ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
- ผู้กำกับ/เขียนบท: มาร์ค สตีเวน จอห์นสัน (Mark Steven Johnson)
- นักแสดงนำ:
- เอียน ไมเคิล สมิธ (Ian Michael Smith) รับบท ไซมอน เบิร์ช
- โจเซฟ มอสเซลโล (Joseph Mazzello) รับบท โจ เวนท์เวิร์ธ
- แอชลีย์ จัดด์ (Ashley Judd) รับบท รีเบคกา เวนท์เวิร์ธ
- โอลิเวอร์ แพลตต์ (Oliver Platt) รับบท เบน กู้ดริช
- เดวิด สเตรตเทิร์น (David Strathairn) รับบท สาธุคุณ รัสเซลล์
- จิม แคร์รี่ย์ (Jim Carrey) รับบทผู้บรรยาย (โจ วัยผู้ใหญ่)
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: หนังฟีลกู้ดสุดคลาสสิกที่ยังคงประทับใจ
“Simon Birch” คือภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างคอมเมดี้ที่น่ารัก, ดราม่าที่ซาบซึ้ง, และประเด็นเรื่องศรัทธาได้อย่างลงตัวและสวยงาม หนังโดดเด่นอย่างมากในการสร้างตัวละคร “ไซมอน” ที่ทั้งน่ารัก, ฉลาด, และมีคำพูดคำจาที่คมคายเกินวัย ทำให้เขาเป็นหนึ่งในตัวละครเด็กที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
เคมีระหว่าง ไซมอน และ โจ คือหัวใจสำคัญของเรื่อง มันคือมิตรภาพที่บริสุทธิ์ของเด็กสองคนที่ต่างคอยเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างน่าประทับใจ การแสดงของ เอียน ไมเคิล สมิธ และ โจเซฟ มอสเซลโล นั้นยอดเยี่ยมและเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
นี่คือภาพยนตร์ที่อาจจะทำให้คุณเสียน้ำตา แต่ก็เป็นน้ำตาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มและความรู้สึกอิ่มเอมใจ เป็นหนังที่สอนให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพ, ความกล้าหาญ, และการเชื่อมั่นว่าทุกคนเกิดมาอย่างมีเป้าหมาย ไม่ว่าเราจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
คะแนนจากนักวิจารณ์:
- IMDb: 6.8/10
- Rotten Tomatoes: 45% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ แต่คะแนนฝั่งผู้ชมสูงถึง 82%)
vasser
⭐ 8/10
หนังเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของชายหนุ่มผู้มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแทบจะทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกท้อแท้ แต่เขาก็ยังสามารถค้นพบแผนการของพระเจ้าสำหรับเขาได้ พร้อมกับแสดงให้คนที่ยังสงสัยในตัวเขาเห็นว่าเขามีสิ่งที่ดีมาโดยตลอด แม้จะมีพล็อตเรื่องรองที่บิดเบือนไปบ้าง แต่นั่นคือแก่นหลัก เอียน สมิธ ผู้รับบทนำ แม้จะตัวเล็กมาก แต่เขาก็มีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง ผมแปลกใจที่เขายังไม่ได้แสดงหนังเรื่องอื่นๆ เลย หนังเรื่องนี้น่าติดตาม บางครั้งก็ตลก บางครั้งก็เศร้า ซึ่งผมรู้สึกว่ามันสร้างมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรภูมิใจกับมัน เป็นหนึ่งในหนังเล็กๆ ที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมาในช่วงนี้ และพูดตรงๆ ว่ามันดีกว่าหนังฟอร์มยักษ์บางเรื่องที่ออกฉายในช่วงนี้เสียอีก ผมประหลาดใจมากที่บังเอิญเจอเรื่องนี้ทาง WGN
และตั้งใจว่าจะหาดูซ้ำแบบไม่สะดุดบน DVD โดยเร็วที่สุด ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาก่อนนะ? บทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม การกำกับที่เชี่ยวชาญ บวกกับดนตรีประกอบที่ลงตัว กำกับศิลป์ และเสื้อผ้าที่ลงตัว ผสมผสานกันอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกราวกับยุค 60 ต้นๆ การตัดต่อที่เป็นธรรมชาติ การคัดเลือกนักแสดงที่ดี เสียงที่คมชัดแม้ในฉากใหญ่ๆ ที่น่าตื่นเต้น แสดงให้เห็นว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาอย่างดีทุกด้าน นี่คือภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ เกี่ยวกับผู้ชายที่เติบโตทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่เหมาะสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ใช่เพราะมีบางอย่างที่พวกเขาไม่ควรเห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เพราะพวกเขาไม่เข้าใจมัน
เมื่อคืนผมดูเรื่องนี้แล้วก็ยังขำตัวเองอยู่บ้างกับฉากละครคริสต์มาส ขอบคุณทุกคนที่สร้างภาพยนตร์ที่ดีจริงๆ เรื่องนี้! มีทั้งมุกตลกและฉากอื่นๆ ทำให้ผมหยุดคิดและตั้งคำถามว่าแผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตผมคืออะไร มันทำให้ผมมีศรัทธาขึ้นมาบ้างว่าพระองค์ทรงมีแผนสำหรับพวกเราที่ยินดีให้โอกาสพระองค์ เพื่อนำพาเราไปสู่โอกาสที่จะเป็นเครื่องมือของพระองค์ ถ้าคุณไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ คุณยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้!
khatcher
⭐ 8/10
เด็กหนุ่มที่เติบโตอย่างชะงักงันแต่ยังคงความองอาจและจิตใจดีอย่างกล้าหาญ สามารถผ่านชีวิตในโรงเรียนและรับมือกับความขัดแย้งต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ และสร้างมิตรภาพที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ ขณะที่เขากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่สิบสองอันแสนสาหัส เรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างงดงาม ภาพที่สวยงาม และดนตรีประกอบที่ไพเราะ ประกอบกับบรรยากาศที่ลงตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะทำให้หลายคนลดระดับลงเหลือเพียง “หนังบีบหัวใจ” ธรรมดาๆ ที่พร้อมจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาแจกอย่างไม่ขาดสาย แต่เนื้อเรื่องกลับละเอียดอ่อนและดำเนินเรื่องอย่างรอบคอบกว่า จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้พยายามดึงเอาความทุกข์ระทมใดๆ จากคนที่จิตใจอ่อนโยนออกมาเลยแม้แต่น้อย การแสดงของเอียน ไมเคิล สมิธ และการเน้นเรื่องราวก็เหนือกว่านั้น อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราว “ฟีลกู๊ด” แม้ว่าตอนจบอาจทำให้คุณคิดต่างออกไปก็ตาม อีกครั้งหนึ่ง ช่างดีเหลือเกินที่ได้ดูหนังดีๆ สักเรื่องที่ไม่มีฉากรุนแรงหรือฉากเซ็กส์เป็นตัวเอกหลัก ฉันคงไม่คิดจะลองหาหนังสือมาอ่านหรอก…..
Missy
⭐ 8/10
ถ้าคุณไม่เคยอ่าน “A Prayer for Owen Meany” หนังเรื่องนี้จะสะเทือนอารมณ์จนน้ำตาไหลพรากๆ เลยทีเดียว ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อน คุณอาจจะร้องว่า “อะไรนะ?” หนังเรื่องนี้ต่างจากหนังสืออย่างสิ้นเชิง ซึ่งในความคิดของผมมันดีกว่าเยอะ ไม่ได้หมายความว่าหนังมันแย่ คำแนะนำของผมคือ ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ลืมสิ่งที่อ่านไปสักสองชั่วโมง ไม่งั้นคุณจะผิดหวังมาก ถ้าคุณเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วแต่ยังไม่ได้อ่าน ก็ลองอ่านดู หลังจากอ่านจบแล้ว คุณอาจจะร้องว่า “โห หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดีขนาดนั้นเลย” พออ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว หนังดูเหมือนจะไม่เพียงแต่ขาดอะไรไปบ้าง แต่กลับไม่มีปริศนาอะไรซ่อนอยู่เลย ยกตัวอย่างเช่น โจพยายามหาว่าพ่อของเขาเป็นใคร ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว คุณก็คงรู้แล้ว แทนที่จะทำท่าบาสเกตบอลแบบที่ทั้งสองทำกันซ้ำๆ ในหนังสือ ทั้งคู่กลับทำท่ากลั้นหายใจในหนังแทน ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านหนังสือ หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังที่ดีสำหรับคุณ ถ้าคุณเคยอ่านมาแล้ว ก็อย่าไปโทษหนังเรื่องนี้ที่พยายามทำให้มันดูยากเย็นแสนเข็ญจนดูหวานเลี่ยน
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบภาพยนตร์แนว Coming-of-age ที่สร้างแรงบันดาลใจ เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
- Forrest Gump (1994) อัจฉริยะปัญญานิ่ม: เรื่องราวชีวิตสุดมหัศจรรย์ของชายผู้มีไอคิวต่ำแต่กลับมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่
- Stand by Me (1986): การผจญภัยในวัยเด็กของสี่สหายที่ออกเดินทางตามหาศพเด็กที่หายไป เป็นหนังที่ว่าด้วยมิตรภาพได้อย่างลึกซึ้ง
- My Girl (1991) My Girl…ครั้งนี้ของฉันต้องไม่ธรรมดา: เรื่องราวความรักและมิตรภาพครั้งแรกของเด็กสองคนที่ทั้งน่ารักและน่าเศร้า
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือหรือไม่?
A: ใช่ครับ! “Simon Birch” ได้รับแรงบันดาลใจอย่างหลวมๆ มาจากนวนิยายขายดีเรื่อง “A Prayer for Owen Meany” ในปี 1989 ของนักเขียนชื่อดัง จอห์น เออร์วิง (John Irving) แต่หนังได้มีการดัดแปลงเนื้อหาและตอนจบไปจากในหนังสือค่อนข้างมากครับ
Q: ทำไมนักวิจารณ์ถึงให้คะแนนน้อยกว่าผู้ชม?
A: นักวิจารณ์ส่วนใหญ่มองว่าหนังมีความซาบซึ้งที่ “หวานเลี่ยน” และจงใจบีบคั้นอารมณ์มากเกินไป แต่ผู้ชมทั่วไปกลับชื่นชอบในความอบอุ่นหัวใจ, ข้อคิดที่ลึกซึ้ง, และตัวละครที่น่ารัก ซึ่งทำให้หนังเป็นที่รักของผู้ชมมาจนถึงปัจจุบัน
Q: นักแสดงที่รับบทไซมอน เบิร์ช ป่วยเป็นโรคอะไร?
A: เอียน ไมเคิล สมิธ ผู้รับบทไซมอน ป่วยเป็น “กลุ่มอาการมอร์คิโอ” (Morquio syndrome) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่หายากและส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ทำให้เขามีร่างกายแคระแกร็นเหมือนกับตัวละครในเรื่อง