รีวิว X-Men: Dark Phoenix (2019) X-เม็น: ดาร์ก ฟีนิกส์ – จุดจบที่เงียบงันของตำนานมนุษย์กลายพันธุ์
X-Men: Dark Phoenix (2019) X-เม็น: ดาร์ก ฟีนิกส์ คือภาพยนตร์ลำดับสุดท้ายของแฟรนไชส์ X-Men ภายใต้การดูแลของ Fox ก่อนที่สิทธิ์จะกลับไปสู่ Marvel Studios ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามนำเสนอเรื่องราวอันเป็นตำนานของ “ดาร์ก ฟีนิกส์ ซาก้า” (Dark Phoenix Saga) ซึ่งเคยถูกหยิบยกมาเล่าแบบรวบรัดใน X-Men: The Last Stand (2006) มาแล้ว แต่ในครั้งนี้ ผู้กำกับและผู้เขียนบท ไซมอน คินเบิร์ก (Simon Kinberg) ซึ่งเคยเป็นโปรดิวเซอร์และมือเขียนบทให้กับหลายภาคก่อนหน้านี้ ได้รับโอกาสมาทำหนังภาคนี้ในฐานะผู้กำกับเป็นครั้งแรก และตั้งใจจะให้เป็นบทสรุปของ X-Men ยุค Young Charles/Magneto
เรื่องย่อ
เหตุการณ์ใน X-Men: Dark Phoenix เกิดขึ้นในปี 1992 สิบปีหลังจากเหตุการณ์ใน X-Men: Apocalypse (2016) เหล่า X-Men ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนมากขึ้น และกลายเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องโลกภายใต้การนำของ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ซาเวียร์ (Professor Charles Xavier – James McAvoy)
ในระหว่างภารกิจกู้ภัยในอวกาศ จีน เกรย์ (Jean Grey – Sophie Turner) ได้สัมผัสกับพลังงานลึกลับที่เรียกว่า “พลังงานฟีนิกส์” (Phoenix Force) ซึ่งเพิ่มพูนพลังจิตของเธอจนเหนือขีดจำกัด แต่ในขณะเดียวกันก็ปลุกด้านมืดและพลังทำลายล้างที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเธอขึ้นมา ทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
เมื่อพลังฟีนิกส์เข้าครอบงำ จีนเริ่มทำร้ายคนรอบข้างโดยไม่ตั้งใจ และก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง X-Men ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าเพื่อนร่วมทีมที่พวกเขารักกำลังกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอ การแตกหักของความสัมพันธ์ ความลับในอดีตของจีน และการปรากฏตัวของเอเลี่ยนลึกลับอย่าง วุค (Vuk – Jessica Chastain) ผู้ที่ต้องการพลังฟีนิกส์เพื่อเป้าหมายของเธอเอง ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงต้องตัดสินใจว่าจะช่วยจีนได้อย่างไร หรือจะต้องหยุดเธอลงก่อนที่เธอจะทำลายล้างทุกสิ่ง
สิ่งที่น่าสนใจใน X-Men: Dark Phoenix:
- การแสดงของ Sophie Turner: โซฟี เทอร์เนอร์ พยายามถ่ายทอดความขัดแย้งภายในของจีน เกรย์ ที่ต้องต่อสู้กับพลังอันมหาศาลและด้านมืดที่เข้าครอบงำ เธอแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานและความโดดเดี่ยวของตัวละครได้อย่างน่าสงสาร
- ฉากแอ็กชันที่ดุเดือด: แม้จะมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ในด้านเนื้อเรื่อง แต่ฉากแอ็กชันใน Dark Phoenix ก็ยังคงทำได้ดีและดุเดือด โดยเฉพาะฉากการใช้พลังของจีน เกรย์ ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และน่ากลัวของพลังฟีนิกส์ และฉากต่อสู้บนรถไฟในช่วงท้ายที่ถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจ
- ทีมนักแสดงชุดเดิมที่คุ้นเคย: การได้เห็นนักแสดงที่เราคุ้นเคยจาก X-Men ยุค First Class อย่าง James McAvoy, Michael Fassbender, Jennifer Lawrence และ Nicholas Hoult กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ถือเป็นสิ่งปลอบใจสำหรับแฟนๆ แม้ว่าบทบาทของบางคนอาจจะดูจืดจางไปบ้าง
- ความพยายามในการสำรวจธีมดราม่า: ภาพยนตร์พยายามจะเน้นไปที่ดราม่าภายในครอบครัว X-Men และผลกระทบของพลังต่อจิตใจของจีน ซึ่งแตกต่างจากหนังฮีโร่ที่เน้นฉากต่อสู้เพียงอย่างเดียว
ข้อสังเกต
- พล็อตเรื่องที่อ่อนแอและคาดเดาได้: นี่คือจุดอ่อนหลักที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จ การเดินเรื่องค่อนข้างเร็วและรวบรัด ทำให้การพัฒนาตัวละครและปมต่างๆ ยังไม่ลึกซึ้งพอ การตัดสินใจของตัวละครบางตัวก็ดูไม่สมเหตุสมผล และสำหรับแฟนคอมิกส์หรือผู้ที่เคยดู The Last Stand มาก่อน เรื่องราวก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่หรือน่าตื่นเต้นมากนัก
- บทบาทของตัวร้ายที่จืดจาง: ตัวละครของ Jessica Chastain ที่รับบทเป็นผู้นำเอเลี่ยน ดูไม่มีมิติและแรงจูงใจที่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถสร้างภัยคุกคามที่น่าจดจำได้เท่าที่ควร
- การกำกับที่ไม่โดดเด่น: ในฐานะผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Simon Kinberg อาจยังขาดความช่ำชองในการเล่าเรื่องและควบคุมจังหวะของภาพยนตร์ ทำให้หนังดูขาดพลังและไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมจากผู้ชมได้อย่างเต็มที่
สรุปรีวิว
X-Men: Dark Phoenix (2019) X-เม็น: ดาร์ก ฟีนิกส์ เป็นภาพยนตร์ที่พยายามจะปิดฉากตำนาน X-Men ของ Fox อย่างยิ่งใหญ่ แต่กลับทำได้ไม่ตามที่คาดหวังนัก แม้จะมีฉากแอ็กชันที่น่าประทับใจและนักแสดงมากฝีมือ แต่พล็อตเรื่องที่อ่อนแอและขาดความสดใหม่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นจุดจบที่ค่อนข้างเงียบงันสำหรับแฟรนไชส์ที่เคยยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม สำหรับแฟนๆ X-Men ที่อยากเห็นบทสรุปของตัวละครชุดนี้ ก็อาจจะยังพอรับชมเพื่อเติมเต็มเรื่องราวได้บ้าง
คะแนน: 5.5/10
ดูหนัง X-Men Dark Phoenix (2019) X-เม็น : ดาร์ก ฟีนิกซ์ จีน เกรย์ เริ่มที่จะพัฒนาศักยภาพอันเหลือเชื่อของเธอ ซึ่งนั่นมันได้นำไปสู่หนทางอันเลวร้าย แล้วมันก็ทำให้เธอกลายเป็นดาร์คฟีนิกซ์ ตอนนี้เหล่าเอ็กซ์-เมนจึงจำเป็นต้องตัดสินใจว่าชีวิตของสมาชิกในทีมมันจะมีค่ามากกว่าชีวิตของคนทั้งโลกหรือไม่




