ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
ผู้กำกับ: สตีเฟน ฮอปกินส์ (Stephen Hopkins)ผู้เขียนบท: วิลเลียม โกลด์แมน (William Goldman) (ผู้เขียนบท Butch Cassidy and the Sundance Kid )นักแสดงนำ:
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง
รีวิวภาพรวม: หนังผจญภัย-ระทึกขวัญสุดคลาสสิก
“The Ghost and the Darkness” คือภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นและน่าสะพรึงกลัว หนังสามารถถ่ายทอดความยิ่งใหญ่และสวยงามของทวีปแอฟริกา ควบคู่ไปกับความน่ากลัวของนักล่าที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าได้อย่างยอดเยี่ยม
ฉากการจู่โจมของสิงโตในเรื่องทำออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้นและลุ้นระทึก ซึ่งความน่ากลัวส่วนหนึ่งมาจากความจริงที่ว่านี่คือเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริงๆ การแสดงของ วัล คิลเมอร์ ในบทวิศวกรผู้ต้องจับปืน และ ไมเคิล ดักลาส ในบทพรานใหญ่สุดเก๋า นั้นเข้าขากันได้อย่างลงตัวและน่าเชื่อถือ
แม้ว่าหนังอาจจะมีการเสริมแต่งรายละเอียดบางอย่างเข้าไปเพื่อเพิ่มอรรถรสทางด้านภาพยนตร์ แต่ก็ยังคงเป็นหนังผจญภัย-เอาชีวิตรอดที่ยอดเยี่ยม มีความคลาสสิก และสามารถดูซ้ำได้โดยไม่เบื่อ
รางวัลการันตีคุณภาพ:
ชนะเลิศ 1 รางวัลออสการ์: ในสาขาตัดต่อเสียงประกอบยอดเยี่ยม (Best Sound Editing)
คะแนนจากนักวิจารณ์:
IMDb: 6.8/10Rotten Tomatoes: 51% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
หมื่นทิพ
ในปี 1898 ขณะนั้นอังกฤษกำลังแผ่ขยายอาณานิคมไปยังแอฟริกาโดยมีเยอรมันและฝรั่งเศสเป็นคู่แข่งสำคัญ ผู้พันจอห์น แพ็ตเตอร์สัน (Val Kilmer) เลยถูกส่งไปเพื่อคุมงานสร้างทางรถไฟที่ดินแดนซาโว แต่เมื่อเขาไปถึงก็ต้องพบกับอุปสรรคอันน่าสะพรึง เมื่อมีสิงโตคู่หนึ่งออกอาละวาด ฉายาของมันคือ มาร (The Ghost) และ ทมิฬ (The Darkness) มันเข่นฆ่าคนงานไปมากมายจนคนงานพากันหนีและไม่ยอมทำงานต่อ ผู้พันแพตเตอร์สันเลยต้องหาทางรับมือกับพวกมันครับ โดยเขาร่วมมือกับชาร์ลส์ เรมิงตัน (Michael Douglas) จอมพรานผู้ช่ำชอง แต่สิงโตโหดคู่นี้ย่อมไม่ยอมโดนปลิดชีพโดยง่ายแน่นอน
เรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทสัตว์โลกน่ารักได้เลยครับ เพราะว่าด้วยคนปะทะกับสัตว์ และหนังก็สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงโดย William Goldman ได้สร้างบทหนังเรื่องนี้โดยอิงจากหนังสือ The Man-eaters of Tsavo ที่เขียนโดยผู้พันแพตเตอร์สันเอง แต่ก็แน่นอนว่าหลายๆ อย่างก็ถูกเสริมเติมแต่งเข้าไปเพื่ออรรถรส อย่างจอมพรานเรมิงตันนั่นก็ไม่ได้มีตัวตนจริงๆ ครับ เป็นการเพิ่มเข้ามาเพื่อความเข้มข้นของเรื่องราว แต่เนื้อหาโดยหลักๆ อย่างการที่ผู้พันแพตเตอร์สันต้องสู้กับ 2 สิงโตโหดนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
ตัวหนังจัดว่าน่าติดตามในระดับหนึ่งครับ ข้อดีอย่างหนึ่งคือหนังเล่าเรื่องแบบเนื้อๆ ไม่ค่อยมีช่วงอืดสักเท่าไร ตอนต้นๆ อาจมีช่วงช้าบ้างตอนที่ผู้พันแพตเตอร์สันไปถึงซาโวใหม่ๆ แต่พอถึงช่วงที่ผู้พันต้องเจอกับความโหดของ 2 สิงโตแห่งซาโวแล้ว ความสนุกก็เริ่มไหลมา เพราะสิงโตคู่นี้ร้ายกาจจริงครับ อีกทั้งพฤติกรรมก็ยังดูน่ากลัวเหนือกว่าสิงโตทั่วไป ไม่ว่าจะการล่าที่มาเป็นคู่ หรือการฆ่าคนเป็นผักปลา (ไม่ได้ฆ่าเพื่อเป็นอาหารเพียงอย่างเดียว) ซึ่งยิ่งสิงโตคู่นี้ร้ายเท่าไร ความน่าติดตามก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะเราก็อยากรู้ว่าเรื่องมันจะไปลงเอยอย่างไร สิงโตคู่นี้จะโดนปราบได้ไหม
Kilmer และ Douglas รับบทได้อย่างพอเหมาะครับ Kilmer ก็ดูเป็นคนเก่งคนกล้า ท่าทางดูภูมิฐานมีการศึกษา คิดว่าอะไรๆ จะเป็นไปตามกำหนดการที่เขาวางไว้ แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าจะต้องมาเผชิญกับสิงโตที่ร้ายกาจถึงขนาดนี้ ส่วน Douglas ก็ดูเป็นนายพรานที่มีความคิดนอกกรอบไม่ค่อยเหมือนใคร ทำให้คาแรคเตอร์ของเรมิงตันดูน่าสนใจและเพิ่มสีสันให้กับเรื่องราวได้พอสมควร และิอีกคนที่เพิ่มรสชาติให้กับหนังก็คือ John Kani ในบทแซมมวล ชนพื้นเมืองที่คอยประกบช่วยเหลือผู้พันแพตเตอร์สันมาตั้งแต่เริ่ม
Boba_Fett
⭐ 6/10
เอาล่ะ ตามความเห็นของฮอลลีวูดแล้ว จริงๆ แล้ว “The Ghost and the Darkness” จริงๆ แล้วใช้เรื่องราวที่เกินจริงไปมาก เกี่ยวกับสิงโตกินคนสองตัวแห่งซาโว ค่อนข้างแปลกเพราะตอนแรกมันเน้นย้ำว่าทุกอย่างที่คุณจะเห็นในหนังเรื่องนี้ แม้จะดูเหลือเชื่อแค่ไหน ล้วนเกิดขึ้นจริง เอาเถอะ ก็แค่กลยุทธ์การตลาดที่ดีและชาญฉลาด ปล่อยให้มันเป็นไปเถอะ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเล่นกลแบบนี้ได้ในยุคอินเทอร์เน็ต แค่คลิกไม่กี่ครั้งก็ค้นหาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ได้แล้ว แน่นอนว่าความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างความจริงกับนิยายคือตัวละครเรมิงตัน (ไมเคิล ดักลาส) ที่ไม่เคยมีตัวตนในชีวิตจริง และรูปร่างหน้าตาของสิงโตที่ในชีวิตจริงไม่มีขน แต่ช่างเถอะ การเปลี่ยนแปลงในหนังพวกนี้มันแย่หรือไม่น่าเชื่อกันแน่? ไม่หรอก มันทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้นและทำให้ทุกอย่างดูน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
ฉันชอบดู “The Ghost and the Darkness” มาตลอดเลย เป็นหนังผจญภัยที่ยอดเยี่ยม มีฉากแอ็คชั่นและตัวละครที่ดีมากมาย ฉากทั้งหมดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สวยงาม เรื่องราวเต็มไปด้วยการผจญภัยและฉากแอ็คชั่นอย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งน่าทึ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงเมื่อกว่าร้อยปีก่อน หนังและเนื้อเรื่องถูกทำให้เรียบง่ายและให้ภาพและตัวละครบอกเล่าเรื่องราว สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือการที่หนังนำเสนอ ‘ผี’ และ ‘ความมืด’ (ฉายาของสิงโตกินคนสองตัว) ได้อย่างครบถ้วนราวกับเป็นตัวละครในภาพยนตร์ แสดงให้เห็นว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดหลักแหลม ไม่ใช่แค่ ‘สัตว์ประหลาด’ ถึงแม้ว่าพวกมันจะฆ่าเพื่อความบันเทิง (อย่างน้อยก็ในหนัง)
หนังเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมและบรรยากาศอย่างมาก ดินแดนแอฟริกาอันงดงามเป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับหนังเรื่องนี้ และยังสร้างความอึดอัดใจได้เป็นอย่างดี เพราะส่วนใหญ่หนังถ่ายทำในสถานที่นี้เพียงแห่งเดียว (ไซต์ก่อสร้างทางรถไฟและสะพาน) ดนตรีประกอบอันยอดเยี่ยมของเจอร์รี โกลด์สมิธ เข้ากับบรรยากาศและช่วยเสริมบรรยากาศของภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับงานถ่ายภาพของวิลโมส ซิกมอนด์ ไมเคิล ดักลาส แสดงบทบาทได้ดีและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในภาพยนตร์เรื่องนี้
ว่าเขามีความสามารถรอบด้านในฐานะนักแสดง แม้ว่าบทบาทของเขาจะน้อยกว่าที่เขาได้รับเครดิตในภาพยนตร์อย่างแน่นอน ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาอ้างว่าเป็นนักแสดงที่มีรายได้สูงสุดของภาพยนตร์เช่นกัน อันที่จริง บทบาทหลักของภาพยนตร์คือ วัล คิลเมอร์ ซึ่งรับบทเป็นตัวละครของเขาในแบบที่เราคุ้นเคย คือ อ่อนน้อมถ่อมตน และไม่พยายามสร้างความประทับใจในบทบาทของเขามากเกินไป ซึ่งทำให้นักแสดงคนอื่นๆ ได้แสดงอย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าทำให้เรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีที่สุด น่าประหลาดใจที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแสดงร่วม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นนักแสดงชื่อดังอย่างเบอร์นาร์ด ฮิลล์ และทอม วิลกินสัน ที่ได้รับบทบาทที่ดีหลายบทบาท นอกจากนี้ โอม ปุรี ก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวผจญภัย-เอาชีวิตรอดจากสัตว์ร้าย เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
Jaws (1975) จอว์ส The Edge (1997) ดิบล่าดิบ The Grey (2011) ฝ่าฝูงเขี้ยวสยองโลก :
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง 100% หรือไม่?
Q: สิงโตที่ใช้ในเรื่องเป็นของจริงหรือ CG?
Q: ทำไมหนังถึงได้รับคำวิจารณ์ที่ผสมปนเปกันไป?
