ดูหนัง The Paradise of Thorns (2024) วิมานหนาม ทองคำ และ เสก เป็นคู่รักต่างเพศที่ทุ่มเทสร้างชีวิตขึ้นมาด้วยกัน โดยทั้งสองเป็นเจ้าของบ้านและสวนทุเรียนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เรื่องเศร้าก็เกิดขึ้นเมื่อ เสก จากไปอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุ และความจริงที่ว่าทั้งสองไม่เคยแต่งงานกันอย่างถูกกฏหมายของประเทศไทยกลายมาเป็นปัญหาที่ทำให้ ทองคำ ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ร่วมสร้างขึ้นมาด้วยกัน ในตอนนี้บ้านและสวนทุเรียนจึงตกเป็นของแม่ของ เสก ผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยพร้อมกับลูกสาวบุญธรรมและคนสวนอีกคนหนึ่ง ทำให้ ทองคำ ต้องต่อสู้เพื่อทวงคืนสิ่งที่เป็นนํ้าพักนํ้าแรงที่เขาและอดีตคนรักร่วมสร้างขึ้นมาด้วยกัน
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Jeff Satur วรกมล ชาเตอร์
อิงฟ้า วราหะ
สีดา พัวพิมล
ผู้กำกับ : นฤเบศ กูโน
รีวิว The Paradise of Thorns (2024) วิมานหนาม
⭐ เสพติดดูหนัง
🤩 คะแนน: 9/10 ดาว
ไร้การสปอยเนื้อหาสำคัญ -GDH ได้สร้างปรากฏการณ์สุดฮือฮาครั้งใหม่เลย ในช่วงที่เปิดตัวโปรโมทเรื่องนี้ “วิมานหนาม” รอบแรกในงานเปิดตัว Line-Up คือทุกคนตื่นเต้นและเซอร์ไพร์สกับการนำเสนอเรื่องราวมาก ๆ รวมถึง นักแสดงนำในมุมการแสดงใหม่ ๆ น่าทึ่งและโคตรน่าสนใจเรื่องราวของ “ทองคำ“ และ ”เสก“ ที่พยายามใช้ชีวิตร่วมกัน สร้างพื้นฐานครอบครัวในการทำสวนทุเรียน เพื่อชำระหนี้และโอนสิทธิ์ที่ดินของพ่อมาเป็นชื่อเสก แต่วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้เสกเสียชีวิต และทองคำก็ได้พบเจอกับแม่แสง และ โหม๋ ที่ขอย้ายมาอาศัยร่วมกัน จากนั้นศึกชิงที่ดินก็ได้เริ่มต้นหลังดูจบคือเหนื่อยมากกกกกกกก แบบต้องนั่งพักสติเลยทันที คือหนังเต็มไปด้วยกราฟอารมณ์ที่ไต่ระดับขึ้น-ลงแบบหุนหันพลันแล่นสุด ๆ ทำให้สนุกได้แบบถึงเครื่องกว่าที่คาดคิดเอาไว้เยอะมาก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงแรกของหนัง เราอาจจะรู้พื้นฐานเรื่องราวส่วนใหญ่มาบ้างแล้วจากตัวอย่าง ได้ลิ้มรสความแซ่บ ความหมั่นไส้ และความเห็นใจพอตัวจากสิ่งที่รู้มา แต่มึงเอ้ยยยยย หนังพาเราไปไกลกว่านั้นได้อีกเยอะมาก เมื่อวัดจากครึ่งหลังของหนัง เราไม่สามารถรู็ได้เลยว่าหนังจะพาเราไปไหนต่อ และเหตุการณ์ประชันหน้ากันในครั้งต่อไปจะเล่นแง่เล่นเชิงอย่างไรต่อ คือแม่งสนุกจริง!
เราชอบที่เค้าวางโครงเรื่องมาดี เพียงเริ่มจากคำว่า “ความไม่เท่าเทียม” และสามารถแตก Insight ผ่านการ Set up คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน แต่ภาพรวมคือมีความเป็นคนที่มาจากชนชั้นรากหญ้ากันทั้งหมด และวางหมากในการเดินเรื่องที่บันเทิง มีจริตความเป็นละครไทยชั้นดี ที่ถูกปรุงรสชาติอร่อยสดใหม่ ท้าทาย แต่เวิร์กสุดและพอเค้าปูปมมามากมาย ผ่านมิติคาแรคเตอร์ตัวละครทั้งหมด ระหว่างทางจนกว่าจะไปถึงจุดจบ ทีมงานทำการบ้านดีทุกเม็ดยิ่ง เก็บครบ อุดทุกช่องโหว่จนแบบอีดอกกกก พีกแล้วพีกอีก พีกต่อจนต้องชนะใจคนดูให้ได้ในที่สุด ซึ่งหลายซีนสร้างเซอร์ไพร์สกับความรู้สึกคนดูหนังแบบเรามาก ๆ และนั้นคือสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างดีเลยว่า GDH ทลายกำแพง Safe Zone แบบของจริงด้านงายโปรดักชันคือถ่ายทอดออกมาสวยมาก มุมกล้องเอยใด มูดและโทนที่โคตรงดงาม คือแบบพยายามกล่อมเราให้เหมือนรู้สึกว่านี่คือวิมาน ที่จะเต็มไปด้วยรายได้มหาศาลในอนาคตเลยทีเดียว รวมถึงการแสดงของนักแสดง ดีหมดไร้ที่จะติ เริ่มที่ “เจฟ ซาเตอร์” น้องเหมาะกับบทบาทนี้มากกก ด้วยพื้นฐานตัวตนของเจฟ มีเสน่ห์ และสามารถ Blend ไปกับคาแรคเตอร์ได้เรียลสุด ๆ และฝีมือไปไกลกว่าเดิมหลายเท่าจนเราขนลุก เพราะบทบาททองคำหนักหนาสาหัสจริง ๆ
มาในด้าน “อิงฟ้า วราหะ” สามารถไต่ระดับอารมณ์เดือดแบบเกินบาร์จากที่คิดเยอะ ซีนที่คิดว่าระเบิดอารมณ์สุด ๆ แล้ว เธอสามารถระเบิดได้อีก ได้อีก!!!! คือแบบเป็นอีกตัวละครที่เราจะละสายตาไปไม่ได้เลยสักซีน ด้าน “แม่สีดา พัวพิมล” การแสดงอารมณ์คืออิมแพคทุกซีน เรียกได้ว่าทุกการประชันกับตัวละครอื่นก็ไม่โดนกลบ แถมแซ่บสูสีไม่มีใครยอมกันยิ่งคนสุดท้าย เซอร์ไพร์สที่สุด “เก่ง หฤษฎ์” ที่รับบทจิ่งนะ จากในตัวอย่างคือคิดว่าบทไม่น่าเยอะ และก็ทั่ว ๆ ไป แต่มันคือความสำคัญของเรื่องราวสุด ๆ เป็นตัวละครที่ดีงาม และทำให้เราเชื่อในความรู้สึกที่ตัวละครมีจริง ๆ แบบไม่รู้ตัวอะ และเก่งแสดงดีมากกกกกกกกกก โคตรอยากให้น้องไปไกลกว่านี้สุด ๆใครรอเรื่องนี้ บอกเลยคุ้มค่าตั๋วโคตรรร อีกก้าวสำคัญของ GDH ที่เราโคตรเชียร์จริง ๆ อยากให้ทุกคนมาสัมผัสเองด้วยตา กับ “วิมานหนาม” 22 สิงหาคมนี้
⭐ ขอบสหนัง
🤩 คะแนน: 8/10 ดาว
รีวิวสั้นๆ เป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของวงการหนังไทย และมันคือปีที่ยอดเยี่ยมของค่ายหนังนามว่า ” GDH ” โดยส่วนตัว คือหนังไทยอีกหนึ่งเรื่องที่ชอบมากๆในปีนี้ ผมชอบในหลายๆองค์ประกอบของมันมากๆ ทั้งคอนเซ็ปต์ในการนำเสนอที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวความไม่เท่าเทียมและความผิดแปลกของกฎหมายในบ้านเรา ,งานโปรดักชั่นการถ่ายทอดความเป็นต่างจังหวัด หรือจะเป็นพาร์ทการเล่าเรื่องที่นำเสนอกราฟความสนุกและความน่าสนใจพาคนดูไปได้แบบตลอดรอดฝั่ง รวมถึงเหล่านักแสดงหลักที่ยอดเยี่ยม ที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่วิเศษในปีนี้ เอาจริงๆไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นผลงานนักแสดงตัวหลักเรื่องบนโลกภาพยนตร์ของทั้งสอง ตลอดการดู ผมรู้สึกว่าผู้กำกับแกเอากลิ่นอายหลายๆอย่างจากหนังดังที่เราคุ้นเคยมาใส่ในผลงานของแกได้อย่างแนบเนียนดีจัง แบบจังหวะโทนต่างๆ ดูแล้วอดคิดถึงหนังนู้นหนังนี้ไม่ได้ อย่างตอนแรกของเรื่อง ผมชวนคิดถึงหนังอย่าง Parasite มากๆ แต่ยังไง มันก็ยังมีจุดที่ผมรู้สึกตะหงิดๆอยู่บ้าง ในช่วงพาร์ทกลางเรื่อง ที่แอบรู้สึกว่า มันดูลงล็อกอะไรง่ายดายเกินไปหน่อย ส่วนตอนจบที่ใครหลายคนไม่ชอบ แต่สำหรับผมแอบเฉยๆ แถมออกจะชอบพาร์ทจบของเรื่องด้วยซ้ำ แม่งให้อารมณ์เหมือนกำลังดู Romulus องค์สุดท้ายอยู่เลย 8/10
⭐ mrwilliechan-21556
🤩 คะแนน: 9/10 ดาว
ท่ามกลางอ้อมกอดอันชุ่มฉ่ำของสวนทุเรียนอันห่างไกล “สวรรค์แห่งหนาม” เผยให้เห็นราวกับผลไม้ที่ขมขื่น เรื่องราวมีความซับซ้อนและสลับซับซ้อนเช่นเดียวกับภูมิประเทศของประเทศไทย ภาพยนตร์ไทยที่สะเทือนอารมณ์เรื่องนี้ทอภาพทอแห่งความรัก ความสูญเสีย และความขัดแย้งทางกฎหมาย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ทองคำและเสก คู่รักเกย์ที่ชีวิตร่วมกันของพวกเขาต้องจบลงอย่างกะทันหันด้วยโศกนาฏกรรมเมื่อดอกทุเรียนหอมเหี่ยวเฉา โลกของทองคำก็เหี่ยวเฉาเช่นกันเมื่อเสกเสียชีวิต สวนผลไม้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่หลบภัยแห่งความรักของพวกเขา กลายมาเป็นสนามรบแห่งความเศร้าโศกและความเป็นเจ้าของ ทองคำต้องเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยหนามเพื่อทวงคืนสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นของเขาโดยชอบธรรม ในขณะที่การไม่มีการรับรองทางกฎหมายสำหรับการแต่งงานของพวกเขาได้บดบังการต่อสู้ของเขาไปเป็นเวลานานความยอดเยี่ยมของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การถ่ายทอดตัวละครหลักทั้งห้าตัวได้อย่างแยบยล โดยแต่ละตัวก็เปรียบเสมือนปริซึมที่สะท้อนให้เห็นความรักและความสูญเสียในเฉดสีต่างๆ กันทองคำ ซึ่งรับบทโดยเจฟฟ์ ซาตูร์ด้วยอารมณ์ดิบ ถือเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ความอดทนของเขาเมื่อเผชิญกับความยากลำบากนั้นมั่นคงไม่แพ้ต้นทุเรียนที่เขาดูแล ความรักที่เขามีต่อเสกนั้นหยั่งรากลึกในดินแห่งความฝันที่พวกเขามีร่วมกันโม ซึ่งรับบทโดยเอ็งฟ้า วรหะ
ในตอนแรกดูเหมือนมีหนามแหลมคมราวกับเปลือกทุเรียน แต่เมื่อเปลือกหลุดออก เราก็จะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีบาดแผลจากมือที่โหดร้ายของความรัก ความทุ่มเทของเธอที่มีต่อเสกนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความรักในรูปแบบต่างๆเสก ซึ่งรับบทโดยเต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ มีความซับซ้อน แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างความปรารถนาและหน้าที่ ตัวละครของเขาเผยให้เห็นทั้งความหวานและความขมขื่นราวกับทุเรียนที่แตกออก – ชายผู้ถูกฉีกขาดระหว่างตัวตนที่แท้จริงของเขากับความคาดหวังของสังคมแสง ซึ่งถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยมโดยสีดา พัวภิมล เปรียบเสมือนรากของต้นทุเรียนที่ซ่อนเร้นแต่มีชีวิตชีวา การเดินทางของเธอจากความเห็นแก่ตัวที่ดูเหมือนไร้ค่าสู่ความเปราะบางที่เปิดเผยออกมา สะท้อนถึงความสุกงอมของผลไม้เอง ความรักของเธอปรากฏออกมาช้าเกินไป แต่ก็ทรงพลังไม่แพ้กันจิงน่า ซึ่งถ่ายทอดโดยเก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย ทำหน้าที่เป็นจิตสำนึกของภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมือนภาพสวนผลไม้จากมุมสูง เขาเห็นทุกสิ่ง
มุมมองของเขามอบความรู้ที่แสนหวานอมขมกลืนเกี่ยวกับราคาของการแสวงหาอย่างไร้จุดหมาย”สวรรค์แห่งหนาม” ก้าวข้ามสมมติฐานเริ่มต้นเกี่ยวกับสิทธิของกลุ่ม LGBTQ และเบ่งบานเป็นการทำสมาธิสากลเกี่ยวกับความรักในแง่มุมต่างๆ มากมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้เตือนเราว่าในความพยายามที่จะเรียกร้องสิ่งที่เราเชื่อว่าสมควรได้รับ เราอาจมองข้ามสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงไปภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งมีฉากหลังเป็นความงามแบบชนบทของแม่ฮ่องสอน กระซิบว่าเรื่องราวความรักและการสูญเสียเหล่านี้มีความเป็นสากลเช่นเดียวกับฤดูกาล จากถนนที่พลุกพล่านในกรุงเทพฯ สู่สวนทุเรียนอันเงียบสงบทางภาคเหนือ หัวใจของมนุษย์เต้นเป็นจังหวะเดียวกันทั้งความสุขและความเศร้าในท้ายที่สุด “สวรรค์แห่งหนาม” ได้ทิ้งความจริงอันล้ำลึกไว้ให้เราว่า บางครั้งในสวนผลไม้แห่งชีวิต เราเปิดสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นผลไม้ที่หวานที่สุด แต่กลับพบกับความขมขื่นภายใน อย่างไรก็ตาม การยอมรับความแตกต่างนี้เองที่ทำให้เราลิ้มรสประสบการณ์อันล้ำค่าของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง