Mufasa The Lion King (2024) มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง

นักแสดง

Aaron Pierre อารอน ปิแอร์

Kelvin Harrison Jr. เคลวิน แฮร์ริสัน จูเนียร์

Seth Rogen เซธ โรเกน

Billy Eichner บิลลี่ ไอช์เนอร์

ผู้กำกับ

Barry Jenkins

รีวิว Mufasa The Lion King (2024) มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง

⭐ Disney Everything TH

🤩 คะแนน: 8/10 ดาว

แอดรอหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่มีข่าวประกาศสร้างเลยค่ะ! หลังจากที่ The Lion King (Live Action 2019) ทำให้หลายคนรู้สึกไม่จึ้งใจเพราะเน้นความสมจริงมากไป  แต่พอประกาศว่าจะทำเรื่องราวใหม่ที่เล่าย้อนไปก่อน The Lion King ที่เรารู้จัก แถมเป็นการตีความใหม่ด้วย แอดเลยตื่นเต้นมากกกก!เรื่องราวพาเราย้อนกลับไปดูที่มาของ Mufasa สิงโตกำพร้าพลัดฝูง และ Taka (ที่เราคุ้นเคยในชื่อ Scar) สิงโตรัชทายาทเลือดบริสุทธิ์โดยเป็นการตีความใหม่ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นในแอนิเมชั่นซีรีส์ The Lion Guard และหนังสือ “The Lion King: Six New Adventures” โดยสิ้นเชิงสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือตัวละคร Taka ที่มีมิติทางอารมณ์ลึกซึ้งกว่าที่เคยเห็น! ยิ่งเห็นความน่ารักของเขาในช่วงต้นเรื่อง ยิ่งทำให้แอดกลัวจุดแตกหักที่จะเกิดขึ้น  พอถึงฉากสำคัญ แอดสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทั้งรัก น้อยใจ โกรธ แค้น ที่ผสมปนเปกันในใจเขา จนทำให้แอดที่เคยไม่ชอบ Scar ในแอนิเมชั่น กลับมาเข้าใจและเห็นใจเขามากขึ้นส่วน Mufasa เอง แอดก็มีมุมมองที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน! ไม่ได้เกลียดนะคะ แต่ภาพของเขาในแอนิเมชั่นที่เคยสว่างไสว ตอนนี้มันหม่นลง ในขณะที่ฝั่งที่เคยมืดดำกลับสว่างขึ้น สุดท้ายแล้วทุกตัวละครก็มีสีเทาๆ ผสมกันไปหมด

ด้านการเล่าเรื่อง แอดประทับใจมากที่เรื่องนี้สามารถเชื่อมโยงทุกอย่างเข้ากับ The Lion King ที่เรารู้จักได้อย่างกลมกลืน! อาจจะด้วยดนตรีประกอบและการที่มีตัวละครเก่าๆ เข้ามาด้วย ทำให้ไม่รู้สึกว่านี่คือหนังเรื่องใหม่ แต่เรื่องราวทั้งหมดถูกถักทอเข้ากับ The Lion King ที่เรารู้จักได้อย่างกลมกลืน แอดไม่รู้สึกถึงการแยกขาดจาก The Lion King ที่แอดเคยดูจากม้วนวิดีโอเมื่อ 20 ปีที่แล้วเลย เพลงประกอบยังคงกลิ่นอาย Lion King ที่เราคุ้นเคย แม้จะไม่ได้ติดหูเท่าแอนิเมชั่นที่เป็นตำนานขึ้นหิ้งไปแล้ว แต่ก็มีความทันสมัยและช่วยเสริมอารมณ์ของเรื่องได้ดีในด้านงานภาพ ต้องบอกว่าภาคนี้พัฒนาขึ้นจากปี 2019 อย่างเห็นได้ชัด! แม้ว่าทุกตัวละครตั้งแต่มดยันยีราฟจะยังคงเป็น CG ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลบภาพสิงโตแข็งๆ จากภาคที่แล้วไปได้อยู่  เพราะภาคนี้ทำออกมาได้ดีกว่ามาก เรียกได้ว่าแก้ตัวจากภาคก่อนได้สวยเลย! ทั้งการเคลื่อนไหวของตัวละครดูเป็นธรรมชาติ และยังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านสีหน้าท่าทางได้ค่อนข้างน่าประทับใจ สรุปแล้วสำหรับแอด Mufasa : The Lion King เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ดูจบแล้วรู้สึกหน่วงๆ อาจเพราะอารมณ์ตัวละครมันหลากหลายมาก (หรือแอดอินเกินไปแหละ 555) ถึงขนาดน้ำตาตกตามไปด้วย เพราะทำให้เห็นว่าบางครั้งเส้นแบ่งระหว่างคนดีและคนร้ายก็บางเบากว่าที่คิด ทุกการกระทำล้วนมีที่มาที่ไป แม้แอดจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของตัวละคร แต่แอดก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกทำแบบนั้น

⭐ ก็แค่คนชอบดูหนัง

🤩 คะแนน: 7/10 ดาว

เหมือนดูลิเก เวอร์ชั่นคนใส่ชุดสัตว์แสดงมาก บทก็น้ำเน่าสุดๆ แต่ถึงบทจะเชย แต่ก็ยังสนุก ดูเพลิน เหมาะกับทุกเพศทุกวัยหนังสะกดคนดูได้อยู่หมัดด้วยงานภาพที่แสนจะงดงาม โรง IMAX ยิ่งภาพสวยตาแตก จอใหญ่สะใจเหมือนจะโดนสิงโตแดกหัว เป็นหนังที่เข้าไปดูแต่ภาพก็คุ้มแล้วววววว#หนังเกี่ยวกับอะไร..?เรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน (เพราะเพิ่งเขียนขึ้นมาใหม่) หนังพาเราย้อนอดีตไปพบกับจุดเริ่มต้นของ “มูฟาซา” และ “สการ์” ตั้งแต่วัยเด็กยันวัยหนุ่ม จากสิงโตกำพร้า สู่เจ้าป่าในเรื่องราวที่เรารู้จักกันดีในวันนี้ และความเป็นมาที่ทำให้สการ์กลายมาเป็นน้องชายตัวร้ายแบบในปัจจุบัน#ความรู้สึกโดยรวมหลังสดับรับชม..ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงตัวหนังมากนัก ด้วยตัวบทที่ค่อนข้างธรรมดา ไม่ดี ไม่แย่ ไม่หวือหวา และจุดขายหลักยังคงเป็นเรื่องของงานภาพ เลยทำเรารู้สึกปล่อยจอย ปล่อยใจสบายๆ เหมือนกำลังดูสารคดีสะวันนาที่เหล่าสัตว์พูดได้แทน ส่วนตัวไม่ค่อยประทับใจเพลงเท่าไหร่ ไม่ค่อยลื่นหูหรือติดหู แต่จะให้เทียบกับภาคแรกก็ไม่แฟร์เพราะเราได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เอาเป็นว่าแล้วเฉยๆ ละกันนอกจากงานภาพที่สวยสะกดตาแล้ว หนังยังได้เรื่องความผูกพันกับตัวละครที่เรารู้จักกันดีมาช่วยอุ้มอารมณ์หนังไว้อีกทาง รวมถึงความน่ารักของแมวยักษ์ทั้งหลาย เลยทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อระหว่างทางจุดที่ชอบมากๆ อีกจุด ก็เป็นเรื่องของการออกแบบคาแรคเตอร์ตัวละคร ทั้ง มูฟาซา และ สการ์ ตอนละอ่อน วัยเห่อหมอย และที่ชอบที่สุดคือผู้นำกลุ่มสิงโตเผือก บอกเลยว่าค่ดเท่! แถมแหล่งที่มาความเป็นมาของกลุ่มตัวร้ายก็จัดว่าเอาเรื่อง วางพล็อตมาได้ดีเลยแหละ