อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
สายเลือดศิลปินและการเข้าสู่วงการ
เกิดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1969 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เขาเกิดมาในครอบครัวที่คลุกคลีอยู่กับวงการบันเทิงอย่างแท้จริง โดยมีคุณแม่คือ แมรี โจ สเลเทอร์ เป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับฝ่ายคัดเลือกนักแสดง ส่วนคุณพ่อคือ ไมเคิล ฮอว์กินส์ เป็นนักแสดงละครเวที จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเริ่มต้นอาชีพนักแสดงตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ บนเวทีละครบรอดเวย์ ก่อนจะเข้าสู่จอแก้วและจอเงินในเวลาต่อมา
ยุคทองของไอคอนสุดขบถ
ช่วงปลายยุค 80s ถึงกลางยุค 90s คือยุคทองของ เขากลายเป็นดาราวัยรุ่นแถวหน้าที่สาวๆ กรี๊ดสลบ ด้วยภาพลักษณ์ที่มักถูกเปรียบเทียบกับ แจ็ค นิโคลสัน (Jack Nicholson) ในวัยหนุ่ม ผสมผสานความหล่อร้ายและเสน่ห์ที่คาดเดาไม่ได้ บทบาทที่สร้างชื่อให้เขาส่วนใหญ่คือตัวละครนอกคอกที่มีความคิดขบถต่อสังคม ซึ่งโดนใจวัยรุ่นในยุคนั้นอย่างจัง
ผลงานระดับตำนานที่ต้องจารึก:
- Heathers (1989) (สาวฮ็อต ต้องฆ่า): บทบาท เจ.ดี. หนุ่มนักเรียนใหม่สุดลึกลับและอันตรายที่เข้ามาปฏิวัติสังคมในโรงเรียนมัธยมด้วยวิธีสุดขั้ว นี่คือหนังคัลท์คลาสสิกที่แจ้งเกิดให้เขาในฐานะสัญลักษณ์ของความขบถ และเป็นบทบาทที่แฟนหนังจดจำได้มากที่สุด
- นักแสดงร่วม: วิโนนา ไรเดอร์ (Winona Ryder)
- คะแนนจาก IMDb: 7.2/10
- Pump Up the Volume (1990) (คลื่นขบถ…ต้องปลดปล่อย): รับบทเป็น มาร์ค ฮันเตอร์ เด็กหนุ่มเงียบขรึมในตอนกลางวัน แต่กลายเป็น “ฮาร์ด แฮร์รี่” ดีเจวิทยุเถื่อนฝีปากกล้าในตอนกลางคืน ผู้ปลุกระดมให้วัยรุ่นลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับสังคม เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ตอกย้ำภาพลักษณ์ไอคอนวัยรุ่นของเขา
- True Romance (1993) (โรมานซ์ล้างเลือด): ผลงานการเขียนบทของ เควนติน ทาแรนติโน (Quentin Tarantino) ที่เขารับบทเป็น คลาเรนซ์ เวิร์ลีย์ หนุ่มร้านการ์ตูนที่ชีวิตพลิกผันเมื่อต้องหนีการตามล่าสุดโหดไปกับแฟนสาว ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ส่งให้เขากลายเป็นนักแสดงแถวหน้าอย่างเต็มตัว
- Interview with the Vampire (1994) (เทพบุตรแวมไพร์ หัวใจรักไม่มีวันตาย): รับบท แดเนียล มอลลอย นักข่าวหนุ่มผู้ได้สัมภาษณ์แวมไพร์หลุยส์ (รับบทโดย แบรด พิตต์) แม้จะเป็นบทบาทสมทบแต่การได้ประชันกับสองดาราที่ฮอตที่สุดในยุคนั้นอย่าง ทอม ครูซ และ แบรด พิตต์ ก็ทำให้ชื่อของเขาโดดเด่นไม่แพ้กัน
มรสุมชีวิตและการต่อสู้ในวงการ
หลังจากขึ้นสู่จุดสูงสุด อาชีพของสเลเทอร์ก็ต้องเผชิญกับช่วงขาลงในปลายยุค 90s เขาประสบปัญหาส่วนตัวและปัญหาทางกฎหมายหลายครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์และอาชีพการงาน แม้เขาจะยังมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่โด่งดังเท่าที่เคยเป็น
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในบทบาท “Mr. Robot”
หลังจากช่วงเวลาที่เงียบหายไปนาน ก็ได้กลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีในซีรีส์แนวจิตวิทยาระทึกขวัญเรื่อง Mr. Robot (2015-2019) เขารับบทเป็น “มิสเตอร์โรบ็อต” ผู้นำกลุ่มแฮกเกอร์ใต้ดินผู้ลึกลับและคาดเดาไม่ได้ การแสดงที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยมิติในเรื่องนี้ ส่งผลให้เขาคว้ารางวัลอันทรงเกียรติอย่าง ลูกโลกทองคำ (Golden Globe Awards) สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ เป็นการกลับมาที่นักวิจารณ์และแฟนๆ ต่างยกย่อง และพิสูจน์ให้เห็นว่าฝีมือการแสดงของเขายังคงเฉียบคมไม่เปลี่ยนแปลง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ทำไม ถึงได้รับฉายาว่าเป็น แจ็ค นิโคลสัน รุ่นเล็ก?
A: เพราะในช่วงพีคของเขา สไตล์การแสดง น้ำเสียง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รอยยิ้มมุมปาก” กับ “การเลิกคิ้ว” อันเป็นเอกลักษณ์นั้น มีความคล้ายคลึงกับนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง แจ็ค นิโคลสัน อย่างมาก จนกลายเป็นภาพจำของเขาไปเลยค่ะ
Q: เหตุใดอาชีพของเขาถึงสะดุดลงในช่วงหนึ่ง?
A: เขามีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์และปัญหาการใช้สารเสพติด ซึ่งนำไปสู่การถูกจับกุมหลายครั้งในช่วงปลายยุค 90s ข่าวฉาวเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อโอกาสในวงการภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านั้นและกลับมาพิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้ง
Q: ผลงานล่าสุดของเขาคือเรื่องอะไร?
A: เขายังคงมีผลงานอย่างต่อเนื่องทั้งในภาพยนตร์และซีรีส์ โดยล่าสุดเขามีบทบาทสำคัญในซีรีส์แฟนตาซีเรื่อง The Spiderwick Chronicles (2024) และยังมีผลงานพากย์เสียงในซีรีส์แอนิเมชันสำหรับผู้ใหญ่อย่าง Archer ในบท “สเลเทอร์” ด้วยค่ะ
Q: ถ้าอยากดูหนังที่สร้างชื่อให้ ควรเริ่มจากเรื่องไหน?
A: หากต้องการสัมผัสเสน่ห์แบบดิบๆ และความขบถของเขา Movie24HD ขอแนะนำให้เริ่มจาก Heathers หรือ Pump Up the Volume แต่ถ้าชอบหนังแนวแอ็คชั่นสุดแนว ต้องห้ามพลาด True Romance เด็ดขาด! และถ้าอยากเห็นการแสดงระดับรางวัลของเขา ต้องดู Mr. Robot เลยค่ะ
เส้นทางของ คือบทพิสูจน์ของการล้ม ลุก และการกลับมาอย่างแข็งแกร่ง เขาคือไอคอนที่ไม่มีวันตาย ผู้ซึ่งยังคงมอบผลงานที่น่าจดจำให้กับแฟนหนังรุ่นเก่าและใหม่ได้ชื่นชมอยู่เสมอ
ผลงานภาพยนตร์
3000 Miles to Graceland (2001) ทีมคนปล้นผ่าเมือง

ไมเคิล เซน ผู้ต้องโทษที่เพิ่งพ้นโทษได้แวะพักที่โมเทลโทรมๆ แห่งหนึ่งในทะเลทรายนอกเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา เขาจับเจสซี เด็กชายคนหนึ่งขโมยของจากรถของเขา และไล่ตามเขากลับไปหาไซบิล เวนโกรว์ แม่ของเขา ซึ่งเขาล่อลวงเธอ วันรุ่งขึ้น มีชายสี่คนมารับไมเคิล ได้แก่ เมอร์ฟี แฮนสัน กัส และแฟรงคลิน พวกเขาแต่งกายด้วยชุดเอลวิสและไปที่ลาสเวกัสเพื่อปล้นริเวียราซึ่งกำลังจัดงานประชุมเอลวิสอยู่ เกิดการยิงปะทะกันและแฟรงคลินเสียชีวิตระหว่างการหลบหนี กลับมาที่โมเทล แฮนสันและเมอร์ฟีเถียงกันเรื่องส่วนแบ่งของแฟรงคลิน จนกระทั่งเมอร์ฟียิงแฮนสัน ไมเคิลซ่อนเงินไว้ในห้องใต้หลังคาโดยไม่รู้ว่าเจสซีกำลังเฝ้าดูเขาอยู่ โจรที่เหลืออีกสามคนขับรถเข้าไปในทะเลทรายเพื่อฝังแฮนสัน เมอร์ฟีกลับมาคนเดียวหลังจากยิงกัสและไมเคิล แต่ไปชนหมาป่าและทำให้รถของเขาชน ทำให้เขาหมดสติก่อนจะถึงโมเทล ไมเคิลสวมเสื้อเกราะกันกระสุนและรอดชีวิตจากการยิงโดยแกล้งตาย เขาเดินกลับไปที่โมเทลและพบว่าเงินหายไป เมื่อเดาได้ว่าเจสซีเป็นคนก่อเหตุ เขาจึงบุกเข้าไปในบ้านของไซบิลและพบเงิน เขาพยายามติดสินบนไซบิลเพื่อให้ลืมสถานการณ์ แต่สุดท้ายก็ยอมพาไซบิลและเจสซีไปด้วย ไมเคิลอธิบายว่าเงินนั้นถูกทำเครื่องหมายไว้ แต่เมอร์ฟีย์บอกว่ารู้จักผู้ฟอกเงินในไอดาโฮที่สามารถช่วยได้ เมอร์ฟีย์รู้ว่าไมเคิลเอาเงินไป จึงขับรถไปไอดาโฮเพื่อสกัดกั้นเขา ที่ร้านอาหาร ไซบิลขโมยกระเป๋าสตางค์ของไมเคิลและแอบหนีจากไมเคิลและเจสซี เธอเอารถของไมเคิลไปและโทรหาผู้ฟอกเงิน ปีเตอร์สัน โดยใช้รหัสผ่านที่เธอพบในกระเป๋าสตางค์ของไมเคิล เมอร์ฟีย์ปรากฏตัวที่สถานที่ของผู้ฟอกเงินโดยใช้รหัสผ่านเดียวกัน ปีเตอร์สันอธิบายว่าไซบิลโทรมาเป็นคนแรก ดังนั้นพวกเขาจึงรอเธอ