ดูหนัง My Neighbor Totoro (1988) โทโทโร่เพื่อนรัก
ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์ที่เปรียบเสมือน “ผ้าห่ม” ผืนอุ่นที่คอยปลอบประโลมจิตใจได้เสมอไม่ว่าจะหยิบกลับมาดูกี่ครั้ง ชื่อของ “My Neighbor Totoro” (となりのトトロ) ผลงานระดับมาสเตอร์พีซตลอดกาลจาก Studio Ghibli และปรมาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ จะต้องเป็นเรื่องแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึงอย่างแน่นอน!
เรื่องย่อ
เรื่องราวเกิดขึ้นในญี่ปุ่นช่วงยุค 1950s สองพี่น้อง ซัทสึกิ (พี่สาวผู้เข้มแข็ง) และ เม (น้องสาวตัวน้อยผู้ซุกซน) ได้ย้ายบ้านตามพ่อเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเก่าแถบชนบท เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลที่คุณแม่ของพวกเธอกำลังนอนรักษาตัวอยู่ ที่นั่นเอง พวกเธอได้ค้นพบกับโลกมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในผืนป่าข้างบ้าน เมได้บังเอิญไปพบกับ “ภูตป่า” ตัวอ้วนกลมขนปุกปุยที่น่ารักที่สุดในโลก เธอตั้งชื่อให้มันว่า “โทโทโร่” ตามเสียงที่มันคำรามออกมา! การมาถึงของโทโทโร่และผองเพื่อน (ทั้งโทโทโร่ตัวจิ๋วและ “รถบัสแมว”!) ได้นำพาการผจญภัยสุดมหัศจรรย์มาสู่ชีวิตของสองพี่น้อง พวกเขาได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ให้เติบโตในคืนเดียว, บินไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน, และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ แต่เมื่อเมต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและความคิดถึงแม่จนหนีออกจากบ้านไป โทโทโร่ก็คือความหวังเดียวที่จะช่วยตามหาน้องสาวของซัทสึกิให้เจอ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
อยากชมผลงานเรื่องอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย! “My Neighbor Totoro” คือภาพยนตร์ที่แตกต่างจากแอนิเมชันส่วนใหญ่ เพราะมัน “ไม่มีตัวร้าย” และ “ไม่มีความขัดแย้งที่รุนแรง” แต่มันคือภาพยนตร์ที่เฉลิมฉลองให้กับ “ความไร้เดียงสาในวัยเด็ก” และ “ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ” ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด หนังดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และได้สัมผัสกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน งานแอนิเมชัน ที่วาดด้วยมือนั้นงดงามและเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่ง การออกแบบตัวละครโทโทโร่นั้นไม่ต้องพูดถึง…มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Studio Ghibli และเป็นที่รักของคนทั่วโลกไปแล้ว นี่คือภาพยนตร์ที่ดูแล้วทำให้รู้สึก “ดี” เป็นหนังที่มอบความสบายใจ, ความอบอุ่น, และรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคนในครอบครัว คะแนนจากนักวิจารณ์: ⭐ 5/10 ลองนึกภาพชายหนุ่มวัย 27 ปี กำลังค้นดีวีดีในคอลเลกชันของตัวเอง พยายามหาอะไรดูในคืนที่น่าเบื่อที่บ้าน ทันใดนั้นเขาก็หยุดที่ My Neighbor Totoro แล้วยิ้มออกมา นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปในบ้านนี้ มิยาซากิสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริงด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้ มันมีทุกอย่างที่คนทุกวัยต้องการ มีจุดที่ตลกขบขัน มีบางจุดที่ทำให้เราประหม่าเล็กน้อย อนิเมชั่นก็ยอดเยี่ยม (เช่นเดียวกับภาพยนตร์ทุกเรื่องของมิยาซากิ) และนอกจากจะขาดเนื้อเรื่องไปบ้าง (มีหนังเรื่องไหนที่จะไม่ขาดบ้างล่ะ?) เรื่องราวก็ยังยอดเยี่ยมอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่น อย่างน้อยก็สำหรับผม ก็คือไม่มีบทตัวร้ายเลยแม้แต่น้อย ไม่มีตัวร้ายเลยแม้แต่น้อย และมีเพียงอัจฉริยะอย่างมิยาซากิเท่านั้นที่จะทำได้ นี่เป็นภาพยนตร์เด็กหรือเปล่า? ใช่ แน่นอนอยู่แล้ว เป็นภาพยนตร์สำหรับเด็กโดยเฉพาะหรือเปล่า? เอ่อ… อาจจะเพื่อเด็กในตัวเราทุกคนก็ได้ หนังเรื่องนี้มีอารมณ์ขันที่เด็กๆ หัวเราะเยาะได้ แถมยังมีอารมณ์ขันเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่จะเข้าใจและซาบซึ้งได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ถือเป็น “อารมณ์ขันแบบผู้ใหญ่” ขอแนะนำหนังเรื่องนี้ และได้แนะนำหนังเรื่องนี้ให้กับทุกคนที่อยากฟังแล้ว ขอบคุณอีกครั้งครับอาจารย์มิยาซากิ ⭐ 5/10 ศาสตราจารย์ทัตสึโอะ คุซาคาเบะ พาลูกสาวทั้งสอง ซัตสึกิและเมย์ ไปอยู่บ้านเก่าในชนบทใกล้โรงพยาบาล ซึ่งยาสึโกะ ภรรยาของเขากำลังพักฟื้นอยู่ เด็กหญิงทั้งสองพบภูตน้อยเขม่าวิ่งหนีจากแสง เมย์พบวิญญาณแห่งป่าโทโทโร่กำลังนอนหลับอยู่บนต้นไม้ยักษ์ เด็กหญิงทั้งสองกำลังรอพ่อของพวกเธออยู่ที่ป้ายรถเมล์ เขามาสาย เมย์กำลังหลับอยู่เมื่อโทโทโร่ปรากฏตัวขึ้น ซัตสึกิยื่นร่มให้เขาและเขาก็ดีใจมาก เขามอบลูกโอ๊กเป็นของขวัญให้เด็กหญิงทั้งสองขณะที่เขาขึ้นรถบัสแมว เป็นเรื่องราวที่อ่อนโยน มีตัวละครที่น่ารักและวิญญาณที่น่าเอ็นดูจากฮายาโอะ มิยาซากิ แอนิเมเตอร์ระดับตำนาน ละครไม่ได้เข้มข้นมากนัก แต่ก็เป็นเรื่องราวการเติบโตที่ยอดเยี่ยม การที่โทโทโร่ค้นพบความสนุกของหยดฝนบนร่มนั้นเป็นความสุขอย่างแท้จริง มีความอ่อนโยนที่น่ารักซึ่งแผ่ขยายไปถึงแอนิเมชันช่วงท้ายเรื่องด้วย ⭐ 9/10 My Neighbor Totoro ของมิยาซากิเป็นภาพยนตร์ที่น่าจะเรียกรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะพาคุณไปพบกับการเดินทางที่แสนมหัศจรรย์และมหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา My Neighbor Totoro เป็นเรื่องราวที่เด็กๆ สามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน ตอนที่ฉันดูเรื่องนี้กับใครสักคน พวกเขาหยุดดูทันทีและถามว่าเรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนอายุ 4 ขวบอีกครั้งหรือไม่ หนังเรื่องนี้เข้าถึงผู้คนได้อย่างแท้จริง แต่มันไม่ใช่หนังคุณภาพที่ให้ความรู้สึกคิดถึงอดีต หนังมีแอนิเมชันที่สวยงาม หลีกเลี่ยงภาพจำแบบเดิมๆ (ทั้งจากภาพยนตร์แนวอนิเมะทั่วไปและแฟนตาซีสำหรับเด็ก) และถ่ายทำได้สวยงาม (เช่น ฉากที่เด็กผู้หญิงรอรถบัสกับโทโทโร่ และฉากที่ถั่วและเมล็ดวิเศษเติบโตด้วยความช่วยเหลือของโทโทโร่) แม้แต่เสียงพากย์ภาษาอังกฤษของ Fox ก็ไม่ได้แย่อย่างที่ทุกคนพูด ผมเคยดูเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นมาแล้ว และต้องบอกว่ามันค่อนข้างจะปนเปกันไปหมด ระหว่างเสียงของเมย์ที่ฟังดูงี่เง่าเกินไปสำหรับเวอร์ชันภาษาอังกฤษ กับเสียงของพ่อที่ฟังดูแปลกๆ และอาจจะไม่ใส่ใจเท่าในเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น มีรายงานว่าดิสนีย์จะออกฉบับพากย์เสียงใหม่ในช่วงกลางถึงปลายปี 2005 ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาความขัดแย้งลงได้ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าอนิเมะคลาสสิกเรื่องอื่นๆ (ส่วนใหญ่เป็นหนังที่ฉายคู่กับ Grave of the Fireflies หรือผลงานชิ้นเอกอื่นๆ ของมิยาซากิอย่าง Princess Mononoke และ Spirited Away) แต่หนังเรื่องนี้จะติดอันดับต้นๆ ของลิสต์คนรักหนัง และถือเป็นหนังคุณภาพเยี่ยมของแนวนี้อย่างแน่นอน ให้ 9/10 เต็มๆ หนังเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดูโดยไม่ทำให้คุณต้องยิ้ม ⭐ 9/10 ครั้งแรกที่ฉันดูหนังเรื่องนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นโดยมีเด็กอายุ 12 ขวบแปลภาษาให้ฟัง และฉันก็ยังคงคิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก มีหลายสิ่งที่วิเศษมาก เช่น กระป๋องในลำธารขณะที่เด็กๆ หลงใหลปลา หรือฉากบิน (ฉันเชื่อว่าอัง ลีนึกถึงมิยาซากิตอนที่เขาสร้าง The Hulk ในแง่ของฉากกระโดด) ที่แสดงให้เห็นถึงความอยากรู้อยากเห็นตลอดทั้งเรื่อง ฉันยังชอบความรู้สึกมหัศจรรย์และความไร้เดียงสา (และการไม่มีความรุนแรง) ที่แทรกซึมอยู่ในหนังเรื่องนี้ มันเป็นยาแก้พิษจากสูตรสำเร็จของดิสนีย์ที่มักจะเกี่ยวกับตัวร้ายที่ถูกทำร้ายในตอนจบ นี่คือหนังเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของการเป็นเด็กและได้สัมผัสกับสิ่งเหลือเชื่อที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็นแต่ก็ยังรับรู้ได้ หนังเรื่องนี้เหมาะกับทุกวัยเช่นกัน สนุกดี ⭐ 9/10 เช่นเดียวกับภาพยนตร์ทุกเรื่องของมิยาซากิ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง บางส่วนชวนให้นึกถึง Laputa: Castle in the Sky และ Spirited Away (และ Alice in Wonderland ด้วย) แต่ Totoro โดดเด่นกว่าใครในบรรดาภาพยนตร์ทั้งหมด เนื้อเรื่องเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ซึ่งลงตัวอย่างยิ่งเพราะพล็อตเรื่องถูกวางรากฐานไว้โดยไม่กระทบต่อประสบการณ์ของภาพยนตร์ ผู้ชมสามารถเข้าถึงและสำรวจสารที่ภาพยนตร์นำเสนอได้อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ Totoro ไม่ได้ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ ของการเล่าเรื่องแบบเดิมๆ แต่กลับนำเสนอเหตุการณ์ที่กระทบถึงระดับพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งลึกซึ้งและลึกซึ้งจนทำให้คุณรู้สึกถึงอารมณ์ที่หลากหลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลายมิติ แต่ละมิติล้วนมีความหมายและพิเศษ ตั้งแต่การสร้างชุมชน ความรักในครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ไปจนถึงการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก ทุกคนสามารถเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม แง่มุมที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการที่มันเตือนเราว่าชีวิตนั้นมหัศจรรย์ เราทุกคนไม่ได้มีเพื่อนบ้านแบบโทโทโร่กันทุกคน แต่เราทุกคนต่างก็โชคดีในแบบของตัวเอง แต่ละคนมีสิ่งที่น่าทะนุถนอม สิ่งที่นำมาซึ่งความสุขและความสบายใจ โทโทโร่มีความพิเศษตรงที่มันปลดปล่อยให้ผู้ชมได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และได้ครุ่นคิดถึงโลกผ่านมุมมองที่เราอาจลืมเลือนไปแล้ว ทุกสิ่งล้วนแปลกใหม่ น่าสนใจ และสวยงาม ตั้งแต่ระเบียงที่พังทลายไปจนถึงเมล็ดโอ๊ก เราอาศัยอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์ และแน่นอนว่ามันคุ้มค่าที่จะสละเวลาเพื่อชื่นชมสิ่งนี้ หากคุณชื่นชอบแอนิเมชันที่อบอุ่นหัวใจของ Studio Ghibli เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้: Q: โทโทโร่ คือตัวอะไรกันแน่? Q: จริงหรือไม่ที่หนังเรื่องนี้มีทฤษฎีสมคบคิดที่น่ากลัวซ่อนอยู่? Q: ทำไมหนังถึงฉายควบคู่กับ “Grave of the Fireflies” ในตอนแรก?ทำความรู้จักทีมงาน
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: แอนิเมชันที่บริสุทธิ์และงดงามที่สุด
ภาพยนตร์แอนิเมชันที่คล้ายกัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
A: โทโทโร่ไม่ใช่สัตว์ที่มีอยู่จริงครับ แต่เป็น “ภูตป่า” (Forest Spirit) ที่ถูกสร้างขึ้นจากจินตนาการของ ฮายาโอะ มิยาซากิ โดยเขาได้ผสมผสานลักษณะของสัตว์หลายชนิดเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ทานุกิ, แมว, และนกฮูก ครับ
A: มีทฤษฎีที่แฟนๆ สร้างขึ้นมาจริงๆ ครับ ที่เชื่อมโยงเรื่องราวเข้ากับคดีฆาตกรรม “ซายามะ” และตีความว่าโทโทโร่คือ “ยมทูต” แต่ทาง Studio Ghibli ได้ออกมา “ปฏิเสธ” ทฤษฎีนี้อย่างเป็นทางการแล้ว และยืนยันว่านี่คือเรื่องราวที่สวยงามและบริสุทธิ์เกี่ยวกับวัยเด็กและธรรมชาติเท่านั้นครับ
A: เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดของวงการภาพยนตร์ครับ! ในตอนแรก โปรดิวเซอร์หาทุนสร้างให้กับ Totoro ไม่ได้เพราะมองว่าไม่มีจุดขัดแย้งที่น่าสนใจ จึงได้เสนอให้สร้าง Grave of the Fireflies ควบคู่กันไปเพื่อดึงดูดนักลงทุนและกลุ่มผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องก็ได้เข้าฉายพร้อมกันในญี่ปุ่นในปี 1988
