ดูหนัง Yesterday (2019) เยสเตอร์เดย์
แจ็ค มาลิก เป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่กำลังดิ้นรนจากโลว์สตอฟต์ซึ่งเล่นคอนเสิร์ตให้กับผู้ชมจำนวนน้อย ผู้จัดการและเพื่อนในวัยเด็กของเขา เอลลี่ แอปเปิลตัน ซึ่งเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ ให้กำลังใจเขาไม่ให้ละทิ้งความฝันของเขา แจ็คถูกรถบัสชนระหว่างที่ไฟฟ้าดับทั่วโลกเป็นเวลา 12 วินาที หลังจากฟื้นขึ้นมา เขาก็ร้องเพลง” Yesterday ” ของ เดอะบีเทิลส์ให้เพื่อนๆ ฟัง ซึ่งเพื่อนๆ ถามถึงชื่อเพลงและคนที่แต่งเพลงให้ แจ็คค้นพบอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อเดอะบีเทิลส์มาก่อน ซึ่งทำให้แจ็คผิดหวังมาก แจ็คค้นหาเดอะบีเทิลส์ทางอินเทอร์เน็ตแต่ไม่พบอะไรเลย จากนั้นเขาก็พบว่าแผ่นเสียงของวงหายไปจากคอลเลกชันของเขา และเขาก็ตระหนักว่าตอนนี้เขากำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่เคยมีเดอะบีเทิลส์อยู่เลย เขาเริ่มแสดงเพลงของพวกเขาโดยแอบอ้างว่าเป็นเพลงของเขาเอง เอลลี่ขอให้แจ็คบันทึกเดโม่กับแกวิน โปรดิวเซอร์ เพลง ในท้องถิ่น หลังจากการแสดงทางโทรทัศน์ในท้องถิ่น แจ็คได้รับเชิญจากเอ็ด ชีแรน นักร้องป็อป ให้เล่นเป็นวงเปิดในมอสโกว์เอลลี่มีนัดกับผู้ปกครองและปฏิเสธที่จะร่วมวงด้วย ดังนั้นร็อคกี้ เพื่อนที่แปลกประหลาดและเป็นคนทำงานของแจ็คจึงเดินทางไปกับเขา หลังจากการแสดง ชีแรนท้าแจ็คให้แต่งเพลงคู่กัน แจ็คเล่นเพลง ” The Long and Winding Road ” และชีแรนก็ยอมรับความพ่ายแพ้ ในลอสแองเจลิส เดบรา แฮมเมอร์ ผู้จัดการไร้ความปรานีของชีแรนเซ็นสัญญากับแจ็คในสังกัดของเธอและวางแผนให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วโลก เอลลี่สารภาพว่าเธอตกหลุมรักเขามาตลอดในงานเลี้ยงอำลาของเขา ก่อนที่จะย้ายไปลอสแองเจลิส แจ็คเริ่มบันทึกอัลบั้มที่EastWest Studiosแต่เขาจำเนื้อเพลง ” Eleanor Rigby ” ไม่ได้ ด้วยความหวังว่าจะช่วยกระตุ้นความทรงจำ เขาจึงไปที่เมืองลิเวอร์พูล บ้านเกิดของเดอะบีเทิลส์ เยี่ยมชมสถานที่สำคัญ เช่นสตรอว์เบอร์รีฟิลด์เพนนีเลนและหลุมศพของเอลีนอร์ ริกบี้
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Himesh Patel / ฮิเมช พาเทล

Lily James / ลิลลี่ เจมส์

Ed Sheeran / เอ็ด ชีแรน

ผู้กำกับ แดนนี่ บอยล์
รีวิวหนัง Yesterday (2019) เยสเตอร์เดย์
ก็แค่คนชอบดูหนัง
หากมองในแง่หนังหนึ่งเรื่อง.. Yesterday ไม่ใช่หนังที่โดดเด่นอะไรมากมาย ไม่ได้มีบทเทพพลิกแพลงไปมา ไม่ใช่หนังตลกที่การันตีเสียงหัวเราะจากผู้ชมแบบพร้อมเพรียงกัน และก็ไม่ใช่หนังโรแมนติกที่ทำให้เราอินกับความรักของคู่พระนางถึงขั้นฟินจิกหมอน แต่เป็นหนังที่ดูแล้วอบอุ่นหัวใจ กลมกล่อมในความ “พอดี” ของมัน ในแบบที่คุณไม่อาจเกลียดมันได้เลย.. #หนังเกี่ยวกับอะไร….เรื่องราวของโลกที่บิดเบี้ยว เมื่อวันหนึ่ง “แจ็ค” นักดนตรีหนุ่มผู้ที่กำลังถอดใจกับความฝันในการเป็นนักดนตรีของตนเอง ตื่นขึ้นมาพบว่าโลกที่เขารู้จักนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะไม่มีใครในโลกที่รู้จักวงดนตรีชื่อดังอย่าง The Beatles เลย รวมถึงไม่เคยมีผลงานเพลงของพวกเขาจารึกไว้ในที่ใดในโลก ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเสียงหรือไฟล์เสียงในอินเทอร์เน็ต มีเพียงความทรงจำของแจ็คเพียงผู้เดียว ที่เป็นที่สถิติของบทเพลงดังเหล่านั้น เมื่อแจ็คเริ่มเล่นเพลงแต่ละเพลง ก็ทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเพลงเหล่านี้เป็นครั้งแรกทึ่งกับพรสวรรค์ของแจ็ค เพราะเขาคิดว่าแต่เพลงพวกนี้เอง เป็นเหตุให้แจ็คโด่งดังเป็นพลุแตก ด้วยบทเพลงที่เขาไม่ได้เป็นคนแต่งเองจริงๆ
#ความรู้สึกโดยรวมหลังสดับรับชม..
..หนังใช้เพลงของ The Beatles ในการดำเนินเรื่องเยอะมากแบบจัดเต็ม แต่.. น่าเสียดายที่หนังมีเวลาให้เพลงแต่ละเพลงทำงานกับอารมณ์คนดูน้อยเกินไป ไม่มีเพลงไหนสามารถทำให้เราอินได้เลย ด้วยการตัดฉากที่เร่งรีบเกินไป ยกเว้นการร้อง Yesterday ในครั้งแรกเพียงเพลงเดียวเท่านั้น เป็นเหตุให้แฟนๆ สี่เต่าทองที่ตั้งใจเข้ามาปล่อยอารมณ์ เสพความฟินไปกับบทเพลงทั้งหลายอาจจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ด้วยความที่นำเพลงมาใช้เยอะมากเนี่ยแหละ มันก็พอจะฟังให้หายคิดถึงพอเป็นกระษัยได้อยู่ แถมยังมีฉากที่แฟนๆ จะต้องหวีดร้องกันในใจ แบบที่ไม่ควรรู้สปอยล์ก่อนไปดูเลยด้วย !! ภาพรวมของหนัง.. เรารู้สึกว่าหนังไปไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะเป็นเพลง , ตลก , หวานซึ้ง หรือดราม่า แต่พอจับองค์ประกอบต่างๆ มามัดรวมกันแล้ว เออ.. เรากลับชอบแฮะ !! นอกจากเรื่องเพลงที่เป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องแล้ว หนังชูสไตล์ Comedy ขึ้นมาได้โดดเด่นมาก มีมุกตลกแทรกให้หัวเราะตลอดเวลา ดูแล้วเพลิน ดูแล้วสนุก แม้บางจังหวะจะดูผิดที่ผิดเวลาไม่ควรเล่นก็ตาม ในบางช่วงหนังเล่นมุกเรี่ยราดมากจนไปขัดกับอารมณ์อื่นของหนังแบบน่าจับมาตีมือจริงๆ
หนังตั้งใจทำให้ออกมาดูง่าย จึงไม่ได้ให้น้ำหนักกับความละเอียดซับซ้อนของบทมากนัก แต่ก็มีมุมที่ “จิกกัด” วงการดนตรีไม่น้อยเลย รวมไปถึงสอดแทรกแง่คิดดีๆ ในการใช้ชีวิต ว่า “ความสุข” ที่แท้จริงนั้นคืออะไร.. จุดที่ส่วนตัวเรารู้สึกติดขัดเล็กน้อย.. คือด้วยพล็อตมันคือพระเอกเอาเพลงที่ไม่ได้แต่งเองมาเคลมว่าเป็นของตัวเองเนี่ยแหละ ทำให้เราไม่ได้รู้สึกเอาใจช่วยเลย แถมพอมีประเด็นดราม่าความรักเข้ามาก็ไม่อินอีก !! คือดูแล้วน่าติดตาม น่าสนใจมากว่าจะเป็นยังไงต่อ แต่ไม่อิน ไม่เอาใจช่วยอะ = = #สรุป.. เรื่องนี้เรา “ชอบ” นะ แม้จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะด้วยพล็อตหนังมันน่าสนใจมาก แต่ยังมีจุดที่ขาดๆ เกินๆ อยู่ ทำให้เราไม่อินกับหนังเท่าที่ควร แต่ถ้าวัดจากความรู้สึกในการรับชมจริงๆ มันเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วยิ้มได้ ดูแล้วเพลินออกจากโรงมาด้วยความรู้สึกดีๆ จริงๆ มั่นใจว่าดูซ้ำแน่นอนครับเรื่องนี้ เพราะจะพาแม่ไปดู 55555555 ปิดท้าย.. เรื่องนี้บอกเลยว่า Ed Sheeran โคตรขโมยซีน และช่วยเพิ่มสีสันให้หนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ถ้าไม่ได้ “เอ็ด” คือหนังอาจจะหายไปอีก 1 คะแนนเลยก็เป็นได้ครับ Yesterday เข้าฉาย Tomorrow นะ 😃 หนังเข้าวันพฤหัสที่ 29 สิงหาคม แฟนๆ The Beatles และมนุษย์ผู้มีดนตรีในหัวใจทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยการทั้งปวงครับ ^^