ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ
ทุกท่าน! “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณต้องติดแหง็กอยู่ในสนามบิน… โดยที่กลับบ้านก็ไม่ได้ จะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้?” นี่คือจุดเริ่มต้นสุดเพี้ยนของ The Terminal ผลงานการกำกับของปรมาจารย์ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่ได้นักแสดงคู่บุญอย่าง ทอม แฮงค์ส มาถ่ายทอดเรื่องราวที่ทั้งตลก, น่ารัก, และซาบซึ้งใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” ที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า “บ้าน” อาจไม่ใช่สถานที่ แต่คือ “ผู้คน” ที่เราผูกพันด้วย
เรื่องย่อ
วิกเตอร์ นาวอร์สกี้ (ทอม แฮงค์ส) ชายหนุ่มจิตใจดีจากประเทศคราโคเซีย (ประเทศสมมติในยุโรปตะวันออก) ได้เดินทางมายังนครนิวยอร์ก แต่ในขณะที่เครื่องบินของเขากำลังเดินทางอยู่นั้น ได้เกิดเหตุรัฐประหารขึ้นในประเทศของเขา! เมื่อเขาเดินทางมาถึงสนามบิน JFK เขาก็ต้องพบกับสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้… ประเทศคราโคเซียของเขาได้ล่มสลายลง สหรัฐอเมริกาจึงไม่รับรองหนังสือเดินทางของเขาอีกต่อไป ทำให้เขากลายเป็น “บุคคลไร้สัญชาติ” เขาไม่สามารถเดินทางเข้าอเมริกาได้ และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศที่ไม่มีอยู่อีกแล้วได้เช่นกัน
วิกเตอร์จึงต้องติดอยู่ใน “ช่องว่างทางกฎหมาย” และถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศของสนามบินไปอย่างไม่มีกำหนด! แฟรงค์ ดิกสัน (สแตนลีย์ ทุชชี) หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของสนามบิน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาเรื่องไล่วิกเตอร์ออกไปให้พ้นๆ แต่ด้วยความมองโลกในแง่ดีและสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา วิกเตอร์กลับสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่นี้ได้อย่างน่าทึ่ง เขาเรียนภาษาอังกฤษจากหนังสือคู่มือท่องเที่ยว, หาเงินด้วยการเก็บรถเข็น, ผูกมิตรกับเหล่าพนักงานในสนามบินจนกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน และยังได้พบกับความรักโรแมนติกกับ อมีเลีย (แคเธอรีน ซีตา-โจนส์) แอร์โฮสเตสสาวสวยอีกด้วย สนามบินจึงได้กลายเป็น “บ้าน” หลังใหม่ของเขาที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความหวัง movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ: คู่หูในตำนาน
ทอม แฮงค์ส (Tom Hanks) รับบทเป็น วิกเตอร์ นาวอร์สกี้: การแสดงที่น่ารักและน่าเอ็นดูที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา แฮงค์สสามารถทำให้ตัวละครที่พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ กลายเป็นที่รักของผู้ชมได้อย่างง่ายดายด้วยท่าทางและแววตา
แคเธอรีน ซีตา-โจนส์ (Catherine Zeta-Jones) รับบทเป็น อมีเลีย วอร์เรน
สแตนลีย์ ทุชชี (Stanley Tucci) รับบทเป็น แฟรงค์ ดิกสัน
ผู้กำกับ: สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) นี่คือการร่วมงานกันครั้งที่สามของคู่หูในตำนาน สปีลเบิร์ก-แฮงค์ส (ต่อจาก Saving Private Ryan และ Catch Me If You Can ) ซึ่งตอกย้ำความเป็นอัจฉริยะของสปีลเบิร์กในการสร้างหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นมนุษย์
โปสเตอร์หนัง
รีวิวและบทวิเคราะห์
The Terminal คือภาพยนตร์ที่เป็นเหมือน “เทพนิยายสมัยใหม่” มันคือเรื่องราวที่ทั้งตลกและอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด
การแสดงที่สมบูรณ์แบบของ ทอม แฮงค์ส: หนังทั้งเรื่องถูกแบกไว้บนบ่าของทอม แฮงค์ส และเขาก็ทำมันได้อย่างไร้ที่ติ เขาทำให้เราทั้งหัวเราะไปกับความซื่อๆ และซาบซึ้งไปกับความดีงามของตัวละครวิกเตอร์
เรื่องราวที่เปี่ยมด้วยความหวัง: หัวใจของหนังคือการเฉลิมฉลองให้กับ “ความเป็นมนุษย์” หนังแสดงให้เห็นว่าแม้จะอยู่ภายใต้ระบบราชการที่เย็นชา แต่ความเมตตา, มิตรภาพ, และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็ยังคงสามารถเบ่งบานได้เสมอ
หนังฟีลกู้ดชั้นครู: นี่คือหนังที่ดูแล้วมีความสุขอย่างแท้จริง เป็นผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของสปีลเบิร์กในการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายแต่กลับทรงพลังและเข้าถึงใจคนดูได้อย่างลึกซึ้ง
IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 7.4/10
Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ที่ 61% ซึ่งเป็นคะแนนในระดับที่ดี โดยนักวิจารณ์ชื่นชมในความอบอุ่นและการแสดงของทอม แฮงค์ส
หมื่นทิพ
⭐ 6/10
The Terminal หนังที่เล็งว่าจะต้องดูให้ได้ตั้งแต่เข้าโรง เพราะเป็นงานกำกับของ Steven Spielberg ที่ผมคิดเสมอครับว่าหนังของเขามีจุดที่ผมชอบอย่างหนึ่ง นั่นคือไม่ว่าจะเป็นหนังแนวไหนก็ตาม หนังของเขามักเจือไว้ด้วยความหวัง หรือไม่ก็ลงเอยด้วยการให้ความหวัง ความรู้สึกดีๆ กับคนดูอยู่เสมอ เป็นเรื่องของวิคเตอร์ นาวอร์สกี้ (Tom Hanks) ชายต่างชาติที่เดินทางมาถึงสนามบินเจเอฟเค ประเทศอเมริกา แต่ประจวบเหมาะครับ ในนาทีทีเขาก้าวเข้ามายังสหรัฐก็ดันมีสงครามเกิดที่ประเทศของเขาพอดี ทำให้สถานภาพความเป็นพลเมืองของเขาเกิดปัญหาครับ นั่นคือพาสปอร์ตของเขาถูกยกเลิก ทำให้เขาไม่สามารถเดินเข้าไปในอเมริกาได้ และขณะเดียวกันเขาจะนั่งเครื่องกลับประเทศไม่ได้ เพราะพาสปอร์ตเขาหมดสภาพไปแล้วครับ เมื่อบ้านเมืองเขาเกิดเรื่อง สิทธิ์ในพาสปอร์ตก็เป็นเพียงกระดาษเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้วิคเตอร์จะทำอะไรไปไหนก็ไม่ได้ นอกจากต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่ในสนามบิน แล้วนั่นแหละครับคือเรื่องราวทั้งหมด ชายคนหนึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ในสนามบิน อันทำให้เขาได้พบทั้งมิตรและคนไม่ชอบหน้า ก็ต้องมาดูกันต่อไปล่ะครับว่าบทลงเอยของเขาจะเป็นอย่างไร
หลายคนดูเรื่องนี้แล้วชอบ ในขณะที่หลายคนดูแล้วเฉย อันนี้สุดแท้แต่ครับ คนเราชอบต่างกันได้อยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนผมก็ต้องบอกว่าชอบโคตร เพราะนี่แหละ หนัง Steven Spielberg ขนานแท้… คุณอาตีตั๋วเคยบอกไว้ครับว่า จะกินอาหารให้อร่อยต้องรู้ว่าใครปรุง เช่นเดียวกันครับจะดูหนังให้สนุกก็ต้องรู้ว่าใครกำกับ อย่างที่บอกครับว่านี่เป็นงาน Spielberg ฉายาของเฮียแกก็คือปีเตอร์แพนแห่ง Hollywood อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หนังมันไม่ได้หนัก ไม่ได้เครียดเข้มแบบจัดๆ เพราะอย่างที่ผมบอกตั้งแต่ต้นครับ หนังพี่แกเน้นการมองโลกในแง่ดี
มองโลกอย่างมีความหวัง เรื่องที่เกิดกับวิคเตอร์นั้นก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่ก็จะไม่ร้ายจนเกินไป บางครั้งออกจะสบายๆ ด้วยซ้ำ ดังนั้นใครกะจะได้ดูหนังชีวิตหนักๆ อึ้งๆ เครียดๆ ล่ะก็เตรียมผิดหวังล่วงหน้าได้เลยครับ เพราะไม่ใช่เรื่องนี้หรอก แต่ถ้าใครชอบโทนหนังแบบสบายๆ ไม่เครียดกับชีวิต ดูแล้วให้อารมณ์ Feel Good เรื่องนี้ก็น่าจะไปนั่งอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจของท่านได้ไม่ยากครับ ส่วนที่ต้องชมมากๆ คือการแสดงของ พี่ Tom Hanks ที่ถ้าไม่ใช่พี่ท่าน หนังอาจจะไม่ดีขนาดนี้ ฝีมือการแสดงนี่สุดยอดระดับเกินบรรยายครับ เล่นบทไหนได้หมด ซ้ำยังลื่นไหลตลอดด้วย อย่างฉากที่วิคเตอร์ต้องมารู้ว่าเกิดสงครามในบ้านเมืองเขา แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมานี่สุดยอดอย่างแรงครับ ดูแล้วนี่อดอินกับเขาไม่ได้เหมือนกัน มันทำให้เราเห็นใจชายคนนี้ขึ้นมาในบัดดลเลยทีเดียว
KineticSeoul
⭐ 8/10
ใช่ มันอาจจะดูไม่สมจริงและดูเชยๆ บ้างในบางครั้ง แต่มันก็ยังเป็นหนังที่ดีและน่าดู อบอุ่นหัวใจและมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง พร้อมกับฉากตลกน่ารักๆ สำเนียงรัสเซียของทอม แฮงค์สดูเหมือนจะฝืนๆ ในตอนแรก แต่ผมก็เริ่มชินและรู้สึกเป็นธรรมชาติหลังจากนั้น ทอมรับบทเป็นวิกเตอร์ นาวอร์สกี ชายที่ไร้เดียงสาแต่ใจดี ซึ่งไม่สามารถออกจากอาคารผู้โดยสารสนามบินได้เพราะบางสถานการณ์ และสแตนลี ทุชชีก็แสดงได้อย่างน่าเชื่อถือและเข้ากับอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เขารับบทเป็นแฟรงก์ ดิกสัน หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่สนามบิน ซึ่งเป็นฉากที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ และเป็นคนที่ทำให้นาวอร์สกีต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่ถ้าไม่มีเขา เรื่องราวก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ ฉากตลกๆ ในหนังเรื่องนี้มันลงตัวจริงๆ และเป็นหนังที่ทุกคนในครอบครัวสามารถเพลิดเพลินได้ ฉากต่างๆ ประกอบกันได้อย่างน่ารื่นรมย์ และนั่นคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้เป็น มันทั้งสนุกและน่าติดตาม ดังนั้นบางฉากจึงดูเกินจริงและขาดการพัฒนาไปมาก แต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้สมจริงเท่าไหร่นัก จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ก็ทำให้นึกถึง “Forrest Gump” เหมือนกัน เพียงแต่ว่าฉากมันเกิดขึ้นในเทอร์มินัล โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็ดูสนุกได้
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณหลงรักหนังฟีลกู้ดที่นำแสดงโดย ทอม แฮงค์ส เราขอแนะนำ:
Forrest Gump (1994) อัจฉริยะปัญญานิ่ม : หนังในตำนานอีกเรื่องที่ว่าด้วยชายหนุ่มผู้มีจิตใจดีงามที่ต้องผจญภัยในโลกกว้าง
Cast Away (2000) คนหลุดโลก : อีกหนึ่งผลงานที่ทอม แฮงค์ส ต้องเอาชีวิตรอดในสถานที่ที่โดดเดี่ยว
The Pursuit of Happyness (2006) ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้ : หนังสร้างจากเรื่องจริงอีกเรื่องที่จะมอบแรงบันดาลใจและพลังใจให้คุณ
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงหรือไม่?
A: “ได้รับแรงบันดาลใจ” มาจากเรื่องจริงของ เมห์ราน คาริมี นัสเซรี ชายชาวอิหร่านผู้เคยอาศัยอยู่ในสนามบินที่ฝรั่งเศสนานถึง 18 ปี! แต่ตัวละคร “วิกเตอร์ นาวอร์สกี้” และเรื่องราวโรแมนติกทั้งหมดในหนังเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นครับ
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกหรือหนังดราม่า?
A: เป็น “ดราม่า-คอเมดี้” (Dramedy) ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวครับ มีฉากที่ตลกจนหัวเราะออกมาดังๆ และในขณะเดียวกันก็มีฉากที่ซาบซึ้งและอบอุ่นหัวใจ
Q: ทำไมตัวละครของ ทอม แฮงค์ส ถึงพูดภาษาแปลกๆ?
A: เขามาจากประเทศสมมติที่ชื่อ “คราโคเซีย” ครับ ซึ่งทอม แฮงค์ส ได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเพื่อสร้างสำเนียงและภาษาที่ฟังดูเหมือนภาษากลุ่มสลาฟขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะสำหรับหนังเรื่องนี้
บทสรุป: The Terminal คือภาพยนตร์ที่น่ารัก, ตลก, และอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด เป็นผลงานชั้นครูที่ตอกย้ำความเป็นสุดยอดของ สตีเวน สปีลเบิร์ก และ ทอม แฮงค์ส หากคุณกำลังมองหาหนังที่จะทำให้คุณยิ้มได้และรู้สึกดีกับเพื่อนมนุษย์ นี่คือหนัง “ต้องดู” ที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม