ทีมนักแสดงระดับดรีมทีม
นี่คือหนังที่รวมดาราแห่งยุคไว้คับคั่งอย่างแท้จริง!
- หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) รับบทเป็น เยี่ยกูเฉิง
- เจิ้งอี้เจี้ยน (Ekin Cheng) รับบทเป็น ไซมึ้งซวยเสาะ
- จางเจียฮุย (Nick Cheung) รับบทเป็น มังกร 9 ตัวละครสายลับสุดฮาที่แบกความตลกของทั้งเรื่องไว้
- เจ้าเวย (Zhao Wei) รับบทเป็น องค์หญิงหงส์ (ในยุคที่เธอโด่งดังสุดขีดจากเรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ”)
- หยางกงหยู (Kristy Yang) รับบทเป็น คนรักของเยี่ยกูเฉิง
ผู้กำกับ: จากผู้สร้าง Infernal Affairs!
คุณอาจจะแปลกใจที่ได้รู้ว่าผู้กำกับหนังสุดฮาเรื่องนี้คือ หลิวเหว่ยเฉียง (Andrew Lau) สุดยอดผู้กำกับเจ้าของผลงานระดับตำนานอย่าง Infernal Affairs (สองคนสองคม) และหนังแก๊งสเตอร์สุดเดือด Young and Dangerous (กู๋หว่าไจ๋)! ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันหลากหลายของเขาในการทำหนังได้ทุกแนว
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและมุมมองความสนุก
The Duel คือส่วนผสมที่ลงตัวอย่างน่าประหลาดระหว่าง “หนังกำลังภายในสุดอลังการ” และ “หนังตลกสุดบ้าบอ” ในฉากแอ็คชั่น เราจะได้เห็นคิวบู๊ที่สวยงามตระการตา การออกแบบเครื่องแต่งกายและฉากที่ยิ่งใหญ่ สมศักดิ์ศรีหนังฟอร์มยักษ์ แต่เมื่อหนังตัดเข้าสู่พาร์ทของ จางเจียฮุย และ เจ้าเวย มันก็จะกลายเป็นหนังตลกสไตล์ “โจวซิงฉือ” ที่เต็มไปด้วยมุกตลกหน้าตายและสถานการณ์สุดเพี้ยน
- IMDb: ให้คะแนน 6.3/10
- Rotten Tomatoes: แม้จะไม่มีคะแนนจากนักวิจารณ์ แต่หนังเรื่องนี้ก็เป็นที่รักและจดจำของแฟนหนังจีนทั่วเอเชีย
สำหรับ Movie24HD นี่คือหนังที่มอบความบันเทิงได้ครบรส การได้เห็น หลิวเต๋อหัว และ เจิ้งอี้เจี้ยน ประชันความเท่ในบทจอมยุทธ์ คือความฝันของแฟนหนังจีน ในขณะที่ จางเจียฮุย ก็ทำหน้าที่สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัวและเหมาะสำหรับคนที่อยากดูอะไรที่สนุกและผ่อนคลาย
หมื่นทิพ
⭐ 7/10
ยุทธภพกำลังจะสั่นสะเทือนครับ เมื่อยอดฝีมือระดับเทพกระบี่อย่าง เจ้านครเมฆขาว เอี๊ยบโกวเซี๊ยะ (หลิวเต๋อหัว) ได้ท้าประลองกับจอมกระบี่เป่าโลหิต ไซมึ้งชวยเสาะ (เจิ้งอี้เจี้ยน) โดยนัดกันว่าจะต่อสู้วัดฝีมือกันบนหลังคาวังหลวง ขณะเดียวกันองครักษ์เสื้อทองรหัส 009 (จางเจียฮุย) ก็สืบพบว่ามีคนถูกสังหารอย่างเป็นปริศนา ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังพยายามปกปิดร่องรอยของแผนการบางอย่าง หรือว่าภายใต้การประลองสะท้านแผ่นดินครั้งนี้ กำลังมีแผนร้ายดำเนินซ่อนอยู่เบื้องหลัง หนังเรื่องนี้ก็ดัดแปลงจากนิยาย เล็กเซียวหงส์ ตอนที่ 3 ที่ โก้วเล้ง ประพันธ์ไว้นะครับ ชื่อตอนก็คือ สองนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งตัวนิยายก็อ่านสนุกน่าติดตามกำลังดีครับ โดยโครงเรื่องแล้วหนังก็ยกนิยายมาทั้งดุ้น มีการเปลี่ยนแปลงสักหน่อยก็คือการแปลงชื่อ เฮียเล็กเซียวหงส์ ให้กลายเป็นสายลับ 009 ก็เดาว่าคงเพราะอยากให้ความเด่นไปอยู่กับ 2 จอมกระบี่มากกว่าจะเป็นนักสืบสี่คิ้วน่ะนะครับ
ตัวหนังจริงๆ ก็ดูเพลินดีครับ ทีมพากย์พันธมิตรของเราก็ใส่มุขกระหน่ำฮาลงไปเช่นเคย เรียกว่าด้านความขำนี่ตัวหนังก็มีอะไรให้ฮาประมาณหนึ่งอยู่แล้ว ยิ่งเจอทีมนี้พากย์ลงไปอีกก็ฮากระจายกันไป แต่จุดที่ผมชื่นชมอย่างหนึ่งคือพันธมิตรพากย์เรื่องนี้ในระดับพอดีครับ ตัวละครไหนฮาก็ใส่มุขลงไปเพียบ แต่กับตัวละครที่จริงจัง เคร่งขรึมอย่างเอี๊ยบโกวเซี๊ยะและไซมิึงชวยเสาะนี่ระดับเสียงระดับความเข้มถือว่าพอเหมาะ ไม่มีการหลุดเล่นมุขให้คนดูขำแต่อย่างใด (แต่ถ้าดูจาก TrueID ก็จะเป็นอีกทีมพากย์หนึ่งครับ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่ฮาเท่าสมัยพันธมิตรพากย์ครับ แต่อย่างน้อยก็ได้ดูเป็นฉบับเต็ม 106 นาที ในขณะที่ฉบับพันธมิตรพากย์จะเป็นฉบับ 95 นาทีครับ)
บทหนังถือว่าโอเคครับ การตามคดี การเฉลยปมนับว่ายังรักษาจุดเด่นของฉบับนิยายเอาไว้ได้ ซึ่งก็ต้องย้อนไปชมโก้วเล้งนั่นล่ะครับ วางเรื่องได้ดี และจะว่าไปนิยายเล่มนี้ก็ถือเป็นตอนที่เหมาะจะเอามาทำเป็นหนังที่สุดแล้วครับ มันรู้สึกครบเครื่องสูตรสำเร็จหนังกำลังภายในแนวสืบสวนผสมอารมณ์ขันตั้งแต่สมัยผมอ่านรอบแรกแล้วน่ะครับ ดาราในเรื่องที่ผมโปรดที่สุดคือ เจิ้งอี้เจี้ยน ครับ พี่แกเหมาะมากกับบทไซมึ้ง ดูนิ่งๆ องอาจ ดูเหมือนจะไร้อารมณ์แต่จริงๆ ก็ไม่ไร้ซึ่งความรู้สึก ดูเป็นเทพกระบี่เดินดิน ยอมรับเลยครับว่าระยะหลังตอนอ่านนิยายเฮียเล็กอีกรอบเนี่ย พอถึงบทไซมึ้งทีไรหน้าพี่เจิ้งแกโผล่ขึ้นมาทันที
ส่วน จางเจียฮุย นี่ก็ดูเหมาะกับบทเฮียเล็กในฉบับนี้นะครับ แกดูฮาดูบ้าไปเรื่อยๆ แต่ยังไงบทนี้คนที่เล่นได้พอดีก็ขอยกให้ หลิวสงเหยิน น่ะครับ ตลกบ้าฮาแต่ก็ดูฉลาดหัวไวกำลังดี แต่ในใจลึกๆ ก็อยากให้จางเจียฮุย แกมีหนังเล็กเซี่ยวหงส์ตามออกมาอีก เพราะจริงๆ หนังสไตล์นี้มีไม่ค่อยบ่อย (ทั้งที่มันน่าจะขายได้) หลิวเต๋อหัว ก็ดูองอาจ เท่ห์ สุขุม มีอำนาจ แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นเอี๊ยบโกวเซี๊ยะเต็มร้อย แต่เขาก็แสดงได้ดีล่ะครับ นอกจากนี้ยังมี จ้าวเหว่ย มารับบทเป็นองค์หญิงน้อย, หยางกงหยู ในบทคนรักของไซมึ้ง และ ถันเย่าหวิน ในบทฮ่องเต้ ก็เป็นหนังฟันดาบอาบความขำที่ดูเพลินดีครับ สนุก ฮา ตัวละครก็ถือว่าพอเหมาะ การตามสืบคดีแม้จะไม่ถึงระดับน่าติดตามสุดยอดแต่มันก็กระตุ้นความสงสัยให้คนดูได้ไม่เลว หนังกำกับโดย แอนดรูว์ เลา หรือหลิวเหว่ยเฉียงแห่งหนังชุด กู๋หว่าไจ๋, ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า และ ขี่พายุดาบเทวดา ซึ่งช่วงนั้นพี่ท่านก็กำลังถนัดทำหนังแนวกำลังภายใน Effect น่ะครับ เลยจัดเรื่องนี้ไปอีกเรื่องหนึ่ง ก็ดูได้สนุกๆ พอเพลินครับ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชอบหนังกำลังภายในที่ผสมความฮาแบบนี้ ต้องไม่พลาด:
- Kung Fu Hustle (2004) คนเล็กหมัดเทวดา: สุดยอดหนังแอ็คชั่น-คอเมดี้ของ โจวซิงฉือ ที่เป็นเหมือนมาตรฐานทองคำของหนังแนวนี้
- Shaolin Soccer (2001) นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่: อีกหนึ่งผลงานสุดสร้างสรรค์ของ โจวซิงฉือ ที่นำกังฟูมาผสมกับกีฬาได้อย่างลงตัว
- Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000): หากอยากดูหนังกำลังภายในแบบจริงจังอลังการที่ออกฉายในปีเดียวกัน นี่คือเรื่องที่คุณต้องดูเพื่อเปรียบเทียบสไตล์
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: ตกลงหนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นหรือหนังตลก?
A: เป็นทั้งสองอย่างเลยครับ! หนังจะสลับโทนระหว่างฉากต่อสู้ที่จริงจังและสวยงาม กับฉากสืบสวนที่เต็มไปด้วยมุกตลกแบบหลุดโลก ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากนิยายจริงหรือเปล่า?
A: ใช่ครับ เนื้อเรื่องหลักของการประลองยุทธ์มาจากนิยายกำลังภายในชื่อดังของ “โกวเล้ง” แต่ทีมผู้สร้างได้เพิ่มบทบาทของสายลับมังกร 9 และองค์หญิงเข้าไปเพื่อสร้างเส้นเรื่องตลกขึ้นมาโดยเฉพาะ
Q: CG ในเรื่องดูเก่าไปไหมสำหรับปัจจุบัน?
A: เทคนิคพิเศษเป็นของยุค 2000 ซึ่งอาจจะดูไม่เนียนตาเท่าหนังสมัยนี้ แต่เสน่ห์ของมันอยู่ที่คิวบู๊และการออกแบบท่าต่อสู้ที่ยังคงดูสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ครับ
บทสรุป: The Duel (2000) คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันและความคิดสร้างสรรค์ตามแบบฉบับหนังฮ่องกงยุครุ่งเรือง เป็นการรวมตัวของสุดยอดนักแสดง การต่อสู้ที่น่าจดจำ และเสียงหัวเราะที่คาดไม่ถึง หากคุณกำลังมองหาหนังจีนดีๆ สักเรื่องเพื่อย้อนวันวาน “พายุดาบดวลสะท้านฟ้า” คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน