ประวัติ Stephen Dorff สตีเฟ่น ดอร์ฟ
Stephen Dorff สตีเฟ่น ดอร์ฟ เกิด 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1973 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักจากบทบาท Stuart Sutcliffe ในภาพยนตร์เรื่อง Backbeat และจากบทบบาทในภาพยนตร์เรื่อง เบลด พันธุ์ฆ่าอมตะ และ Cecil B. DeMented
ดอร์ฟ เริ่มงานการแสดงในช่วงปลายยุค 1980[2] เริ่มปรากฏตัวในบทบาทเล็ก ๆ อย่างเช่นในโชว์ Diff’rent Strokes, Roseanne, Married With Children และยังแสดงในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง In Love and War, I Know My First Name is Steven และ What a Dummy
บทแสดงนำครั้งแรกของดอร์ฟคือเรื่อง The Gate (1987) เป็นหนังสยองขวัญ ในบทที่เขากับเพื่อนค้นพบหลุมหลังบ้านที่สามารถนำพาเขาไปยังอีกมิติหนึ่ง ส่วนบทบาทที่สร้างชื่อเสียงเขาคือบทแวมไพร์ ดีคอน ฟรอสต์ ในเรื่อง Blade (1998)
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังผลงานภาพยนตร์
Blade (1998) พันธุ์ฆ่าอมตะ
เบลด เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ เขาถูกเผาให้ร้อนด้วยความแค้นจากคำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และต้องการปกป้องชีวิตเผ่าพันธุ์มนุษย์จากการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเลือด
เบลด เติบโตมาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษ คือ มีชีวิตอมตะแบบแวมไพร์ แต่มีอายุขัยเหมือนมนุษย์ มีพละกำลังเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา และกระหายเลือดเช่นเดียวกับแวมไพร์ทั่วไป แต่มโนธรรมฝ่ายมนุษย์ทำให้เขาตั้งปณิธานที่จะเป็นผู้ไล่ล่าเหล่าร้ายแวมไพร์ที่มี ฟรอสต์ เป็นผู้นำ โดยการช่วยเหลือของ วิสต์เลอร์ ผู้เชี่ยวชาญในการสังหารแวมไพร์
Alone in the Dark (2005) กองทัพมืดมฤตยูเงียบ
เเอ็ดเวิร์ด คาร์นบี้ (คริสเตียน สเลเตอร์) นักล่าสัตว์ประหลาด ติดตามร่องรอยของปีศาจร้ายแห่งชนเผ่าแอ็บสกานีโบราณ คาร์นบี้ ได้ติดตามเธอและสัตว์ร้ายของเธอไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นแห่งหนึ่ง คาร์นบี้ รู้ว่า เขาต้องหยุดเธอก่อนที่เธอจะพบกับราชาแห่งปีศาจซึ่งแอ็บสกานีฝังไว้ในห้องใต้ดิน หากปีศาจทั้งสองรวมตัวกันได้เมื่อไรพลังของมันจะเพิ่มขึ้นมหาศาล เจ้าหน้าที่ของหน่วยบูโร 713 ซึ่งเป็นหน่วยที่มีหน้าที่ต่อสู้กับสัตว์ร้ายบุกเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ก่อนที่ คาร์นบี้ จะทำลายราชินีได้ สัตว์ร้ายทั้งหลายได้ออกมาปกป้องต่อสู้จนราชินีหนีรอดไปได้ คาร์นบี้ ตั้งข้อสงสัยว่าราชินีคงมีสมุนเป็นจำนวนไม่น้อย เอลิน (ทารา รี้ด) อดีตแฟนของ คาร์นบี้ ซึ่งเป็นนักโบราณคดี รู้สึกสนใจวัตถุโบราณในอพาร์ตเมนท์ของเขาและร่วมมือกันต่อสู้กับราชินี ระหว่างการหลบหนีจากเหล่าสมุนของราชินี ทั้งสองได้พบกับ ศาสตราจารย์ฮัดเจนส์ (แมทธิว วอล์คเกอร์) เขารู้ว่าราชาฝังอยู่ที่ใด ทั้งสามจึงมุ่งหน้าไปยังที่ฝังพระราชาโดยหารู้ไม่ว่ายังมีอีก 2 กลุ่มที่เฝ้าติดตามพวกเขาคือ กลุ่มหน่วยบูโร 713 และกลุ่มราชินี ทั้งสามจะรอดชีวิตจากภารกิจครั้งนี้หรือไม่ ใครคือมิตรแท้และใครคือศัตรูที่แท้จริงของ เอลิน และ คาร์นบี้ กันแน่?
Public Enemies (2009) วีรบุรุษปล้นสะท้านเมือง
เรื่องราวที่ว่าด้วยชีวิตชายคนหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยอันตรายของ จอห์น ดิลลิงเจอร์ (จอห์นนี่ เดปป์) ผู้ซึ่งการก่ออาชญากรรมของเขา เป็นที่สนใจของคนทั้งชาติที่กำลังตกอยู่ท่ามกลางความยากลำบากทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้พวกเขาพร้อมที่จะยกย่องชายที่ทำการปล้นธนาคาร ซึ่งทำให้ชาวบ้านจนลง และยังหลอกล่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไม่อาจเยียวยาความยากลำบากของประชาชนได้ เขาคือผู้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดเป็นการเปิดศึกกับอาชญากรรมไปทั่วประเทศเป็นครั้งแรก เขาคือผู้นำกลุ่มโจรติดอาวุธที่ประสบความสำเร็จที่ก่อเหตุปล้นอันสะเทือนเลื่อนลั่น และยังหลบหนีออกมาอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ และยังเป็นผู้ที่มีบุคลิกท่าทางร่าเริง และมีความสามารถในระดับที่ไม่เพียงแต่โดนใจสาว ๆ เท่านั้น แต่ยังโดนใจคนทั้งประเทศ เขาก็คือโจรหนุ่มผู้เป็นตำนานแห่งยุคเศรษฐกิจตกต่ำในทศวรรษ 1930
ไม่มีใครหยุดดิลลิงเจอร์กับแก๊งได้ ไม่มีคุกไหนขังตัวเขาไว้ได้ การแหกคุกที่สุดอาจหาญของเขาทำให้ดิลลิงเจอร์กลายเป็นที่รักที่ชื่นชมของเกือบทุกคน ตั้งแต่แฟนสาวของเขา บิลลี่ เฟรเชตต์ (มารียง โกตียาร์) จนถึงชาวอเมริกันที่กำลังมองหาสัญลักษณ์ที่จะดึงความสนใจของพวกเขาไปจากความยากลำบากของชีวิตประจำวันได้ พวกเขาพบมันในตัวชายผู้นี้ที่ปล้นเงินจากธนาคารที่ประชาชนรู้สึกว่าธนาคารเหล่านั้นได้ฉกฉวยเงินไปจากพวกเขาอย่างไม่ถูกต้อง แต่ขณะที่การผจญภัยของแก๊งดิลลิงเจอร์ ซึ่งต่อมายังรวมถึงหนุ่มโรคจิต เบบี้เฟซ เนลสัน (สตีเฟ่น เกรแฮม) และโจรปล้นแบงก์และโจรลักพาตัว อัลวิน คาร์พิส (จิโอวานนี่ ริบิซี่) สร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิตของผู้คนมากมาย แต่ฮูเวอร์ (บิลลี่ ครูดรัพ) มีแผนการที่จะจับตัวโจรนอกกฎหมายผู้นี้ในแบบที่จะช่วยยกวิทยฐานะให้กับแผนกสืบสวนของเขา ให้กลายเป็นกองกำลังตำรวจระดับชาติที่ต่อมาได้กลายมาเป็นเอฟบีไอ เขาทำให้ดิลลิงเจอร์กลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของอเมริกา และจัดการส่ง เพอร์วิส (คริสเตียน เบล) เจ้าของฉายา คลาร์ก เกเบิล แห่งเอฟบีไอ มาล่อจับดิลลิงเจอร์
อย่างไรก็ดี ดิลลิงเจอร์กับแก๊งเล่นเอาล่อเอาเถิด และต่อสู้กับคนของเพอร์วิสในการตามไล่ล่าและการดวลปืนดังสนั่น หลังจากนำตัวทีมเจ้าหน้าที่มาจากดัลลัส และวางแผนการทรยศหักหลังของ สุภาพสตรีชุดแดง ที่โด่งดัง (แบรนก้า คาติค) จนถึงเจ้าพ่อมาเฟียแห่งชิคาโก้อย่าง แฟรงค์ นิตติ (บิลล์ แคมป์) เพอร์วิส พร้อมด้วยเอฟบีไอ และทีมมือปืนชุดใหม่ ก็สามารถปิดฉากเหยื่อของเขาลงได้
หลังจากต้องกลับมายังเมืองที่ความหลงใหลที่เขามีต่อ เฟรเชตต์ และการปล้นธนาคารได้เริ่มต้นขึ้น ในที่สุด เพอร์วิสก็สามารถปิดฉากการตามล่าตัวดิลลิงเจอร์ลงได้ ก็อย่างที่มีคนพูดกัน คนอเมริกันทั้งประเทศได้เรียนรู้ว่า การตายของฮีโร่ของคนทั้งประเทศกลายเป็นจุดกำเนิดของความเป็นตำนาน
Immortals (2011) เทพเจ้าธนูอมตะ, อิมมอร์ทัลส์
ไฮเพอร์เรียน (มิคกี้ รูร์ก) กษัตริย์ผู้คลั่งอำนาจและกองทหารสุดโหดมีอำนาจสูงสุดในประเทศกรีก ทุกเมืองต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของ ไฮเพอร์เรียน และช่วยให้เขาเข้าใกล้เป้าหมายที่แท้จริง นั้นคือการปลดปล่อยพวกไททั่นส์ และขอยืมพลังเพื่อใช้สยบเหล่าเทพเจ้าบนภูเขาโอลิมปัส
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้ง ไฮเพอร์เรียน จนกระทั่งช่างสลักหินนามว่า เธซีอุส (เฮนรี่ คาวิลล์) ซึ่งแม่ของเขาถูกสมุนของ ไฮเพอร์เรียน สังหารอย่างโหดเหี้ยม การออกเดินทางเพื่อแก้แค้นทำให้ เธซีอุส ได้พบกับ เฟรดา (ฟรีดา พินโต) หญิงสาวผู้ทำนายอนาคต ในนิมิตที่เธอเห็น เธซีอุส คือกุญแจสำคัญในการหยุดยั้งหายนะของโลกครั้งนี้ ด้วยความช่วยเหลือของทุกคน เธซีอุส ได้มุ่งหน้าเพื่อเดินตามพรมลิขิต และต่อสู้เพื่ออนาคตของมวลมนุษยชาติ
Leatherface (2017) #สิงหาสับ2017
ณ ฟาร์มของครอบครัว เวอร์น่า ซอว์เยอร์ (ลิลี่ เทย์เลอร์) แม่สุดโหดของ เจเดไดอาห์ ซอว์เยอร์ (แซม สไตรค์) สอนเขาให้รู้จักประเพณีการฆ่าซึ่งสืบทอดกันมาของตระกูลซอว์เยอร์ ด้วยการวางหนังสัตว์เป็นกับดักล่อหลอกผู้ที่ผ่านไปมา และเหตุการณ์เลวร้ายต่อจากนั้นก็เกิดขึ้น เมื่อหนึ่งในคนที่ถูกเจ๊ดฆ่า เป็นลูกสาวของ ฮัล (สตีเฟ่น ดอร์ฟ) นายอำเภอแห่งรัฐเท็กซัส ซึ่งเมื่อรู้ข่าวการตายของลูกสาวเขารู้สึกโกรธแค้นแต่ไม่สามารถเอาผิดเจ๊ดได้ เนื่องจากขาดพยานหลักฐาน เขาจึงแก้แค้นตระกูลซอว์เยอร์ด้วยการนำเจ๊ดไปส่งยังสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต “กอร์แมน เฮ้าส์” ที่ได้ชื่อว่าใช้วิธีรักษาคนป่วยสุดโหดด้วยการช็อตไฟฟ้าแทน
10 ปีต่อมา ผู้ป่วย ณ สถานบำบัด กอร์แมน เฮ้าส์ ลุกฮือหนีออกจากการจับกุมขัง โดยจับตัวพยาบาล ลิซซี่ ไวท์ (วาเนสซ่า แกรสส์) เป็นตัวประกัน ในบรรดาผู้ป่วยเหล่านั้นมีเจ๊ดหนีไปด้วยหรือไม่ เขากลายเป็นคนหนุ่มที่มีลักษณะนิสัยอย่างไร งานนี้ผู้กำกับทิ้งท้ายไว้ให้คนดูได้ขบคิดและลองไขปริศนาด้วยการเข้าชมในภาพยนตร์เรื่องนี้