เขาเริ่มต้นเส้นทางสายการแสดงอย่างจริงจังจากการเข้าศึกษาที่ Royal Academy of Dramatic Art (RADA) สถาบันสอนการแสดงอันทรงเกียรติ และได้สร้างชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดงละครเวทีที่โดดเด่น โดยเฉพาะกับคณะละคร Royal Shakespeare Company ซึ่งทำให้เขามีพื้นฐานการแสดงที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับอย่างสูง
The English Patient (1996): ภาพยนตร์รักโรแมนติก-ดราม่า ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
The Grand Budapest Hotel (2014): พลิกบทบาทมารับบท “มองซิเออร์ กุสตาฟ เอช” พนักงานโรงแรมสุดเนี้ยบที่มีเสน่ห์แพรวพราวในหนังของผู้กำกับเวส แอนเดอร์สัน ซึ่งโชว์ให้เห็นถึงความสามารถด้านคอมเมดี้ของเขา
James Bond (2012-2021): เขาก้าวเข้าสู่โลกของสายลับ 007 ใน Skyfall และได้สืบทอดตำแหน่ง “M” หัวหน้าหน่วย MI6 ต่อจากจูดี้ เดนช์ อย่างเต็มตัวในภาค Spectre และ No Time to Die ซึ่งบทบาทนี้ได้ตอกย้ำภาพลักษณ์สุภาพบุรุษอังกฤษอันสุขุมและเฉียบคมของเขา
เบื้องหลังกล้อง: ผู้กำกับฝีมือดี
นอกจากงานเบื้องหน้าแล้ว ยังมีความสามารถในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์อีกด้วย โดยมีผลงานเด่นอย่าง Coriolanus (2011) ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากบทละครของเชกสเปียร์ และ The White Crow (2018) หนังชีวประวัติของนักบัลเล่ต์ชื่อดัง
หากคุณชื่นชอบผลงานของ Ralph Fiennes ลองชมเรื่องเหล่านี้
The Constant Gardener (2005): ภาพยนตร์ดราม่า-ระทึกขวัญ ที่เขาแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม
Red Dragon (2002): รับบทฆาตกร “ฟรานซิส ดอลลาร์ไฮด์” ในภาคก่อนหน้าของ The Silence of the Lambs
The King’s Man (2021): ภาพยนตร์แอ็คชั่น-สายลับ ที่เขาโชว์ลวดลายการบู๊ในบทบาทดยุคแห่งอ็อกซ์ฟอร์ด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Ralph Fiennes
Q1: ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือเรื่องอะไร?
A: ยากที่จะเลือกเพียงเรื่องเดียว แต่บทบาทที่สร้างชื่อและเป็นภาพจำมากที่สุดคือ “เอมอน เกิธ” จาก Schindler’s List และ “ลอร์ดโวลเดอมอร์” จากแฟรนไชส์ Harry Potter