ดูหนัง The Undertaker (2023) สัปเหร่อ
เรื่องราวเกิดขึ้นในหมู่บ้านโนนคูณ เล่าชีวิตของ เจิด (นฤพล ใยอิ้ม) หนุ่มวัย 25 ปีที่เรียนจบกฎหมาย หวังไปสอบเป็นทนายหรือปลัดอำเภอ แต่พ่อ (อัจฉริยะ ศรีทา) ที่ทำอาชีพสัปเหร่อมีอาการป่วย เขาจึงต้องมาช่วยทำงานแทน ทั้งที่กลัวผีมาก อีกด้านหนึ่ง เล่าชีวิต เซียง (ชาติชาย ชินศรี) ชายหนุ่มที่ยังทำใจไม่ได้ เพราะแฟนเก่า ใบข้าว (สุธิดา บัวติก) ได้เสียชีวิตไป จึงพยายามหาวิธีด้วยการศึกษาทฤษฎีต่างๆ เพื่อที่จะได้พบเธอในโลกหลังความตาย แต่กลับไปพบพ่อของเจิดที่รอการทำพิธีถอดจิตไปโลกความฝัน ซึ่งพ่อเจิดเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำพิธีถอดจิต เลยนำมาสู่ข้อแลกเปลี่ยน เซียงต้องมาช่วยเจิดทำอาชีพ เซียง ผู้อกหักจากคนรักและพยายามบวชเพื่อลืมแฟนเก่า (ใบข้าว) แต่สุดท้ายต้องมาเจ็บปวดเพราะใบข้าวตาย และทำใจไม่ได้จึงหาวิธีที่จะเจอ กับใบข้าวในโลกหลังความตาย จึงเรียนรู้และศึกษาทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับการเจอคนที่ตายไปแล้ว ไปปรึกษาพ่อเจิดที่รอการทำพิธีถอดจิตไปโลกความฝันสามารถเจอคนที่ตายแล้วได้ พ่อเจิดมีข้อแลกเปลี่ยนในการทำพิธีให้โดยเซียงต้องมาช่วยเจิดทำงาน เพราะเจิดเป็นคนที่กลัวผีมากๆ และต้องมาทำศพแทนพ่อ เซียงเป็นคนสุดท้ายที่พอจะได้ทำพิธีถอดจิตให้ก่อนตาย สุดท้ายทุกอย่างมีเวลาของมัน มันคือธรรมชาติของความจริง ทุกคนเรียนรู้และเข้าใจการยื้อและการเสียคนที่รักจากไป
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
สุธิดา บัวติก
ผู้กำกับ : ธิติ ศรีนวล
รีวิว The Undertaker (2023) สัปเหร่อ
ขอบสหนัง
แม้ตัวเองจะไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของจักรวาลไทบ้านมากเท่าไร อารมณ์แบบดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้เข้าโรงดูทุกภาค แต่ก็มีย้อนมาดูในตอนที่เข้าใน NETFLIX ตลอด ซึ่งสำหรับเรื่องนี้คงพูดได้อย่างเต็มปากว่า ทีมงานแม่งเก่งขึ้นเรื่อยๆเลยวะ เขารู้ว่าเขาควรอยู่ตรงจุดไหน เขารู้ว่าควรเล่าเรื่องอย่างไรให้มันดูแปลกใหม่แต่ก็ยังไม่ลืมความเป็นตัวเอง รวมถึงมันมีความไม่สมบูรณ์แบบของหนังที่ยังตะกุกตะกักไปบ้างแต่มันก็แนบเนียนแบบธรรมชาติไปกับเรื่อง ซึ่ง เป็นแบบนั้นเลย
( จริงๆ ไทบ้านมันก็ดีและรักษาความดีงามได้ทุกภาคนั้นแหละ หากไม่นับรวมไอ้เรื่องที่ไปรวมกับ BNK48 นะ เรื่องนั้นแม่งทำเสียหายหมด )
.
ซึ่งการมาคราวนี้ ทางทีมงานต้องการเล่าเรื่องจักรวาลไทบ้านในผสมเรื่องราวความเชื่อและศาสนาเพิ่มเข้าไปแต่หัวใจหลักมันคือการเล่าเรื่องความตาย การจากลา ความไม่แน่นอนของชีวิต และการปล่อยวางเพื่อเดินต่อ
ส่วนกลิ่นความเป็นสยองขวัญแบบที่โปรโมท ก็ไม่ได้มีเท่าไรตามที่โปรโมท แต่นี่แหละจักรวาลไทบ้านมันควรเป็นแบบนี้ ฮาแบบเบาๆ เหมือนนั่งดูเพื่อนเล่นมุกบาทสองบาทในวงเหล้า
.
เป็นหนังที่อยู่ในจักรวาลของไทบ้านนะ แบบมันจะมีความสัมพันธ์ต่างๆจากภาคก่อนๆเข้ามาเสริม ซึ่งหากคุณเป็นแฟนจักรวาลนี้คุณจะหลงรักและอินได้ไม่ยาก แต่ถ้าคุณเป็นแฟนขาจร คุณจะอาจจะมึนงงได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงที่จะทำให้หนังมันหมดสนุกไป เพราะ มีความเป็นตัวเองสูงอยู่
เป็นหนังไทยที่แนะนำให้ไปดู ตอนนี้อยากเห็นว่าจักรวาลไทบ้านพวกเขาจะไปไกลได้ขนาดไหนนะ รู้สึกมันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเป็นทีมงานทำหนังที่เต็มไปด้วยคุณภาพของคนที่รักการทำหนังจริงๆ ซึ่งก็ดีใจที่ตัวหนังทำเงินขนาดนี้ เพราะมันคือการตอบเราว่า หากคุณทำหนังด้วยความรัก คนดูก็จะตอบคุณด้วยความรักเชนกัน
beartai
หนัง ได้มองผ่านสายตาของตัวละครใหม่ในแฟรนไชส์ ‘ไทบ้าน เดอะซีรีส์’ อย่าง เจิด (เน็ค นฤพล ใยอิ้ม – นักร้องเครือแกรมมี่โกลด์) นักศึกษากฎหมายที่ต้องกลับบ้านมาทำหน้าที่แทนพ่อศักดิ์ (อัจฉริยะ ศรีทา) ที่กำลังป่วย ซึ่งหนังจะเผยให้เรารู้ภายหลังว่าศักดิ์ป่วยจริงหรือแค่กุศโลบายของพ่อ ซึ่งเจิดต้องรับมือทั้งอาชีพที่เขาไม่ได้อยากทำ โดยตั้งคำถามกับพิธีกรรมความเชื่อเกี่ยวกับคนตาย รวมถึงคนเป็นที่ต้องจัดพิธีให้คนที่รักตามวัฒนธรรมร่วมสมัยไทยอีสาน ที่มีหลายอย่างให้ต้องสงสัยถึงเหตุผลในการกระทำ เช่น การโยนไข่หาที่เผาศพ รวมทั้งการยอมรับเรื่องราวความตายว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทุกคนไม่เลือกเชื้อชาติ วัย เพศ หรือศาสนา
ในบางมุมมันก็ชวนนึกถึงหนังออสการ์สาขาภาษาต่างประเทศจากญี่ปุ่นอย่าง ‘Departures’ (2008) อยู่เช่นกัน ที่ตัวเอกไม่ได้เต็มใจกับอาชีพคนทำศพก่อนจะพบอะไรบางอย่างในนั้น แต่สำหรับ ก็มีที่ทางของตัวเองในการเล่าที่ทำให้ไม่เหมือนกับหนังเรื่องไหน มันมีทั้งความดิบในการนำเสนอภาพพิธีความตายที่บ้าน ๆ จนดูน่าตระหนก และมีความเซอร์เรียลเกินตรรกะเหตุผลปกติจะเรียกว่าความคัลต์ของบ้านเราก็ว่าได้ ซึ่งหนังก็ใช้วิธีนำเสนอให้คนดูตั้งคำถามต่อภาพตรงหน้าเอาเองบ้าง และบางทีก็ให้ตัวละครเปิดประเด็นผ่านบทสนทนาพร้อมคำอธิบายจากอีกตัวละครที่ให้แง่มุมทั้งความเชื่อและจิตวิทยาที่โอบกอดทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่อย่างเข้าใจ
