นักแสดงนำ: รวมดาวรุ่นใหญ่มาสาดกระสุน
ผู้กำกับ
- เดเมียน ลิกเทนสไตน์ (Demian Lichtenstein)
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
นี่คือหนังที่ “สไตล์” มาก่อน “เนื้อหา” อย่างแท้จริง! 3000 Miles to Graceland เป็นหนังที่นักวิจารณ์เกลียด แต่คอหนังแอ็คชั่นสายดิบอาจจะหลงรักมันหัวปักหัวปำ หนังเต็มไปด้วยฉากยิงกันแบบ Slow-motion สุดเท่, บทสนทนาที่กวนโอ๊ย, และความรุนแรงแบบไม่มียั้ง ซึ่งเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค Post-Matrix
การได้เห็น เควิน คอสต์เนอร์ สลัดภาพพระเอกแสนดีมาสวมบทตัวร้ายโรคจิตคือความบันเทิงขั้นสูงสุด เขาดูสนุกกับบทบาทนี้มาก และการปะทะกันกับ เคิร์ต รัสเซลล์ ก็เต็มไปด้วยเคมีที่ดุเดือด แม้พล็อตเรื่องจะเต็มไปด้วยรูโหว่และไม่สมเหตุสมผล แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะหนังเรื่องนี้สร้างมาเพื่อมอบความมันส์และความบันเทิงแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
- IMDb: ให้คะแนน 6.0/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์เพียง 14% ซึ่งตอกย้ำความเป็นหนัง “คัลท์” ที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อเอาใจนักวิจารณ์ แต่เพื่อคอหนังโดยเฉพาะ
mm-39
⭐ 7/10
หนังเรื่องนี้เป็นหนังขยะประเภทหนึ่งที่ผมชอบกินมาก หนังประเภทนี้จะจัดอยู่ในประเภทห่วยๆ และมันก็เป็นแบบนั้น แต่หนังประเภทนี้เป็นห่วยๆ ที่คนส่วนใหญ่ต้องการแต่คนดูชั้นสูงไม่ชอบ สำหรับหนังแอ็กชั่นแล้วถือว่าดีมาก มีบางฉากที่ดำเนินเรื่องช้าๆ และฉากแอ็กชั่นตอนจบก็เดาทางได้นิดหน่อยด้วยจำนวนการฆ่าที่สูง แต่กลับจบลงได้ยอดเยี่ยม เป็นหนังคาวบอยเก่าๆ ที่เป็นหนังโรดมูวีที่ทำให้ผมหลีกหนีจากความเป็นจริงด้วยอาหารขยะที่ผมรักและต้องการ การแสดงก็ยอดเยี่ยม คอสต์เนอร์เล่นเป็นคนขี้แยมากในหนังเรื่องนี้ ทัศนคติของเขาทำให้ผู้ชมไม่ชอบเขา เหมือนกับคนเลวในมวยปล้ำ คอสต์เนอร์ควรเล่นเป็นคนเลวต่อไป ผมเชื่อว่านี่คือจุดแข็งของเขา รัสเซลล์เล่นเป็นพระเอกหรือคนเลวที่ไม่เลวเกินไป ตัวละครรัสเซลล์เป็นคนอเมริกันโดยสมบูรณ์ เขาเล่นได้ดีทีเดียว ดูหนังเรื่องนี้ให้จบเพราะจะมีโบนัสตอนเครดิต วิดีโอของเอลวิส และฉากตลกๆ จากหนัง อย่าเครียด และให้เวลาตัวเองดูหนังเรื่องนี้
puttputtk
⭐ 6/10
3000 Miles to Graceland (2001) เป็นหนังที่ให้คะแนนและวิจารณ์ยาก ควรให้คะแนนตามความบันเทิงหรือว่าให้คะแนนตามความแย่ของหนัง ฉันเดาว่าฉันจะเจอพวกเขาที่ไหนสักแห่งตรงกลาง เริ่มต้นด้วยข้อดี 3000 Miles to Graceland เป็นหนังที่สนุกมากและทำให้คุณดูต่อได้ มันมีเอฟเฟกต์เจ๋งๆ มากมายและฉากแอ็กชั่นที่ยอดเยี่ยม และเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดี แม้ว่าจะไร้สาระในหลายๆ ด้าน อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันพูดได้ดีเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำได้ค่อนข้างดี ไม่ใช่เสมอไป แต่บ่อยครั้ง ด้วยนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์อย่างพวกเขา (ส่วนตัวฉันชอบตัวละครของคอสต์เนอร์) มันยากที่จะไม่ให้โอกาสมัน และฉันคิดว่ามันสมควรได้รับชมอย่างน้อยก็สำหรับแฟนๆ หนังแอ็กชั่น ในทางกลับกัน หนังเรื่องนี้ค่อนข้างแย่เลยทีเดียว นักแสดงส่วนใหญ่แสดงได้แย่มาก และมีบทสนทนาที่ธรรมดาและไร้สาระมากมาย อย่างที่ฉันได้กล่าวไปแล้ว มันมีโครงเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม การพยายามให้ดูเท่และมีฉากแอ็คชั่นมากขึ้นทำให้เนื้อเรื่องอ่อนแอลงและทำให้หนังแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อจบเรื่องด้วยฉากจบที่ชัดเจนแต่ไม่เหมาะสม คุณก็จะได้ 3000 Miles to Graceland ฉันคิดว่าหลายๆ คนจะชอบหนังเรื่องนี้หากพวกเขาตั้งใจจะดูหนังแอ็คชั่นฮาร์ดคอร์ ไม่ใช่หนังที่ดีโดยรวม หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณเพลิดเพลิน แต่ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ ฉันคิดว่าคุณคงจะเห็นด้วยว่าฉากแอ็คชั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูได้
Chance_Boudreaux19
⭐ 6/10
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผสมผสานกันหลายอย่าง ก่อนอื่นเลย มันไม่ใช่แบบที่ฉันคาดหวังไว้เลย ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังตลกที่ผู้ชายแต่งตัวเลียนแบบเอลวิสเพื่อทำการปล้น และถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วมันเป็นหนังแนวอาชญากรรมมากกว่า และการปล้นเกิดขึ้นในช่วงสามสิบนาทีแรก ส่วนเนื้อหาที่เหลือจะพูดถึงผลที่ตามมา ซึ่งน่าผิดหวังมาก เพราะจากเนื้อเรื่อง ฉันเตรียมใจไว้แล้วว่าจะดูหนังแนว Ocean’s Eleven ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นแก๊งที่จัดฉากการปล้นและดำเนินการตามแผนในองก์สุดท้าย เรื่องนี้ไม่ได้มีการวางแผนอะไรมาก และเข้าเรื่องเลย การปล้นค่อนข้างน่าผิดหวังและไม่สมจริง แต่ก็สนุกดีเนื่องจากมันบ้าระห่ำและรุนแรงมาก ฉันยังอยากเห็นการเลียนแบบเอลวิสของเคิร์ต รัสเซลล์อีก ซึ่งเขาทำได้ดีมากในอดีต มีบางฉากที่เราได้เห็น แต่ไม่เพียงพอเมื่อฉันคาดหวังว่าเขาจะทำได้ตลอดทั้งเรื่อง น่าแปลกใจที่ Kevin Costner เป็นคนขโมยซีนในบทบาทเดียวที่เขาเล่นเป็นตัวร้าย ซึ่งเป็นบทบาทเดียวที่ผมเคยเห็นเขาเล่นบทบาทนั้น เขาแสดงได้อย่างเต็มที่ในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แสดงได้แตกต่างไปจากบทบาทปกติของเขาอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูดีมากในแง่ของการถ่ายภาพ และนักแสดงคนอื่นๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะแย่และโง่เง่าอย่างเหลือเชื่อ แต่ในบางครั้งมันก็สนุกจริงๆ ผมไม่สามารถให้คะแนนแย่ๆ ได้เมื่อผมสนุกกับการดูมันจริงๆ เป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะบ่นไปบ้างก็ตาม มันเป็นภาพยนตร์ประเภทที่คุณอาจจะเบื่อ แต่ทันใดนั้น Ice T ก็ปรากฏตัวขึ้นจากเพดานและขว้างระเบิดใส่คนด้วยปืน Uzi (ซึ่งเกิดขึ้นจริง) บางครั้งมันก็แย่จนน่าหัวเราะ โดยเฉพาะในช่วงแนะนำ CGI ที่แย่มาก และบางครั้งก็เป็นภาพยนตร์อาชญากรรมที่พอใช้ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันรำคาญจริงๆ ก็คือเพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในยุคนั้น เนื่องจากส่วนใหญ่มักเป็นเพลงเทคโนห่วยๆ ในช่วงต้นยุค 2000 และเราได้ยินเพลงของเอลวิสเพียงหนึ่งหรือสองเพลงเท่านั้น ฉันขอโทษ แต่ในภาพยนตร์ที่มีธีมเอลวิส ฉันคาดหวังว่าเพลงประกอบภาพยนตร์ 90% จะเป็นเพลงของราชาเอลวิส ดังนั้นการที่เพลงเทคโนเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์จึงเป็นเรื่องน่ารำคาญมาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเพลงประกอบภาพยนตร์จะแย่ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังดูได้และสนุกอยู่ดี โดยมีการแสดงของคอสต์เนอร์ที่ขโมยซีนได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นจุดขายหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชอบหนังแอ็คชั่น-อาชญากรรมที่มีสไตล์จัดจ้านและคาดเดาไม่ได้ เราขอแนะนำ:
- True Romance (1993): หนังอาชญากรรมสุดคัลท์จากบทของเควนติน ทาแรนติโน ที่มีทั้งความรัก, ความรุนแรง, และตัวละครสุดเพี้ยน
- Smokin’ Aces (2006): หนังแอ็คชั่นรวมดาวอีกเรื่องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย, การหักหลัง, และฉากยิงกันสุดสร้างสรรค์
- Reservoir Dogs (1992): หนังปล้นในตำนานของทาแรนติโน ที่เล่าเรื่องราว “หลัง” การปล้นที่ผิดพลาด
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้โหดแค่ไหน?
A: โหดมากครับ! เป็นหนังเรท R ที่ขึ้นชื่อเรื่องฉากยิงกันที่รุนแรงและเลือดสาดแบบมีสไตล์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่เป็นเด็กหรือคนที่ไม่ชอบความรุนแรง
Q: ทำไม เควิน คอสต์เนอร์ ถึงมารับบทตัวร้าย?
A: เป็นความตั้งใจของเขาที่จะฉีกภาพลักษณ์พระเอกแสนดีที่เคยแสดงมาครับ ซึ่งนักแสดงหลายคนมักจะทำเพื่อท้าทายความสามารถของตัวเอง และการแสดงของเขาในเรื่องนี้ก็ถูกยกให้เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของหนังเลยทีเดียว
Q: หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับ เอลวิส เพรสลีย์ จริงๆ เหรอ?
A: ไม่ใช่ครับ “เอลวิส” เป็นเพียง “ธีม” ของเรื่องเท่านั้น กลุ่มโจรใช้การแต่งตัวเป็นเอลวิสเพื่อปล้นคาสิโนในงานชุมนุมเอลวิส และตัวละครของเควิน คอสต์เนอร์ ก็หมกมุ่นกับเขามาก แต่นี่ไม่ใช่หนังชีวประวัติครับ
บทสรุป: 3000 Miles to Graceland คือหนังแอ็คชั่นสุดบ้าระห่ำที่เป็นตัวแทนของความ “คูล” ในยุค 2000 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันอาจจะไม่ได้มีบทที่ลึกซึ้ง แต่มันมีความมันส์, สไตล์, และการแสดงสุดขั้วมาชดเชยได้อย่างเต็มเปี่ยม หากคุณกำลังมองหาหนังปล้นที่ทั้งดิบเถื่อนและสนุกแบบไม่ต้องแคร์ตรรกะ นี่คือหนังที่คุณต้อง “ดูหนัง” ให้ได้!