ดูหนัง Rango (2011) แรงโก้ ฮีโร่ทะเลทราย เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ แรงโก้ หลังจากที่เคยใช้ชีวิตเป็นแค่สัตว์เลี้ยงประจำบ้าน ที่เฝ้ามองโลกเคลื่อนผ่านเขาไปจากข้างในตู้กระจก พบว่าตัวเองหลงทางอยู่ในทะเลทรายโมเฮฟ และได้ซัดเซพเนจรไปจนถึงดินแดนสุดเขตแดนตะวันตก เมืองดิน ที่แร้นแค้นไม่แพ้ชื่อ แรงโก้หวังว่าเขาจะกลมกลืนกับที่นี่ได้ แต่ไม่นานนัก เขากลับเด่นเกินใคร แม้กระทั่งในหมู่ชาวเมือง ที่ประกอบไปด้วยผู้ว่าเต่า วายร้ายงูหางกระดิ่ง ฝูงกระรอกหมาโจรปล้นธนาคาร กิ้งก่ากีลานักแม่นปืนและกิ้งก่าสาวตัวแรกที่แรงโก้ได้ประสบพบเจอ เมื่อแรงโก้จับพลัดจับผลูมาได้เป็นนายอำเภอตัวใหม่ของเมืองที่กันดารแห่งนี้และเป็นความหวังสุดท้ายที่จะหาน้ำอันล้ำค่าให้พบ เขาก็รู้ว่าเขาแกว่งเท้าหาเสี้ยนเข้าให้แล้ว ตำนานกล่าวเอาไว้ว่า คนดีๆ ไม่มีที่อยู่ในนครดิน แต่แรงโก้ก็พร้อมที่จะท้าทายโชคชะตาเมื่อเขาเดินหน้าไปตามหนทางของตัวเองเพื่อกลายเป็นสิ่งที่แม้กระทั่งกิ้งก่ายังปลอมแปลงไม่ได้ นั่นคือวีรบุรุษตัวจริง
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Johnny Depp
Isla Fisher
Timothy Olyphant
Abigail Breslin
ผู้กำกับ
Gore Verbinski
รีวิวหนัง Rango (2011) ดูหนังออนไลน์
ช่วงนี้เป็นช่วงที่น้องๆ หลายๆ คนเริ่มปิดเทอมกันบ้างแล้ว สำหรับน้องๆ คนไหนที่ไม่ต้องไปสอบต่อเพื่อย้ายโรงเรียนก็คงสนุกกับการดูหนัง ฟังเพลงเล่นเกมไปตามประสา ส่วนน้องคนไหนที่ต้องสอบเพื่อย้ายโรงเรียนก็คงต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียม ตัวสอบก่อนถึงจะมีเวลาว่าง ไหนๆช่วงนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมแล้ว ภาพยนตร์ที่ผมอยากจะแนะนำในช่วงนี้ก็น่าจะเหมาะกับเทศกาลปิดเทอมของน้องๆ ดีกว่า หันขวาหันซ้าย ก็เห็นมีภาพยนตร์ที่เข้าปักษ์นี้ที่น่าสนใจอยู่ 4 เรื่องด้วยกัน 2 เรื่องแรกเป็นหนังไทย (เป็นหนังผีที่กล่าวถึงศพเด็ก 2002 ศพ ที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ (สร้างเร็วจังเน้อ) ส่วนอีกเรื่องเป็นภาพยนตร์ที่พูดภาษาอีสาน) ส่วนภาพยนตร์หนังต่างประเทศ ก็มีสองเรื่องเช่นกัน เรื่องแรกเป็นเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริง ที่มีคนเข้าไปติดอยู่ในซอกหิน127 ชั่วโมง เอาเป็นว่าแนะนำหนังฉบับนี้ ผมขอแนะนำภาพยนตร์อนิเมชั่นดีกว่าเรื่องแรกที่ออกมาต้อนรับปิดเทอมกันดีกว่า อย่างที่บอกไปช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม จะมีหนังอนิเมชั่นออกมาหลายเรื่องด้วยกันให้น้องๆได้เลือกดู เพื่อต้อนรับเทศกาลปิดเทอม และเรื่องแรกที่ออกมาสู่สายตาน้องๆหนูๆก่อนใครเพื่อนเลยก็คือเรื่อง “RANGO : แรงโก้ ฮีโร่ทะเลทราย” นั้นเอง จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น ภาพสวยๆแล้ว ผู้กำกับหรือผู้สร้างเรื่องนี้ก็เป็นคนดังในแวววงฮอลีวู้ดอีกด้วย เขาคือ กอร์ เวอร์บินสกี้ (Gore Verbinski) บอกแค่นี้หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า เขาคือผู้กำกับเรื่อง Pirates of the Caribbean ทั้ง 3 ภาพแล้วล่ะก็ หลายคนต้องรู้จักหรือคุ้นเคยกับผลงานของเขาแน่ๆ กอร์เวอร์บินสกี้เขาเคยร่วมงานกับนักแสดงดังๆในฮอลีวู้ดมามากมายมาก จนได้รับการยอมรับให้เป็นมือหนึ่งหรือแถวหน้าในบรรดาผู้กำกับภาพยนตร์ด้วย กัน ภาพยนตร์ของเขาทุกเรื่องมักเปี่ยมไปด้วยจินตนาการที่ใครก็คาดไม่ถึง แม้ว่าผลงานที่เขาเคยกำกับมาแล้วมีเพียงแค่ 5 เรื่อง แต่ความสำเร็จทางด้านรายได้จากทั่วโลกของเขามีมากกว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ เลยทีเดียว หลังจากที่เหนี่อยกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Pirates of the Caribbean แล้ว ก็คงอยากจะหาอะไรทำสบายๆแก้เซ็งสักพัก แล้ว “RANGO : แรงโก้ ฮีโร่ทะเลทราย” ก็เกิดขึ้นมาให้เราชมในวันนี้
“RANGO : แรงโก้ ฮีโร่ทะเลทราย” เป็นเรื่องราวของ แรงโก้ กิ่งก่าที่ถูกเลี้ยงไว้ประจำบ้านในตู้ปลาเก่าๆใบหนึ่ง ชีวิตประจำวันของเขา ก็แค่โอ้อวดคุณสมบัติของตัวเองว่าเป็นกิ่งก่าที่เลิศเลอเพอร์เฟ็คท์ กว่าใครๆ แล้วมาวันหนึ่งทำให้ชีวิตของเขาต้องหลงเข้าไปอยู่ในทะเลทรายโมเฮฟ และได้ซัดเซพเนจรไปจนถึงดินแดนสุดเขตแดนตะวันตกที่เรียกว่า “หมู่บ้านดิน” หมู่บ้านดินแห่งนี้เป็นที่ แร้นแค้นไม่แพ้ชื่อ สิ่งจำเป็นที่สำคัญที่สุดในหมู่บ้านที่ขาดหายไปนั้นก็คือ “น้ำ” นั้นเอง แรงโก้หวังว่าเขาจะกลมกลืนกับที่นี่ได้ แต่ไม่นานนัก เขากลับเด่นเกินใคร เพราะดันไปปราบนกยักษ์เข้าให้โดยบังเอิญ จนทำให้ผู้คนในหมู่บ้าน ที่ประกอบไปด้วยผู้ว่าเต่า วายร้ายงูหางกระดิ่ง ฝูงกระรอกหมา โจรปล้นธนาคาร กิ้งก่ากีลานักแม่นปืนและกิ้งก่าสาวตัวแรกที่แรงโก้ได้ประสบพบเจอต่างก็ เชื่อว่าเขาเก่งและยอดเยี่ยมมาก และยกย่อยให้เขาได้เป็นฮีโร่อย่างสนิทใจ เมื่อแรงโก้จับพลัดจับผลูมาได้เป็นนายอำเภอคนใหม่ของหมู่บ้านแห่งนี้ และที่กันดารแห่งนี้และเป็นความหวัง สุดท้ายที่จะหาน้ำอันล้ำค่าให้พบ ซึ่งแรงโก้หารู้ไหมว่าเขาได้แกว่งเท้าหาเสี้ยนเข้าให้แล้ว เพราะว่ามีเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่ทำให้น้ำในหมู่บ้านหายไป ตำนานกล่าวเอาไว้ว่า คนดีๆ ไม่มีที่อยู่ในนครดินแห่งนี้ทำท่าจะเป็นจริงขึ้นอีกครั้ง แต่แรงโก้ก็พร้อมที่จะท้าทายโชคชะตาเมื่อเขาเดินหน้าไปตามหนทางของตัวเอง เพื่อลบคำว่า ฮีโร่จอมปลอมออกไปจากใจเขาและเขาก็พร้อมที่จะถูกเรียกว่า เป็นกิ้งก่าวีรบุรุษตัวจริง ให้ได้…
หลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบ แล้ว สิ่งหนึ่งที่วิ่งเข้ามาชนในหัวสมองผมก็คือ “การเล่าเรื่อง” ครับ การเล่าเรื่องของเรื่องนี้ เป็นแบบเหมือนนิทาน ที่ในแต่ละช่วงในแต่ละตอนสำคัญๆ จะมีผู้เล่าเรื่องออกมาเสมอ ในเรื่องนี้ ก็จะเป็นนกฮูก 4 ตัว ที่คอยออกมาร้องรำทำเพลงบอกถึงเนื้อเรื่องและสิ่งที่ตัวละครเอกอย่างแรงโกจะ เจอในฉากต่อๆไป ถ้านึกไม่ออกแล้วผมอยากให้ลองนึกถึงหนังไทยเรื่อง “บุญชู 9” ที่จะมีคุณแอ๊ด คาราบาว ออกมาดีดกีต้า คอยเล่าเรื่องในช่วงต่างๆ ให้เรารับรู้เป็นช่วงๆไป นั้นแหละครับ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง แรงโก้ นี้ดูสนุกดีครับ เป็นอนิเมชั่นที่ดูสบายๆไปเรื่อยๆ มุกตลกที่ใส่เข้ามาก็เป็นมุกตลกแบบการ์ตูนทั่วๆไป ที่คนมักทำไม่ได้ ส่วนมากแล้วการ์ตูนอนิเมชั่นจะมีตัวเด่นๆไม่กี่ตัว แต่ในเรื่องนี้ ถ้าเราไม่นับแรงโก ที่เป็นตัวเด่นที่สุดแล้ว ยังมีตัวละครอื่นๆอีก รวมแล้วเกือบ 60 ตัวเลยทีเดียว เหตุที่เป็นเช่นนี้ ผู้สร้างกล่าวว่า การที่มีตัวละครมากขนาดนี้ก็เพราะว่าแต่ละตัวก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป และเชื่อว่า การใช้ตัวละครที่มีหลากหลายเช่นนี้จะทำให้ผู้ชม ได้ค้นพบตัวละครที่เหมือนตัวเอง หรือวีรบุรุษของตัวเองในนั้น จะว่าไปแล้วฉากที่เราเห็นในหนังที่เป็นเมือง หรือ หมู่บ้านดิน นั้นถ้าเรามองเผินๆ ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากเมืองในดินแดนตะวันตกที่มีอยู่ดาษดื่นสักเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเราสักเกตดีๆจะเห็นว่า หมู่บ้านนี้สร้างขึ้นจากไม้อมยิ้ม กระป๋องน้ำมัน ยางเก่าๆ และสิ่งที่เหลือใช้อื่นๆอีกมากมาย ผมว่าเป็นการออกแบบที่สุดยอดมาก
bloggang
หนังเรื่องนี้จริงๆ ถามว่าอยากดูไหม อยากดู แต่แทบมองข้าม เพราะว่ากลัวดูแล้วชอบ ก็เลยเลือกมาดูเอาวันพุธที่ลดราคา 60 บาทแทน ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกมั้งที่ผมมาดูราคาวันพุธ ผมไปดูด้วยหัวโล่งๆ ไม่ได้คิดแม้แต่อยากดูจนเนื้อเต้นแบบราพันเซลด้วยซํ้า ไปดูแบบไม่คาดหวังไรมากมายเลย
เนื้อเรื่อง (จะบอกแค่นิดเดียวเท่านั้นเพราะเนื้อเรื่องยังมีไรหักมุมเยอะครับ)
เรื่องราวของกิ้งก่าตัวหนึ่งที่ไม่ได้เป็นกิ้งก่าทะเลทรายอะไรตามที่หลายคนดูจากเทลเลอร์แล้วคิดแบบนั้น แต่เป็นกิ้งก่าที่มีคนเลี้ยงไว้ แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้มันกระเด็นออกมาจากรถกลางทะเลทราย และมันก็ได้เริ่มผจญภัยเมื่อมันเข้าไปในเมืองเล็กๆ กลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง ด้วยการ “โกหก” ครับ
วิจารณ์
ก่อนอื่นเลยผมบอกได้แค่ว่า หนังตัวอย่างนั้นหลอกคนดูเอาไว้ 3 อย่างครับ อย่างแรกที่หลายคนเข้าใจผิดก็คือ เจ้ากิ้งก่าตัวนี้ (แท้จริงมันไม่ได้ชื่อว่าแรงโก้ด้วยซํ้า) หนีเหยี่ยวแล้วบังเอิญเข้าไปในเมือง แล้วไปฆ่าเหยี่ยวตาย ทำให้มันได้รับการยอมรับจากชาวเมือง แท้จริงแล้วไม่ใช่นะครับ (เกือบใช่) อย่างที่ 2 – 3 นั้นผมไม่บอก ลองไปดูเอง แต่จะบอกว่าตัวอย่างหนังนั้นทำออกมาได้ดีมาก เพราะมันทำให้เราไม่สามารถคาดเดาตัวเรื่องได้เมื่อตัวอย่างนั้นมันบอกให้เราคิดอย่าง แต่ความจริงมันอีกอย่าง มันเลยทำให้เราดูสนุกขึ้นครับ
เมื่อเริ่มต้นของหนังนั้นผมบอกตรงๆ ว่าหลายคนต้องคิดเหมือนผมเมื่อเข้าไปดูแล้ว นั่นก็คือ ตกลงนี่มันหนังแนวอะไรวะเนี่ย ? เพราะเจ้ากิ้งก่าของเรา (ที่ยังไร้ชื่อ) มานั่งแสดงกับตัวของเล่น จนทำเอาคนดูงงๆ และอาจน่าเบื่อเล็กน้อย เพราะน้อยนักที่หนังแอนิเมชั่นจะเริ่มเรื่องออกแนวนี้ ยิ่งซับไทยทำออกมาได้กะหลั่วอยู่ จึงทำให้คนอาจจะเบื่อๆ ได้ช่วงแรก แต่จะบอกว่าเมื่อเรื่องดำเนินไปได้เรื่อยๆ แล้วนั้น เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าจากเรื่องที่คิดว่า ธรรมดาๆ เหมือนไม่มีอะไร กลับกลายเป็นหนังแอนิเมชั่นที่สนุกได้เกินคาด แถมลุ้นตัวโก่งมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ธีมของหนังนั้นตอนแรกๆ เข้าใจว่าทางทีมสร้างไม่อยากตั้งใจปล่อยอะไรออกมาให้รู้เยอะมากเกินไป แต่โฆษณาในไทยก็โชว์หราอยู่แล้วว่า “ฮีโร่จอมปลอม” นั่นก็คือ เป็นกิ้งก่าจอมโกหก เพื่อเอาตัวรอดในทุกสถานการณ์ (แบบเดียวกับที่กิ้งก่าต้องพรางตัวเปลี่ยนสีผิวเพื่อเอาตัวรอดตามสถานการณ์) แถมมันก็ทำได้ดี แถมเนียนอีกต่างหาก จนทำให้ชาวเมืองยอมรับ (และได้เป็นนายอำเภออย่างในตัวอย่างหนัง) แต่แล้วเมื่อเขาได้รับการคาดหวังจากชาวเมืองมากขึ้น ทำให้เจ้ากิ้งก่าน้อยนั้นรู้ตัวแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไปแล้ว แต่มันคือความรับผิดชอบกับหลายสิบชีวิตที่ฝากความหวังไว้กับเขา
อีกจุดเด่นอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ผมไม่ขอบอก เพราะถ้าบอกรับรองหมดสนุก แต่มันจะเป็นแกนหลักของเรื่องที่ทำให้หนังดำเนินต่อไปได้ และไอ้แกนหลักที่ว่าเนี่ยแหละมันจี้จุดพวกเรามนุษย์เต็มๆ (เป็นธรรมดาของหนังแอนิเมชั่นที่จะแอบเสียดสีการกระทำของมนุษย์เล็กน้อย ถึงแม้ว่ามันจะแทบไม่ได้ช่วยไรกับคนดูที่ชอบดูเอามันส์เลยก็ตาม -*-) และตรงจุดนี้หนังได้ทำให้เรากลับมามองตัวเองว่า เราได้ทำตัวแบบเดียวกับในหนังรึเปล่า ?
อีกจุดเด่นของหนังก็คือ ภาพกราฟฟิกทำออกมาสมจริงมาก ซึ่งคิดว่าหลายคนที่เห็นในตัวอย่างนั้นคงตะลึงกันเป็นแถบ เพราะภาพมันสวยเหมือนจริง จนบางฉาก เหมือนเป็นคนแสดงจริงๆ ด้วยซํ้า แม้ว่ารายละเอียดดีเทลเล็กๆ จะยังสู้เรื่องกาฮูลที่ละเอียดกว่าไม่ได้ แต่โดยรวมก็สมจริงมากๆ
ตัวหนังนั้นถามว่าสมจริงทุกด้านไหม ผมขอบอกว่าค่อนข้างรั่วเหมือนกัน เอาง่ายๆ ลองดูตัวอย่าง จะมีตัวละครผู้หญิงที่เป็นหนู (มั้ง) ตาแป๋วๆ ใส่ชุดนักเรียนปกกะลาสีญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่หนังออกธีมทะเลทราย และออกแนวย้อนยุคคาวบอยเล็กน้อย หรือบางฉากที่นกฮูกเล่าเรื่อง 4 ตัว มีตัวหนึ่งโผล่ออกมาแล้วเอาเบสไฟฟ้ามาดีดโชว์ จนทำให้บอกได้ว่า ถ้าใครคิดว่าเรื่องนี้จะออกธีมแนวสมจริงทุกระเบียดนิ้วนั้นคิดใหม่ได้ครับ ไม่ใช่เลย (บางฉากยังมีกลิ่นอายของสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่เลย)
การดำเนินเรื่องนั้นจะมีอยู่เกือบครึ่งเรื่องที่มีฉากคุยๆ กัน ซึ่งผมว่าสำหรับเกรียนไทย ไม่สิ เด็กไทยดีกว่า อาจจะเป็นข้อเสียของหนัง เพราะมันทำให้หนังมีกลิ่นอายความเป็น “ผู้ใหญ่” ทำให้เด็กเบื่อ ยิ่งตัวละคนทำออกมาดูแล้วมึนๆ ว่าตกลงมันเป็นสัตว์อะไรกันแน่ (เหตุเพราะสมจริงเกินเหตุ) ยิ่งทำให้เด็กเบื่อช่วงนั้น และแน่นอนว่าข้อเสียของมันทำให้คนไม่เข้าใจถึงแก่นเรื่องอย่างแท้จริง
ระบบเสียงนั้นทำออกมาได้เร้าใจมากๆ โดยเฉพาะเสียงปืนและเสียงเอฟเฟค ใครที่คิดว่า หนังคงธรรมดามั้ง ไปดูโรงหนังคงไม่คุ้ม แต่จะบอกว่าถ้าคุณไปดูในโรงหนัง เสียงนี่กระหึ่มมากๆ ได้ยินแบบชัดแทบสุดสเกล (ขนาดผมไปดูระบบฟิล์ม 35 ม.ม. นะ) ถึงเสียงจะไม่หนักแน่นเท่าเรื่อง Tron แต่ก็นับได้ว่าทำออกมาดีเลิศเยี่ยมมากๆ เผลอๆ ดีไม่ดี เสียงของหนังเรื่องนี้อาจปลุกทำให้คนดูอาจเบื่อๆ สนใจขึ้นมาทันทีด้วยซํ้า โดยเฉพาะเสียงดนตรีประกอบ เป็นทั้งเอกลักษณ์และฟังแล้วสนุกสนานมากๆ
และตัวหนังนั้นถามว่าเหมาะกับแนวไหน มันมีความเป็นผู้ใหญ่ผสมอยู่ค่อนข้างเยอะ แรกๆ คุณอาจมองเจ้ากิ้งก่าประมาณว่า มันไม่ใช่ฮีโร่หรือวีรบุรุษอะไรเลย มันคือตัวตลกที่โกหก ปลิ้นปล้อนไปวันๆ แต่เมื่อคุณดูไปเรื่อยๆ คุณจะเริ่มติดหนึบให้ลุ้นเจ้าตัวนี้โดยไม่รู้ตัว เหมือนกับโจรสลัด แจ็ค สแปโร่ว ที่คุณดูครั้งแรกอาจเฉยๆ แต่ยิ่งดู คุณจะยิ่งหลงรักเขาครับ
ข้อเสียของหนังนั้นขอแจงเป็นเรื่องๆ อำดับแรกก็คือ ตัวหนังนั้นทำสมจริงมาก ทำให้เรามองแล้วยังงงๆ ว่าตกลงสัตว์แต่ละตัวมันมีตัวอะไรบ้าง (ผมมองเห็นเจ้าหนูสีนํ้าตาลคลํ้าๆ ตาแป๋ว กับสาวน้อยจิ้งจอก สวยน่ารักอยู่ 2 ตัวทั้งเรื่อง) ประการที่สองก็คือ ช่วงแรกๆ ดำเนินเรื่องได้อืดเล็กน้อย บทสนทนาคุยกันมีค่อนข้างเยอะ จะทำให้เด็กๆ มึนและไม่ค่อยดู และประการที่สาม โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมว่านะ ตัวหนังสร้างความประทับใจคนดูได้เฉพาะเมื่อเรารู้จักนิสัยและความคิดของเจ้ากิ้งก่าไปแล้ว มันไม่ได้สร้างความประดับใจช่วงแรกของหนัง เหมือนดิสนีย์ , ดรีมเวิร์ค หรือพิกซาร์ ที่สามารถสร้างความประทับใจของเราได้ตั้งแต่หนังเริ่มดำเนินเรื่อง จึงทำให้หนังเรื่องนี้เหมาะกับเด็กโตยันผู้ใหญ่มากกว่า (ถ้าเน้นดูทั้งเรื่องได้โดยไม่หลับและดูเข้าใจเนื้อหาสาระทั้งหมดนะครับ)
คะแนน – 8.8 / 10.00