (2004) : หนังอินดี้อีกเรื่องในยุคเดียวกันที่มีธีมเรื่องและบรรยากาศคล้ายกันมาก
Manchester by the Sea (2016) : หากอยากชมการแสดงของ เคซีย์ แอฟเฟล็ก ในบทบาทที่ดราม่าและสะเทือนใจยิ่งกว่า
Trees Lounge (1996) : ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ สตีฟ บูเซมี ที่มีโทนเรื่องใกล้เคียงกันมาก
Juno (2007) : หนังอินดี้อีกเรื่องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันแบบหน้าตายและตัวละครที่มีเสน่ห์
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกหรือหนังดราม่า?
A: เป็น “ดราม่า-คอเมดี้” (Dramedy) ครับ คือมีทั้งสองอย่างผสมกัน สถานการณ์ในเรื่องอาจจะดูน่าเศร้าและจริงจัง แต่หนังกลับนำเสนอด้วยอารมณ์ขันแบบตลกร้าย ทำให้เราอาจจะยิ้มออกมาในฉากที่น่าจะเศร้าที่สุดก็ได้
Q: จริงเหรอว่า สตีฟ บูเซมี เป็นผู้กำกับ?
A: ใช่ครับ! นักแสดงในตำนานคนนี้เป็นผู้กำกับหนังอินดี้ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงด้วยเช่นกัน และนี่คือหนึ่งในผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขาในฐานะผู้กำกับ (แต่เขาไม่ได้ร่วมแสดงในเรื่องนี้ครับ)
Q: หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องช้าไหม?
A: ใช่ครับ เป็นหนังแนว “Slice-of-life” ที่ดำเนินเรื่องไปอย่างช้าๆ และเน้นการสำรวจตัวละครและบรรยากาศมากกว่าพล็อตเรื่องที่รวดเร็ว ต้องอาศัยความอดทนในการดู แต่ก็จะได้รับรางวัลตอบแทนที่คุ้มค่า
บทสรุป: Lonesome Jim คือหนังอินดี้เล็กๆ ที่มีหัวใจดวงโต เป็นผลงานที่ทั้งตลก, เศร้า, และอบอุ่นหัวใจอย่างน่าประหลาด หากคุณกำลังมองหาหนังที่แตกต่างและจะทำให้คุณได้ขบคิดถึงชีวิต นี่คือหนังที่คุณไม่ควรพลาด