นักแสดงนำและผู้กำกับ
ดรูว์ แบร์รีมอร์ (Drew Barrymore) รับบทเป็น ลินซีย์ มีคส์
จิมมี่ ฟอลลอน (Jimmy Fallon) รับบทเป็น เบน ไรท์แมน เคมีของทั้งสองคนน่ารักและเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ทำให้เราทั้งขำและเอาใจช่วยไปกับความสัมพันธ์สุดป่วนของพวกเขา
ผู้กำกับ: พี่น้องฟาร์เรลลี (Peter and Bobby Farrelly) เกร็ดน่ารู้สุดเซอร์ไพรส์: ใช่แล้วครับ! นี่คือผลงานของผู้กำกับคู่หูจากหนังสุดทะลึ่งอย่าง Dumb and Dumber และ There’s Something About Mary ! ซึ่ง Fever Pitch ถือเป็นหนังที่ “หวาน” และ “อบอุ่นหัวใจ” ที่สุดในเครดิตของพวกเขาก็ว่าได้
โปสเตอร์หนัง
รีวิวและบทวิเคราะห์: หนังรักที่ถูกเขียนบทโดยปาฏิหาริย์
Fever Pitch คือหนังรอมคอมที่น่ารักและมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ “พิเศษ” และกลายเป็น “ตำนาน” คือสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง!
ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริง: ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีม “บอสตัน เรดซอกซ์” ในชีวิตจริง ซึ่งในขณะนั้นถูก “คำสาป” ไม่ให้ชนะเวิลด์ซีรีส์มานานถึง 86 ปีเต็ม ได้สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการพลิกกลับมาชนะและคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ!
การเปลี่ยนบทกลางคัน: ทีมผู้สร้างจึงได้ “เขียนบทตอนจบใหม่ทั้งหมด” และได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายทำในสนามจริง! ฉากไคลแม็กซ์ที่คุณจะได้เห็นในหนัง คือภาพของ ดรูว์ แบร์รีมอร์ และ จิมมี่ ฟอลลอน ที่วิ่งลงไปในสนามท่ามกลางการเฉลิมฉลอง “ของจริง” ของแฟนๆ นับหมื่นคน! มันคือตอนจบที่มหัศจรรย์และสมจริงเกินกว่าที่นักเขียนบทคนไหนจะจินตนาการได้
หนังเรื่องนี้จึงเป็นมากกว่าแค่หนังรัก แต่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์, เป็นจดหมายรักถึงเมืองบอสตัน, และเป็นข้อพิสูจน์ว่าบางครั้ง… ชีวิตจริงก็ยิ่งกว่าในหนัง
IMDb: ให้คะแนน 6.2/10
Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ถึง 66% ซึ่งเป็นคะแนนที่ดี โดยนักวิจารณ์ชื่นชมในความน่ารักและความพิเศษของตอนจบที่เกิดขึ้นจริง
หมื่นทิพ
⭐ 6/10
หนังเรื่องนี้มี 2 ชื่อครับ ชื่อแรกคือ Fever Pitch เป็นชื่อที่ใช้ตอนฉายที่อเมริกา และอีกชื่อก็คือที่ใช้ในตลาดต่างประเทศหลายๆ แห่งครับ ใช้ชื่อว่า The Perfect Catch หนังอีกเรื่องที่ดังแบบเงียบๆ (เงียบจนบ้านเราไม่รู้เรื่องเลย เพราะมันออกแผ่นไม่ได้เข้าโรง) ส่วนที่มะกันดังแบบกลางๆ ได้ไป $42 ล้าน ซึ่งแทบจะเป็นรายได้มาตรฐานของหนังที่ Drew Barrymore แสดงนำในแนวตลกรักกุ๊กกิ๊กเลยล่ะนะครับ หนังจับเอาเรื่องความรักของหนุ่มสาวที่ต่างกันในหลายๆ ด้าน พระเอกคือ เบน ไรท์แมน (Jimmy Fallon) พ่อหนุ่มจอมกะล่อนที่บ้าบอลเหนือกว่าสิ่งใดในโลก วิถีชีวิตก็ตามสบายไร้กฏเกณฑ์ อนาคตไม่คิด คิดแต่เรื่องบอลๆๆๆๆ เท่านั้น
ส่วนนางเอกมีนามว่า ลินด์เซย์ มี๊ค (Barrymore) สาวนักทำงานที่ชีวิตมีแบบแผน มีอนาคต เมื่อทั้งสองมาเจอกันในตอนแรก อะไรๆ มันก็สนุกดีล่ะครับ เพราะต่างฝ่ายต่างก็เหมือนคนที่เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายในชีวิต เบนก็ได้หญิงคนรักมาเพิ่มหลักยึดเหนี่ยวให้ชีวิตที่ไร้แก่นสาร ส่วนลินด์เซย์ก็เหมือนได้พักร้อน สนุกสนานไปวันๆ หลังจากหนักหนาสาหัสมากับการทำงาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ส่วนที่ไม่เข้ากันก็เริ่มสำแดงผลออกมา ตั้งแต่การที่เบนไปเจอพ่อแม่ลินด์เซย์แล้วจบไม่สวย ตามด้วยรูปแบบชีวิตที่เริ่มตั้งแง่คัดง้างกันมากกว่าจะทำความเข้าใจ จนในที่สุดความสัมพันธ์ก็ถึงจุดวิกฤติ แล้วสองคนนี้จะรักษาความรักให้รอดไปได้หรือไม่ อันนี้ก็ดูกันในหนังนะครับ
เนื้อหาทำให้นึกไปถึง The Break-Up เลยครับ แต่เรื่องนี้ฉายก่อนนะ The Perfect Catch สร้างจากนิยายขายดีของนาย Nick Hornby นักเขียนที่ชอบหยิบยกเรื่องในชีวิตมาเสียดสีจิกกัดแบบสนุกสนานแฝงแง่คิด คอนิยายที่เป็นคอหนังด้วยน่าจะคุ้นนะครับ อย่าง High Fidelity กับ About A Boy ก็มาจากปลายปากกาของนายคนนี้ทั้งนั้น หนังก็สนุกกัดชีวิตได้อย่างออกรสอีกต่างหาก ส่วนเรื่องนี้พี่ท่านก็จงใจเขียนมาว่าด้วยเรื่องบอลที่หนุ่มๆ ชอบบ้ากัน มันส่งผลต่อชีวิตยังไง และผู้หญิงคิดยังไงกับพฤติกรรมเหล่านี้ของบุรุษเพศ (ประเภทห่วงบอลมากกว่าห่วงเมียน่ะครับ) แต่พอมาเป็นฉบับหนัง
บทดัดแปลงโดย Lowell Ganz กับ Babaloo Mandel สองซี้มือเขียนบทที่กอดคอกันสร้างผลงานตลกฮิตๆ อย่าง Splash, Parenthood, City Slickers ทั้งสองภาค, A League of Their Own ซึ่งผลงานของทั้งคู่ก็โอเคมาตลอด กับเรื่องนี้ก็ยังสนุกดูเพลิน แต่ประเด็นต่างๆ เหมือนจะจับมาแค่หลักๆ เท่านั้น นั่นคือ ความต่างของวิถีชีวิตพระเอกนางเอก จนนำมาสู่ปัญหา นอกนั้นพวกประเด็นเรื่องการบ้าบอล มุมมองที่ผู้หญิงมีต่อบอลไม่ค่อยจะได้รับการพูดถึงเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าจะบอกว่าในบรรดาหนังที่ดัดแปลงจากนิยายของ Hornby เรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนที่สุดก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ อ่อน ณ. ที่นี้ไม่ได้แปลว่าแย่นะครับ แค่ไม่แน่นสมกับที่แปลงมาจากหนังสือของ Hornby เท่านั้นเอง ทว่าอย่างน้อยประเด็นที่หนังยกมา ก็เล่าได้เนื้อได้หนังพอสมควร
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณหลงรักหนังรอมคอมฟีลกู้ดที่มีเสน่ห์ เราขอแนะนำ:
Fever Pitch (1997): เวอร์ชั่นต้นฉบับของอังกฤษ ที่พระเอกคลั่งไคล้ทีมฟุตบอล “อาร์เซนอล” นำแสดงโดย โคลิน เฟิร์ธ
50 First Dates (2004) 50 เดท จีบเธอไม่ซ้ำหน้า : อีกหนึ่งหนังรอมคอมสุดคลาสสิกของ ดรูว์ แบร์รีมอร์
Jerry Maguire (1996) : การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเรื่องราวกีฬาและความรักที่เข้มข้น
Silver Linings Playbook (2012) : หนังรักอีกเรื่องที่ความคลั่งไคล้ในทีมกีฬา (ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์) เป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: จริงเหรอที่ตอนจบของหนังมาจากเหตุการณ์จริง?
A: จริง 100% และนี่คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษ! ทีมบอสตัน เรดซอกซ์ ชนะเวิลด์ซีรีส์จริงๆ ในปี 2004 ขณะที่หนังกำลังถ่ายทำ และทีมงานก็ได้เข้าไปถ่ายทำฉากการเฉลิมฉลองจริงๆ มาใช้เป็นตอนจบของหนังเลยครับ
Q: ไม่รู้เรื่องเบสบอลเลย จะดูสนุกไหม?
A: สนุกแน่นอนครับ! หนังไม่ได้เน้นเรื่องกีฬาเบสบอล แต่เน้นเรื่อง “ความหลงใหล” (Passion) และความสัมพันธ์ของคนสองคน คุณไม่จำเป็นต้องรู้กฎกติกาใดๆ ก็สามารถเข้าใจและสนุกไปกับมันได้
Q: หนังเรื่องนี้เป็นของผู้กำกับ Dumb and Dumber จริงๆ เหรอ?
A: ใช่ครับ! น่าประหลาดใจมาก แต่นี่คือหนังที่ “หวาน” และ “น่ารัก” ที่สุดของพี่น้องฟาร์เรลลี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถอีกด้านหนึ่งของพวกเขา
บทสรุป: Fever Pitch คือหนังรอมคอมที่น่ารักและมีเสน่ห์อย่างยิ่งยวด ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็น “หนังสุดพิเศษ” ด้วยปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เป็นหนังที่ดูแล้วจะทำให้คุณยิ้ม, อบอุ่นหัวใจ, และกลับมาเชื่อในพรหมลิขิตอีกครั้ง