ดูหนัง The Roads Not Taken (2020) เส้นทางที่ไม่เลือก
ทุกท่าน! “ถ้าวันนั้น… คุณเลือกเดินไปอีกทาง ชีวิตจะเป็นอย่างไร?” นี่คือคำถามที่เป็นหัวใจหลักของ The Roads Not Taken ภาพยนตร์ที่จะทำให้การ “ดูหนัง” ของคุณในครั้งนี้ เป็นการเดินทางที่ทั้ง “สับสน”, “เศร้าสร้อย”, และ “ชวนให้ขบคิด” อย่างลึกซึ้ง นี่ไม่ใช่หนังที่ดูง่าย แต่คือการสำรวจจิตใจมนุษย์ผ่านเลนส์ของผู้กำกับ แซลลี่ พอตเตอร์
เรื่องย่อ
หนังเล่าเรื่องราว “หนึ่งวัน” ในชีวิตของ ลีโอ (ฮาเวียร์ บาร์เด็ม) ชายชาวเม็กซิกันผู้อาศัยอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ เขากำลังทุกข์ทรมานจากภาวะสมองเสื่อม (Dementia) ซึ่งทำให้โลกแห่งความเป็นจริงและความทรงจำของเขาปะปนกันจนแยกไม่ออก
มอลลี่ (แอล แฟนนิง) ลูกสาวผู้ทุ่มเทของเขา พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดูแลพ่อและพาเขาไปตามนัดหมายต่างๆ ตลอดทั้งวัน แต่ในขณะที่ร่างกายของลีโออยู่ในนิวยอร์ก… จิตใจของเขากลับ “ล่องลอย” ย้อนกลับไปสู่ “เส้นทางชีวิต” อื่นๆ ที่เขาอาจจะได้เลือกเดิน:
- ชีวิตในเม็กซิโกกับ โดโลเรส (ซัลมา ฮาเย็ก) รักแรกและโศกนาฏกรรมในอดีต
- ชีวิตอันโดดเดี่ยวในฐานะนักเขียนบนเกาะแห่งหนึ่งในกรีซ ที่ซึ่งเขาพยายามจะทำผลงานชิ้นเอกให้เสร็จ
หนังตัดสลับไปมาระหว่างความเป็นจริงอันน่าเศร้าในปัจจุบันที่มอลลี่ต้องเผชิญ กับภาพความทรงจำ (หรือจินตนาการ?) อันแตกสลายในหัวของลีโอ ซึ่งสะท้อนถึงความเสียใจ, ความรัก, และการสูญเสียที่หล่อหลอมชีวิตของเขา movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
The Roads Not Taken คือภาพยนตร์ที่ “ทะเยอทะยาน” แต่ “เข้าถึงยาก”
- ส่วนที่ดี (การแสดง): จุดที่แข็งแกร่งที่สุดคือ “การแสดง” โดยเฉพาะ ฮาเวียร์ บาร์เด็ม ที่มอบการแสดงอันน่าทึ่งในบทบาทที่ยากลำบาก และ แอล แฟนนิง ที่ถ่ายทอดความรักและความเหนื่อยล้าของลูกสาวได้อย่างน่าเห็นใจ
- ส่วนที่ท้าทาย (บทภาพยนตร์): นี่คือจุดที่หนัง “เสียงแตก” อย่างรุนแรง โครงสร้างการเล่าเรื่องที่ตัดสลับไปมาระหว่างความเป็นจริงกับโลกในความคิดของลีโอนั้น ทำออกมาได้ “สับสน” และ “ขาดจุดเชื่อมโยงทางอารมณ์” ที่แข็งแรงพอ ทำให้ผู้ชมยากที่จะติดตามหรือรู้สึกผูกพันกับ “เส้นทางที่ไม่เลือก” เหล่านั้น หนังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นภาพร่างของไอเดียที่ดี แต่ยังไม่ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์
- โทนเรื่องที่หม่นหมอง: หนังเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เศร้าสร้อยและหดหู่ ซึ่งอาจจะ “หนัก” เกินไปสำหรับผู้ชมบางส่วน
- IMDb: ให้คะแนน 4.8/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์เพียง 43% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผิดหวังของนักวิจารณ์ส่วนใหญ่
harry_tk_yung
⭐ 6/10
การแสดงสุดอลังการนี้ดูไร้ความสุข และไม่ใช่หนังอาร์ตเฮาส์เสียทีเดียว แม้จะใกล้เคียงก็ตาม เรื่องราวเล่าถึงวันหนึ่งในชีวิตของลีโอ (คาเวียร์ บาร์เด็ม) ตัวเอก ชายโสดที่หย่าร้างและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในย่านโทรมๆ ของบรูคลิน เนื้อเรื่องสรุปได้จากคำพูดของมอลลี่ (เอลล์ แฟนนิง) ลูกสาวของเขาที่ว่า “เราไปหาหมอฟัน หมอตรวจสายตาโง่ๆ คนหนึ่ง แถมยังต้องอ้อมไปห้องฉุกเฉินอีกนิดหน่อยตอนที่หัวกระแทก” ลีโอมาพร้อมกับลูกสาวผู้ซื่อสัตย์ คอยดูแลและมองเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวเขาและตัวเขาเอง ราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่ในภวังค์ตลอดเวลา วันละสองครั้ง เราได้ยินคนตั้งคำถามว่าเขาอยู่ที่นั่นจริงหรือเปล่า ครั้งแรกคือภรรยาที่หย่าร้าง (ลอร่า ลินนีย์) ที่แผนกฉุกเฉิน และครั้งที่สองคือหมอตรวจสายตา สุดท้ายแล้ว แม้แต่มอลลี่ก็ยังถามตัวเองว่า “พ่อไปไหนมา” ง่าย (และขี้เกียจ) ที่จะคิดว่าอาการของลีโอเกิดจากภาวะสมองเสื่อม แต่เห็นได้ชัดว่ายังมีอะไรมากกว่านั้น ชื่อเรื่อง “The roads not took” ก็บอกเล่าเรื่องราวได้มากพอ ในชีวิตอันเรียบง่ายของลีโอนั้น มีสองชีวิตคู่ขนานฝังอยู่ในความคิดของเขา อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น
นี่คือเรื่องราวชีวิตของลีโอ ซึ่งถูกปะติดปะต่อผ่านบทสนทนาต่างๆ ตลอดทั้งเรื่อง ลีโอเกิดที่เม็กซิโก (อาจจะผิดกฎหมายในตอนแรก) และหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักเขียน ตอนที่ยังอยู่ในเม็กซิโก เขามีความรักอันเร่าร้อนกับโดโลเรส (ซัลมา ฮาเยก ไม่ใช่อีวาน ราเชล วูด) แต่ทั้งคู่กลับกลายเป็น “หายนะจากการพึ่งพาอาศัยกัน” ที่นิวยอร์ก เขาแต่งงานกับริต้า (ลอร่า ลินนีย์) มีมอลลี่ และไม่นานก็ทิ้งครอบครัวไปเขียนหนังสือที่กรีซ เขาคิดถึงลูกสาวตัวน้อยและกลับมาในไม่ช้า แต่เมื่อโชคชะตาของทั้งคู่ในอาชีพการงานของพวกเขากลับพลิกผัน ชีวิตสมรสจึงจบลงด้วยการหย่าร้าง และริต้าก็แต่งงานใหม่ ขณะที่ลีโอตกต่ำลงเรื่อยๆ ริต้ายังคงเป็นเพื่อน และมอลลี่ก็ทุ่มเทให้กับเขาอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หนังไม่ได้ดำเนินเรื่องแบบเส้นตรงที่ชัดเจนเลย ดูเหมือนผมจะเรียกว่า “ภาพวิดีโอ” (อ็อกซิมอร์รอน ผมรู้) ฉากต่างๆ กระโดดไปมาทั่วแผนที่ (ตามตัวอักษร) ราวกับภาพนิมิตในหัวของลีโอ ความทรงจำ และภาพหลอน ภาพตัดต่อเม็กซิโกที่เล่าถึงความสัมพันธ์อันวุ่นวายกับโดโลเรสน่าจะเป็นความทรงจำที่แท้จริงเสียส่วนใหญ่
นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงการสูญเสียลูกชายที่เขามีกับเธอโดยอุบัติเหตุ ผลกระทบจากบาดแผลทางใจอาจเป็นสาเหตุของสภาพจิตใจของเขาในปัจจุบัน ภาพตัดต่อชุดอื่นๆ ที่สร้างขึ้นในจินตนาการ แสดงให้เห็นว่าเขายังคงใช้ชีวิตอยู่ที่กรีซและเขียนงาน “เหตุการณ์” สำคัญในส่วนนี้คือบทสนทนาของเขากับนักท่องเที่ยวสาวคนหนึ่ง โดยบอกเธอว่าเธอทำให้เขานึกถึงลูกสาวของเขา การปรากฏตัวของริต้าอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน เธอประสบความสำเร็จ มีเหตุผล และร่าเริง เธอรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับสายจากมอลลี่ เพื่อดูว่าเธอจะช่วยอะไรได้บ้าง แก่นของหนังเรื่องนี้อยู่ที่เรื่องราวของพ่อและลูกสาว น่าเสียดายที่แทบไม่มีสิ่งใดที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันทางอารมณ์ของพ่อและความทุ่มเทอย่างสุดหัวใจของลูกสาวเลย โชคดีที่การแสดงอันน่าประทับใจของแฟนนิงและบาร์เดนก็เพียงพอที่จะพาหนังเรื่องนี้ไปได้ ฮาเยกและลินนีย์ก็แสดงได้ดีเช่นกัน แต่ทั้งคู่ไม่ได้รับเวลาออกจอเลย เนื่องจากนี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของฉันกับผลงานของผู้กำกับแซลลี พอตเตอร์ ฉันจึงควรหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นใดๆ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณสนใจภาพยนตร์ที่สำรวจเรื่องความทรงจำ, ภาวะสมองเสื่อม, หรือการเดินทางภายในจิตใจ เราขอแนะนำ:
- Still Alice (2014): หนังรางวัลออสการ์ที่ตีแผ่ภาวะสมองเสื่อมได้อย่างยอดเยี่ยมและสะเทือนอารมณ์
- The Father (2020): อีกหนึ่งมาสเตอร์พีซที่พาเราเข้าไปสัมผัสกับโลกที่สับสนของผู้ป่วยสมองเสื่อม
- Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004) ลบเธอ…ให้ไม่ลืม: หากคุณชอบหนังที่เล่นกับความทรงจำและความสัมพันธ์ในรูปแบบที่สร้างสรรค์กว่า
- Amour (2012): หนังรางวัลปาล์มทองคำที่สำรวจความรักและความเจ็บป่วยในวัยชราอย่างสมจริงและเจ็บปวด
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นแนวไซไฟหรือแฟนตาซีเกี่ยวกับชีวิตคู่ขนานหรือเปล่า?
A: ไม่ใช่ เป็นหนัง “ดราม่า” ที่สมจริงมาก เส้นเรื่อง “ทางที่ไม่เลือก” นั้นคือภาพสะท้อนใน “จิตใจ” และ “ความทรงจำที่แตกสลาย” ของตัวละครที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่การเดินทางข้ามมิติครับ
Q: หนังเรื่องนี้ดูยากไหม?
A: ค่อนข้างจะดูยากและต้องอาศัยการตีความครับ การเล่าเรื่องที่ไม่เป็นเส้นตรงและเน้นไปที่สภาวะภายในของตัวละคร อาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนและเข้าไม่ถึงได้ง่าย
Q: หนังเรื่องนี้เศร้ามากไหม?
A: ใช่ เป็นหนังที่มีโทนเรื่องเศร้าสร้อยและหดหู่มาก ว่าด้วยเรื่องการสูญเสีย, ความเสียใจ, และผลกระทบของภาวะสมองเสื่อมต่อครอบครัว
บทสรุป: The Roads Not Taken คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยเจตนาที่ดีและมีการแสดงที่น่าทึ่ง แต่กลับสะดุดล้มเพราะโครงสร้างการเล่าเรื่องที่สับสนและขาดพลังทางอารมณ์ เป็นหนังอาร์ตเฮาส์ที่อาจจะถูกใจผู้ชมเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบการตีความและเสพการแสดง แต่สำหรับผู้ชมทั่วไปแล้ว… อาจจะเป็นเส้นทางที่เดินแล้ว “หลง” มากกว่า “ประทับใจ”