ประวัติ Ryunosuke Kamiki รีวโนซูเกะ คามิกิ
Ryunosuke Kamiki ริวโนะสุเกะ คามิกิ ประวัติ : อัจฉริยะนักแสดงผู้เติบโตมาพร้อมวงการหนังญี่ปุ่น หากคุณเป็นแฟนภาพยนตร์ อนิเมะ หรือซีรีส์ญี่ปุ่น เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่เคยผ่านตาหรือได้ยินเสียงของชายคนนี้ รีวโนซูเกะ คามิกิ (Ryunosuke Kamiki – 神木 隆之介) นักแสดงและนักพากย์อัจฉริยะที่เข้าวงการมาตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ และได้สร้างสรรค์ผลงานระดับตำนานไว้มากมาย จนอาจกล่าวได้ว่าเขาคือหนึ่งในนักแสดงที่เติบโตและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการบันเทิงญี่ปุ่นยุคใหม่ วันนี้ Movie24HD จะพาทุกท่านไปรู้จักผู้ชายคนนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ผลงานภาพยนตร์
คามิกิเปิดตัวในโฆษณาเมื่อปี 1995 สี่ปีต่อมา เขาได้รับบทนำในละครโทรทัศน์เรื่อง Good News (1999) บทบาทในภาพยนตร์ช่วงแรกๆ ของเขา ได้แก่ Spirited Away (2001), Bayside Shakedown 2 (2003), Howl’s Moving Castle (2004), Doraemon: Nobita’s Dinosaur 2006 (2006) และ Big Man Japan (2007) เขามีบทบาทนำครั้งแรกในภาพยนตร์ The Great Yokai War (2005) ของ Takashi Miike และภาพยนตร์ The Kirishima Thing (2012) ของ Daihachi Yoshida และรับบทสมทบในภาพยนตร์แอคชั่นแบบจิไดเกกิของ Keishi Ōtomo เรื่อง Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno และ Rurouni Kenshin: The Legend Ends รวมไปถึงภาพยนตร์สยองขวัญของ Miike เรื่อง As the Gods Will (ทั้งหมดในปี 2014)
The Kirishima Thing (2012)
คิริชิมะเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่ 2 ที่เป็นที่นิยม เขาเป็นกัปตันทีมวอลเลย์บอล เรียนเก่ง และกำลังคบหาดูใจกับผู้หญิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่งของโรงเรียน วันหนึ่งเขาหยุดมาโรงเรียนกะทันหัน และมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเขาจะลาออกจากชมรมวอลเลย์บอล ในวันเดียวกัน ชมรมภาพยนตร์ของโรงเรียนถูกล้อเลียนระหว่างการประชุมตอนเช้าเรื่องชื่อภาพยนตร์โรแมนติกที่พวกเขาถูกครูบังคับให้สร้าง ทั้งที่ครูไม่ยินยอม พวกเขาจึงตัดสินใจเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ซอมบี้ ระหว่างการถ่ายทำ พวกเขาได้พบกับซาวาจิมะ กัปตันชมรมแตรวง ซาวาจิมะแอบชอบฮิโรกิ เพื่อนสนิทของคิริชิมะและแฟนของซานะ สาวฮอต ซาวาจิมะพยายามสร้างความประทับใจให้ฮิโรกิด้วยการเล่นแซกโซโฟนอย่างไม่ใส่ใจต่อหน้าเขา แต่เธอกลับสร้างความประทับใจให้พวกเด็กผู้ชายไม่ได้ และกลับเข้าไปรบกวนการถ่ายทำชมรมภาพยนตร์แทน
As the Gods Will (2014)
นักเรียนมัธยมปลาย ชุน ทาคาฮาตะ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นวิดีโอเกมที่มีความรุนแรง ที่โรงเรียน เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมเกมดารุมะซังกะโครอนด้าที่อันตราย เมื่อตุ๊กตาดารุมะหันไปทางกระดานดำ ปุ่มที่อยู่ด้านหลังจะปรากฏขึ้น นักเรียนสามารถลองกดเพื่อจบเกมได้ แต่ถ้าตุ๊กตาหมุนกลับมาและเห็นใครเคลื่อนไหว หัวของนักเรียนเหล่านั้นจะระเบิด ทุกคนในชั้นเรียนยกเว้นชุนจะตายในเกมแรก หลังจากจบเกม ชุนพบกับอิจิกะ เพื่อนในวัยเด็กของเขา และพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่โรงยิมของโรงเรียน ที่นั่น พวกเขาเล่นเกมมาเนกิเนโกะ โดยนักเรียนแต่งตัวเป็นหนูพยายามโยนลูกบอลเข้าไปในห่วงที่ติดอยู่กับปลอกคอของตุ๊กตาแมวยักษ์ ผู้ที่พลาดจะถูกฆ่า อามายะชนะการท้าทายนี้ และทำให้นักเรียนสามารถผ่านไปยังการท้าทายครั้งต่อไปในลูกบาศก์ยักษ์ที่ลอยอยู่เหนือโตเกียวได้ เนื่องจากโรงเรียนหลายร้อยแห่งในญี่ปุ่นและที่อื่นๆ ต้องเผชิญกับการทดสอบที่คล้ายคลึงกัน
Godzilla Minus One (2023) ก็อดซิลล่า มินัส วัน
ในญี่ปุ่นช่วงหลังสงคราม อดีตนักบินรบที่มีแผลใจต้องร่วมมือกับพี่น้องร่วมชาติ เพื่อต่อกรกับอสุรกายยักษ์กลายพันธุ์พลังนิวเคลียร์ ที่โผล่ขึ้นมาอาละวาดบนชายฝั่ง ในปี 1945 ใกล้จะสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 นักบินกามิกาเซ่ โคอิจิ ชิกิชิมะ นำเครื่องบินมิตซูบิชิ เอ 6 เอ็ม ซีโร่ลงจอดเพื่อซ่อมแซมที่ฐานทัพญี่ปุ่นบนเกาะโอโด โซซากุ ทาจิบานะ ช่างเครื่องหลักสรุปว่าชิกิชิมะแสร้งทำเป็นว่ามีปัญหาทางเทคนิคเพื่อหนีจากหน้าที่ ในคืนนั้น ก็อดซิลล่า สิ่งมีชีวิตคล้ายไดโนเสาร์ขนาดใหญ่โจมตีกองทหาร ทาจิบานะบอกให้ชิกิชิมะยิงสัตว์ประหลาดจากเครื่องบินของเขา แต่เขาตื่นตระหนก ยิงไม่ลง และหมดสติ เมื่อเขาตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น เขาพบว่าทาจิบานะเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว และโกรธที่เขาไม่ยอมลงมือ ชิกิชิมะกลับบ้านและพบว่าพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดที่โตเกียว เขารู้สึกผิดที่รอดชีวิต จึงเริ่มช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งชื่อโนริโกะ โออิชิ ซึ่งพ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดเช่นกัน และอากิโกะ ทารกกำพร้าที่โนริโกะช่วยไว้ เขาทำงานบนเรือกวาดทุ่นระเบิดซึ่งมีหน้าที่กำจัดทุ่นระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะเดียวกัน ก็อตซิลลาก็กลายพันธุ์และได้รับพลังจากการทดสอบนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาที่เกาะบิกินี มันจมเรือ USS Redfish และทำลายเรือลำอื่นๆ อีกหลายลำระหว่างทางไปญี่ปุ่น เนื่องจากความตึงเครียดกับสหภาพโซเวียต สหรัฐฯ จึงไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ ยกเว้นเรือของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น (IJN) ที่ปลดประจำการแล้วไม่กี่ลำซึ่งได้รับการอนุมัติจากพลเอกดักลาส แมกอาเธอร์ รัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งกังวลว่าจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกไม่ได้แจ้งให้สาธารณชนทราบถึงอันตรายดังกล่าว