อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
จากเด็กส่งนมในเอดินบะระ สู่ไอคอนระดับโลก
เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2473 (1930) ที่เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ เขาเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นแรงงานและมีชีวิตในวัยเด็กที่ค่อนข้างยากลำบาก เขาเคยทำงานมาแล้วหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่การเป็น เด็กส่งนม, กรรมกร, นายแบบให้กับนักเรียนศิลปะ, ไปจนถึงนักเพาะกาย!
เขาเริ่มต้นเส้นทางสายการแสดงจากการรับบทบาทเล็กๆ ในคณะละครเวที ก่อนที่โชคชะตาจะนำพาเขาไปสู่การคัดเลือกบทบาทที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและโลกภาพยนตร์ไปตลอดกาล
บทบาทที่นิยามยุคสมัย: เจมส์ บอนด์ 007
ในปี 2505 (1962) ได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Dr. No และแนะนำตัวเองให้โลกได้รู้จักในนาม “บอนด์…เจมส์ บอนด์”
บทบาท: เจมส์ บอนด์ สายลับ MI6 รหัส 007
ปรากฏการณ์: ไม่ได้แค่แสดงเป็นเจมส์ บอนด์ แต่เขาได้ สร้าง เจมส์ บอนด์ ขึ้นมา เขาคือผู้กำหนดภาพลักษณ์ของสายลับเจ้าเสน่ห์, สุขุม, อันตราย และเปี่ยมด้วยไหวพริบ ที่กลายเป็นต้นแบบให้กับนักแสดงรุ่นหลังทุกคน เขาคือมาตรฐานทองคำของบทบาทนี้อย่างแท้จริง
ผลงานในบทบาท 007: เขาแสดงเป็นเจมส์ บอนด์ ทั้งหมด 7 เรื่อง (รวมเรื่องที่ไม่เป็นทางการอย่าง Never Say Never Again ) โดยเรื่องที่ได้รับการยกย่องสูงสุดคือ Goldfinger (1964)
คะแนนรีวิว (Goldfinger): Rotten Tomatoes: 99%
ลิงก์: รับชม James Bond 007 Collection ที่ Movie24HD (หมายเหตุ: ลิงก์ตัวอย่าง)
ก้าวข้ามเงาของ 007: บทพิสูจน์ฝีมือที่นำไปสู่รางวัลออสการ์
แม้ว่าบทบาทเจมส์ บอนด์ จะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ ก็ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเขาเป็นมากกว่าสายลับ 007 ด้วยการรับบทบาทที่หลากหลายและท้าทาย
The Untouchables (1987) – เจ้าพ่ออัลคาโปน:
บทบาท: จิม มาโลน ตำรวจชาวไอริชผู้กร้านโลกและเป็นพี่เลี้ยงให้กับ เอเลียต เนสส์
ความสำเร็จ: การแสดงที่เปี่ยมด้วยบารมีและทรงพลังในเรื่องนี้ส่งให้เขาคว้ารางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพ นั่นคือ รางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
คะแนนรีวิว: IMDb: 7.8/10
Indiana Jones and the Last Crusade (1989) – อินเดียน่า โจนส์ ศึกอภินิหารครูเสด:
บทบาท: ศาสตราจารย์เฮนรี่ โจนส์ ซีเนียร์ พ่อของอินเดียน่า โจนส์ เคมีที่เข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบกับ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ทำให้เขากลายเป็น “พ่อของอินดี้” ที่คนทั้งโลกหลงรัก
The Rock (1996) – เดอะ ร็อค ยึดนรกป้อมมหากาฬ: การกลับมารับบทแอ็คชั่นในวัย 66 ปี ที่ยังคงความเท่และบารมีไว้อย่างครบถ้วน
มรดกที่ทิ้งไว้: สุภาพบุรุษตลอดกาล
ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวินจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 2543 และกลายเป็น “เซอร์ ฌอน คอนเนอรี่” เขาประกาศวางมือจากการแสดงในปี 2549 และใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข ก่อนจะถึงแก่กรรมในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ด้วยวัย 90 ปี ทิ้งไว้เพียงตำนานและผลงานที่ยิ่งใหญ่ให้คนรุ่นหลังได้จดจำ
ภาพยนตร์และนักแสดงสไตล์ใกล้เคียงที่คุณอาจชื่นชอบ
หากคุณชื่นชมในบารมีและเสน่ห์ของ เซอร์ ฌอน คอนเนอรี่ เราขอแนะนำผลงานของ:
คลินต์ อีสต์วูด (Clint Eastwood): อีกหนึ่งตำนานผู้เป็นสัญลักษณ์ของความเก๋าและความเท่
แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford): ไอคอนแห่งหนังผจญภัยและแอ็คชั่น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ฌอน คอนเนอรี่ เป็น เจมส์ บอนด์ ที่ดีที่สุดตลอดกาลหรือไม่?
A: เป็นคำถามที่ถกเถียงกันมาตลอดครับ! แต่สำหรับแฟนๆ ส่วนใหญ่และนักวิจารณ์จำนวนมาก มักจะยกให้เขาเป็น “ที่สุด” เพราะเขาคือผู้สร้างต้นแบบและภาพจำของตัวละครนี้ขึ้นมาเป็นคนแรกครับ
Q: หนังเรื่องไหนที่ทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์?
A: เขาได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง The Untouchables (1987) ครับ
Q: ทำไมเขาถึงเลิกรับบทเจมส์ บอนด์?
A: เขารู้สึกว่าเขาถูกผูกติดกับภาพลักษณ์ของตัวละครนี้มากเกินไป และต้องการพิสูจน์ตัวเองในบทบาทที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเขาก็ทำได้สำเร็จอย่างงดงามครับ
Q: อยากติดตามผลงานของ ฌอน คอนเนอรี่ จะหาดูได้ที่ไหน?
A: ไม่ต้องไปไหนไกลเลย! คุณสามารถเข้ามาค้นหาและรับชมผลงานระดับตำนานของเขาได้ที่เว็บไซต์ https://www.movie24hd.net/ ที่รวบรวมหนังดีซีรีส์ดังไว้ให้คุณอย่างครบครัน และอย่าลืมติดตามรีวิวหนังสนุกๆ เพิ่มเติมได้ที่ Youtube Channel ของเราทั้ง MalagorMan, GreaterThan Studio และ DooaraiD555 นะครับ!
บทสรุป
เซอร์ ฌอน คอนเนอรี่ ไม่ใช่แค่นักแสดง แต่เขาคือสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม คือต้นแบบของความสง่างามและความเป็นชายชาตรีที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าวันนี้เขาจะจากไปแล้ว แต่เสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์และแววตาที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของเขาจะยังคงอยู่ในทุกบทบาทที่เขาสร้างไว้ และจะยังคงเป็น “เจมส์ บอนด์” ที่ดีที่สุดในหัวใจของคอหนังทั่วโลกตลอดไป
ผลงานภาพยนตร์
The Untouchables (1987)
พอล อาร์มสตรอง ศาสตราจารย์ สายเสรีนิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและอดีตทนายความที่ต่อต้านโทษประหารชีวิตถูกหญิงชราคนหนึ่งเกลี้ยกล่อมให้ไปที่ฟลอริดาเพื่อสืบสวนคดีฆาตกรรมของบ็อบบี้ เอิร์ล เฟอร์กูสัน หลานชายของเธอ เฟอร์กูสัน อดีต นักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานข่มขืนและฆ่าเด็กหญิงผิวขาวชื่อโจนี่ ชไรเวอร์อย่างโหดร้ายเมื่อแปดปีก่อน เฟอร์กูสันบอกอาร์มสตรองว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายทรมานทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อให้สารภาพแต่เขาก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาบริสุทธิ์ อาร์มสตรองเชื่อว่าตนบริสุทธิ์ เขาต้องช่วยเขาจากการถูกประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าขณะที่อาร์มสตรองขุดคุ้ยคดีนี้ให้ลึกขึ้น เขาก็พบว่าแทนนี่ บราวน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีนี้ บังคับให้เฟอร์กูสันสารภาพจริงๆ
The Hunt for Red October (1990)
ในเดือนพฤศจิกายน 1984 กัปตันเรือดำน้ำ โซเวียต Marko Ramius ได้รับมอบหมายให้ควบคุมRed October ซึ่งเป็น เรือดำน้ำขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่ ที่มีระบบ ” ขับเคลื่อนแบบหนอนผีเสื้อ ” ทำให้เรือดำน้ำลำนี้แทบจะตรวจจับไม่ได้ ด้วย โซนาร์แบบพาสซีฟ Ramius ได้รับคำสั่งให้ออกจากท่าเรือทางตอนเหนือของรัสเซียเพื่อทำการฝึกซ้อมร่วมกับเรือ ดำ น้ำชั้น Alfa V.K. Konovalovซึ่งบังคับบัญชาโดยกัปตัน Tupolev อดีตนักเรียนของเขา ในทะเล Ramius ได้ฆ่าเจ้าหน้าที่การเมือง Ivan Putin อย่างลับๆ และถ่ายทอดคำสั่งอันเป็นเท็จไปยังลูกเรือของเขาว่าพวกเขาจะต้องทำการฝึกซ้อมขีปนาวุธนอกชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาเรือดำน้ำโจมตีชั้นLos Angeles ของสหรัฐฯ ชื่อ USS Dallas ซึ่งติดตาม Red Octoberอยู่สูญเสียการติดต่อเมื่อระบบขับเคลื่อนแบบหนอนผีเสื้อของเรือดำน้ำเริ่มทำงาน
ศาสตราจารย์ทางกฎหมาย ที่ได้รับการร้องขอจากบ็อบบี้ เอิร์ล (Blair Underwood) ชายผู้โดนจับกุมข้อหาฆาตกรรมเด็ก แต่บ็อบบี้ยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ พอลจึงเดินทางมาเพื่อสืบหาความจริงด้วยตนเอง และเขาก็ได้เจอกับนายอำเภอผู้ไม่เป็นมิตรนัก นามแทนนี่ บราวน์ (Laurence Fishburne) การสืบหาความจริงก็ดำเนินไปพร้อมกับเวลาของบ้อบบี้ เอิร์ลที่ลดลงทุกวินาที แล้วความจริงมันคืออะไร ใครคือฆาตกร พอล อาร์มสตรอง ศาสตราจารย์ สายเสรีนิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและอดีตทนายความที่ต่อต้านโทษประหารชีวิตถูกหญิงชราคนหนึ่งเกลี้ยกล่อมให้ไปที่ฟลอริดาเพื่อสืบสวนคดีฆาตกรรมของบ็อบบี้ เอิร์ล เฟอร์กูสัน หลานชายของเธอ เฟอร์กูสัน อดีต นักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานข่มขืนและฆ่าเด็กหญิงผิวขาวชื่อโจนี่ ชไรเวอร์อย่างโหดร้ายเมื่อแปดปีก่อน เฟอร์กูสันบอกอาร์มสตรองว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายทรมานทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อให้สารภาพแต่เขาก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาบริสุทธิ์ อาร์มสตรองเชื่อว่าตนบริสุทธิ์ เขาต้องช่วยเขาจากการถูกประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าขณะที่อาร์มสตรองขุดคุ้ยคดีนี้ให้ลึกขึ้น เขาก็พบว่าแทนนี่ บราวน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีนี้ บังคับให้เฟอร์กูสันสารภาพจริงๆ