ดูหนัง The Rainmaker (1997) หักเขี้ยวเสือ
ถ้าจะพูดถึง “เจ้าพ่อแห่งนิยายกฎหมาย” ชื่อของ จอห์น กริแชม จะต้องเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึง และ “The Rainmaker” คือหนึ่งในผลงานของเขาที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าประทับใจที่สุด! ผลงานการกำกับของปรมาจารย์ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ที่ได้ดาวรุ่งพุ่งแรงในยุคนั้นอย่าง แมตต์ เดมอน มารับบทนำ
เรื่องย่อ
เรื่องราวเล่าถึง รูดี้ เบย์เลอร์ (รับบทโดย แมตต์ เดมอน) บัณฑิตหนุ่มจบใหม่จากคณะนิติศาสตร์ผู้เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายเมื่อเขาไม่สามารถหางานในสำนักงานกฎหมายดีๆ ได้เลย จนกระทั่งเขาได้ไปทำงานให้กับ “บรูเซอร์” สโตน ทนายความจอมฉาวโฉ่ และได้ร่วมทีมกับ เด็ค ชิฟเฟล็ต (รับบทโดย แดนนี่ เดอวีโต้) ผู้ช่วยทนายที่สอบใบอนุญาตไม่ผ่านถึง 6 ครั้ง!
ที่นั่นเอง รูดี้ได้รับมอบหมายให้ทำคดีที่ไม่มีใครอยากแตะต้อง นั่นคือคดีของครอบครัวแบล็คที่ฟ้องร้องบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ “เกรท เบเนฟิต” โทษฐานปฏิเสธการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกชายของพวกเขาที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมียจนเสียชีวิต
นี่คือคดีแรกในชีวิตของรูดี้ และเขาก็ต้องขึ้นศาลเพื่อต่อกรกับทีมทนายความระดับพระกาฬที่นำโดย ลีโอ เอฟ. ดรัมมอนด์ (รับบทโดย จอน วอยต์) ทนายผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและไม่เคยแพ้ใคร การต่อสู้ระหว่าง “มดล้มช้าง” ในชั้นศาลจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีชีวิตและความยุติธรรมของคนธรรมดาเป็นเดิมพัน ขณะเดียวกัน รูดี้ก็ได้เข้าไปพัวพันกับ เคลลี่ ไรเกอร์ (รับบทโดย แคลร์ เดนส์) หญิงสาวที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคดีที่เขาต้องให้ความช่วยเหลือ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
ผู้กำกับ: ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา (Francis Ford Coppola)
นักแสดงนำ:
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง
รีวิวภาพรวม: หนังดราม่า-กฎหมายที่สมจริงและกินใจ
“The Rainmaker” คือภาพยนตร์ที่โดดเด่นอย่างมากในด้าน “ความสมจริง” และ “ความกินใจ” หนังไม่ได้นำเสนอภาพของทนายความที่สวยหรู แต่พาเราไปเห็นถึงการทำงานที่ต้องคลุกฝุ่น, ความสิ้นหวัง, และความยากลำบากในการต่อสู้กับระบบที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน
ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างละเมียดละไมและเน้นไปที่การพัฒนาของตัวละคร แมตต์ เดมอน แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในบทบาททนายหนุ่มผู้ใสซื่อที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่ง แต่ที่ขโมยซีนและสร้างสีสันให้กับเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมคือ แดนนี่ เดอวีโต้ ในบทผู้ช่วยทนายสุดเก๋า และ จอน วอยต์ ในบททนายฝ่ายตรงข้ามที่น่าหมั่นไส้แต่ก็น่าเคารพในฝีมือ
นี่คือภาพยนตร์ที่อาจจะไม่ได้มีฉากไคลแมกซ์ที่หวือหวา แต่จะค่อยๆ สร้างความประทับใจและมอบความหวังให้กับผู้ชมได้อย่างงดงาม เป็นหนึ่งในหนังดราม่า-กฎหมายที่ดีที่สุดและถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
คะแนนจากนักวิจารณ์:
IMDb: 7.2/10
Rotten Tomatoes: 83% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
TMAuthor23
⭐ 6/10
หนังเรื่องนี้เทียบไม่ได้กับหนังของแมตต์ เดมอน และไม่ได้เทียบชั้นหนังสืออันยอดเยี่ยมของจอห์น กริชแฮมได้ หนังเรื่องนี้นำเสนอตัวละครบางตัวที่ “ได้รับแรงบันดาลใจ” จากหนังสืออย่างเผ็ดร้อนเกินไปของ USA Network ปัญหาอยู่ที่ตัวเอกหนุ่มสองคน ไมโล คัลลาแฮน และเมดิสัน ไอส์แมน พวกเขาเล่นได้ แต่บทหนังที่อ่อนแอกลับไม่ช่วยอะไร นักแสดงสมทบส่วนใหญ่ทำได้ดี โดยเฉพาะ พี.เจ. เบิร์น ในบทเด็ค ชิฟเล็ต และจอห์น สแลตเทอรี ในบทลีโอ เอฟ. ดรัมมอนด์ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แสดงเกินจริงและเล่นฉากมากเกินไปเพื่อพยายามทำให้บทสนทนาดูเข้าที่เข้าทาง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ ลานา ปาร์ริลโล ในบท “บรูเซอร์” ไม่ใช่นักแสดงประเภทที่จะสามารถแสดงเป็นทนายความข้างถนนที่แข็งกร้าวได้ พล็อตเรื่องซึ่งเป็นอีกจุดอ่อน ทำให้ต้องลุ้นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น การไล่ล่ารถพยาบาล คดีเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจกลายเป็นคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่สร้างความปั่นป่วน สถานการณ์ในบ้านที่ย่ำแย่ของพระเอก และฆาตกรต่อเนื่อง ซีรีส์ใหม่ๆ มักจะใช้เวลา 3-4 ตอนถึงจะลงตัว มาดูกันว่าจะเป็นยังไงต่อไป
BaronR-65
⭐ 6/10
ซีรีส์เรื่องนี้มีแวว ผมยอมรับ ต่างจากคดีความที่เราเห็นคดีความซ้อนอยู่ในหลายตอน และปริศนาของตัวละครพยาบาลของแดน โฟกเลอร์ จอห์น สแลตเทอรี ถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ฉากอาหารกลางวันที่เขาทำเฟรนช์ฟรายส์หล่นเพื่อ “นิยามความสัมพันธ์” กับพนักงานใหม่ปีหนึ่งที่ขอความช่วยเหลือนั้น เขียนบทและถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบ ตรงกันข้ามกับฉากที่เบย์เลอร์คุยกับลูกค้าในอนาคต นักเขียนบทกลับพยายามหลีกเลี่ยง โอกาสที่เขาจะได้ระเบิดอารมณ์และบอกผู้หญิงคนนั้นว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย และเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น น่าจะเป็นบทสรุปที่ทรงพลังเมื่อพิจารณาจากผลงานฮิตที่เขาต้องทนมาตลอดทั้งตอน ส่วน “ศัตรูร่วม” ทั้งหมดนี้ทำให้ฉากนี้ดูจืดชืดลง
LC_Lopez
⭐ 8/10
ฉันดีใจมากที่ไม่ได้ใส่ใจกับรีวิวในช่วงวันแถลงข่าว ฉันได้อ่านรีวิวเชิงลบหรือเชิงลบประมาณ 3-4 รายการ ตอนแรกฉันเริ่มโปรเจกต์นี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนที่มีการประกาศว่า Lana Parrilla ได้เข้าร่วมทีมนักแสดง พอเห็นว่า PJ ก็ร่วมแสดงด้วย ฉันก็ตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ฉันคิดว่าหลายคนคงเสียใจที่ซีรีส์นี้จะอิงจากหนังสือแบบหลวมๆ แต่ฉันก็ดีใจที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น หนังสือไม่ได้ดีขนาดนั้น ฉากแอ็คชั่นหลักและส่วนที่น่าสนใจเกิดขึ้นแค่ 150 หน้าสุดท้ายเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่ซีรีส์นี้จะขยายและขยายโลกของ Rainmaker ออกไป ฉันยังดีใจที่ Bruiser และ Sarah ได้รับเรื่องราวเบื้องหลังและมีส่วนร่วมในเนื้อเรื่องมากขึ้น แทนที่จะเป็นหนังสือ Bruiser แทบจะไม่มีอยู่ในหนังสือเลย และ Sarah ก็ถูกพูดถึงแค่สองครั้งแบบผ่านๆ ดังนั้นการได้เห็นนักแสดงมีความหลากหลายมากขึ้นและไม่เน้นผู้ชายมากนักจึงเป็นเหมือนลมหายใจใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยในการแสดงให้เห็นว่าการเป็นผู้หญิงในอุตสาหกรรมที่ผู้ชายครองอำนาจ เช่น ในโลกของกฎหมายเป็นอย่างไร
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวดราม่า-กฎหมายที่เข้มข้น เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
A Few Good Men (1992) : การปะทะบทบาทสุดเดือดในศาลทหารระหว่าง ทอม ครูซ และ แจ็ค นิโคลสัน
Erin Brockovich (2000) ยอมหักไม่ยอมงอ : เรื่องจริงของผู้หญิงธรรมดาที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ปล่อยสารพิษลงในแหล่งน้ำ
A Civil Action (1998) คนจริงฝ่าอํานาจมืด : อีกหนึ่งหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของทนายความที่ฟ้องร้องบริษัทที่ก่อให้เกิดมลพิษ นำแสดงโดย จอห์น ทราโวลตา
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากนวนิยายของใคร?
A: “The Rainmaker” สร้างจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกันปี 1995 ของ จอห์น กริแชม (John Grisham) เจ้าพ่อนิยายแนวกฎหมายที่ผลงานของเขาถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ดังมากมาย เช่น The Firm, The Pelican Brief, และ A Time to Kill
Q: “Rainmaker” ในเรื่องหมายถึงอะไร?
A: “Rainmaker” เป็นศัพท์สแลงในวงการกฎหมาย ซึ่งหมายถึง “ทนายความที่เก่งกาจและสามารถนำเงินก้อนโตหรือลูกค้ารายใหญ่เข้ามาสู่สำนักงานได้” เหมือนกับผู้ที่สามารถเรียกฝนให้ตกลงมาได้นั่นเองครับ
Q: ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์?
A: เพราะเป็นการดัดแปลงนวนิยายของจอห์น กริแชม ที่มีความซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับและมีคุณภาพสูงที่สุดเรื่องหนึ่ง ประกอบกับการกำกับที่ยอดเยี่ยมของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา และการแสดงที่แข็งแกร่งของทีมนักแสดงทุกคน