ดูหนัง Standoff (2016) ล่าไม่ให้รอด
คาร์เตอร์ (โทมัส เจน) อดีตนายทหารที่มีปมปัญหาได้รับโอกาสในการไถ่ถอนบาปในใจอีกครั้ง ด้วยการปกป้องชีวิตเด็กผู้หญิงวัย 12 ปีคนหนึ่งให้รอดพ้นจากการตามฆ่าปิดปากของมือสังหาร (ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น) หลังจากที่เธอได้ไปเห็นการฆาตกรรมของมือสังหารรายนี้อย่างไม่ตั้งใจ ด้วยอาวุธปืนเพียงกระบอกเดียวในมือ คาร์เตอร์จึงต้องใช้ทั้งฝีมือและมันสมองในการต่อสู้สุดอันตรายเพื่อช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนนี้ เด็กสาวชื่อเบิร์ดถูกชายคนหนึ่งพาไปเยี่ยมหลุมศพสองหลุม ซึ่งที่นั่นเธอได้เห็นและถ่ายภาพมือปืนสังหารผู้คนในงานศพ เมื่อชายคนนั้นชื่อโรเจอร์มาหาเธอ มือปืนก็ฆ่าเขาและหันมาหาเธอ (สังเกตเห็นกล้องของเธอ) แต่เธอกลับวิ่งหนีเข้าไปในป่าและไปถึงบ้านของชายคนหนึ่งชื่อคาร์เตอร์ ซึ่งสาบานว่าจะปกป้องเธอ มือปืนเข้าไปในบ้านและยิงคาร์เตอร์ ซึ่งก็ยิงตอบโต้ คาร์เตอร์ติดอยู่บนชั้นบนและมือปืนอยู่ชั้นล่าง คาร์เตอร์ส่งเด็กสาวไปเอาหลอดไฟมา ซึ่งเขาหักและโยนลงบันไดไป เบิร์ดเล่าให้คาร์เตอร์ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสุสานและบอกว่าเธอมีรูปของมือปืน คาร์เตอร์สั่งให้เธอซ่อนฟิล์มไว้ในโถส้วม มือปืนพบรูปคาร์เตอร์ในชุดทหารกับภรรยาและลูกชาย และยุยงให้เขาปล่อยเขาไป
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Laurence Fishburne ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น

Thomas Jane

Ella Ballentine

ผู้กำกับ : อาดัม อัลเลกา
รีวิว Standoff (2016) ล่าไม่ให้รอด
จิบชา รับลม กับมิสเตอร์ อเมริกัน
คาร์เตอร์ ชายหนุ่มผู้บาดแผลจากสูญเสียลูกชายในอดีตจนล้มเหลวกลายเป็นคนติดเหล้าต้องปกป้องเด็กสาวอายุ 12 ปีคนหนึ่งที่ถูกไล่ล่าโดยนักฆ่ามือฉมังที่ต้องการเก็บเธอเพื่อปิดปากเพราะเห็นหน้าของเขา การต่อสู้ระหว่างสองคนจึงเริ่มขึ้นโดยมีชีวิตจิตวิญญาณและความเป็นคนเดิมพัน
ครับ ผลงานหนังส่ง VOD เช่นกัน (หมายถึง Video on Demand ครับ) ที่หลัง ๆ จ้างดาราเกรดรอง ๆ ได้เยอะขึ้น โดยงวดนี้เป็นเฮียพันนิเชอร์ โทมัส เจน และ มอเฟียส ลอว์เรนซ์ ฟิชเบริ์น มานำแสดง โดยทั้งเรื่องมีตัวละครกันสามตัวนี่ล่ะครับ ไล่ล่ายิงกันในบ้านนี่ล่ะครับ แต่เพราะตัวละครมันน้อย มันเลยกลายเป็นหนังชิงไหวชิงพริบระหว่าง ตัวละครสองตัวแทน แน่ล่ะว่า ช่วงแรกของหนังทำได้ดีน่าสนใจเลยล่ะครับ ทั้งปมของสามตัวละครและการสู้กันของสองคน แต่ปัญหาคือ หนังมันไม่ใช่หนังแอ็คชั่นยิงกันแหลกนี่สิ มันดันเป็นหนังดราม่าว่าด้วย มือปินกับอดีตตำรวจคุยกันซะงั้น ทั้งเรื่องจึงแทบจะเรียกว่าคุยกัน 70 เปอร์เซ็นต์ ยิงกันแค่ 30 เองครับ จึงพูดว่า เป็นหนังดราม่าทริลเลอร์ก็ว่าได้ครับ
ปัญหาใหญ่คือ ไอ้ที่คุยกันเนี่ยน่าเบื่อมากครับ คือ หลัก ๆ มันคุยกันเรื่อง ฉันเจ๋งกว่า ฉันเก่งเรื่องปืนกว่าอะไรพวกนี้ จากนั้นหนังแม่งยาวชั่วโมงครึ่งเชียวนะ คิดภาพดิว่า หนังที่มือปืนคุยกับเหยื่อแล้วหันไปยิงกันเนี่ยมันเป็นยังไง (ทุนน้อยผมเข้าใจครับ พี่) คือ สุดท้ายหนังมันเลยกลายเป็นเรื่องที่พูดกันเรื่องคุณค่าชีวิตมนุษย์ และ การไถ่บาป (ไปขนาดนี้ได้ไงเนี่ย) แต่น่าเสียครับ อยากกรอไปให้มันยิงกันสักทีเถอะ ซึ่งหนังเหมือนรุ้ครับ อยู่ ๆ ก็ส่งตำรวจ หรือ คนหน้าโง่มาให้ถูกฆ่าเล่น แล้วจากนั้นพี่แกก็ไปนั่งคุยกันต่อ โอ๊ย พี่สุดจริง ๆ เรื่องนี้ 555
โอเค สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ ฉากยิงกันนี่ล่ะ ยิงกันหนักดี ถึงลูกถึงคน เลือดเป็นเลือด ตายเป็นตาย แต่นั้นแหละ มีแค่นั้น เพราะ สุดท้ายกว่าจะซัดกันจริง ๆ ก็ล่อท้ายเรื่องแหละครับ ซึ่งก็ผ่าน ๆ ไปครับ ไม่มีอะไรน่าจดจำหรอกครับ
น่าสงสารเหมือนกันนะที่เห็นดาราอย่างโทมัส เจน หรือ ฟิชเบริ์นมาเล่นหนังแบบนี้ (คิดว่า ค่าตัวสองคนนี้คงมากเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของงบหนังแล้วมั้ง) หนังเลยพึ่งพาสองคนต่อบทกันนี่ล่ะ แต่ปัญหาคือ มันไม่ได้ช่วยให้หนังมันสนุกขึ้นเลย คือ เข้าใจแหละ พวกพี่มีความหลัง แต่รีบยิงกันได้แล้ว น่าเบื่อมาก ๆ ครับ เป็นอะไรที่น่าเบื่อ และเศร้าใจมากที่เห็นสองคนนี้มาเล่นหนังแบบนี้ (มาร์เวลต้องรับผิดชอบ)