ดูหนัง 47 Meters Down (2017) 47 ดิ่งลึกเฉียดนรก
แน่นอนครับ! คืนนี้ Movie24HD ขอเอาใจคอหนังระทึกขวัญ ชวนคุณดำดิ่งไปสัมผัสประสบการณ์อึดอัดจนแทบหยุดหายใจกับ “47 Meters Down” (2017) หรือในชื่อไทย “47 ดิ่งลึกเฉียดนรก” ภาพยนตร์ที่จะทำให้การไปเที่ยวทะเลของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เรื่องย่อ
เรื่องราวติดตามสองพี่น้อง ลิซ่า (แมนดี้ มัวร์) และ เคท (แคลร์ โฮลท์) ที่เดินทางไปพักร้อนที่ประเทศเม็กซิโก เพื่อเยียวยาแผลใจให้กับลิซ่าที่เพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่ม เคทผู้เป็นน้องสาวจึงชักชวนให้ลิซ่าลองทำอะไรบ้าๆ เพื่อสร้างความทรงจำใหม่ๆ ด้วยการไปดำน้ำในกรงชมฉลาม (Shark Cage Diving) กับเรือท้องถิ่นที่ดูไม่น่าไว้วางใจนัก
แม้ลิซ่าจะลังเลเพราะเธอไม่มีประสบการณ์ดำน้ำเลย แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจน้องสาว ทั้งคู่ลงไปอยู่ในกรงเหล็กและถูกหย่อนลงไปใต้ทะเลที่ความลึก 5 เมตรเพื่อชมฉลามขาว แต่แล้วฝันร้ายก็กลายเป็นจริง เมื่อสายสลิงที่ยึดกรงเกิดขาดสะบั้น! ทำให้กรงเหล็กพร้อมกับสองสาวร่วงดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรที่ความลึก 47 เมตร
พวกเธอต้องติดอยู่ในความมืดมิดใต้ทะเลลึก สัญญาณวิทยุขาดๆ หายๆ อากาศในถังออกซิเจนกำลังจะหมดลง และที่เลวร้ายที่สุดคือ พวกเธอไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กลับถูกล้อมรอบไปด้วยฝูงฉลามขาวที่กำลังหิวโหย สองพี่น้องจึงต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์สุดวิกฤตที่ทุกวินาทีคือความเป็นความตาย
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
“47 Meters Down” คือหนังทุนต่ำที่ประสบความสำเร็จเกินคาด และกลายเป็นหนึ่งในหนังระทึกขวัญเอาตัวรอดจากฉลามที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในยุคหลัง เรื่องย่อคร่าว ๆ ก็คือสองสาว เคท กับ ลิซ่า ไปเที่ยวทัวร์ชมฉลามแบบใกล้ชิดโดยเอาตัวเข้าไปอยู่ในกรง แล้วก็ค่อย ๆ หย่อนกรงลึกลงไปกลางทะเลเพื่อชมฉลามแบบใกล้ชิด แต่ที่นี้ดันเกิดเหตุไม่ขาดฝัน เมื่อสายสลิงดันขาด เลยทำให้กรงหล่นลงไปที่พื้นทะเล ด้วยระดับความลึกถึง 47 เมตร แถมอากาศในถังอ๊อกซิเจน ก็หมดไปเรื่อย ๆ + หนังโฟกัสไปที่การเอาตัวรอดของตัวละครจริง ๆ ที่ต้องพยามเอาตัวเองออกจากกรงขัง แล้วก็ต้องหาทางพยามติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่บนเรือที่ผิวน้ำให้มาช่วยให้เร็วที่สุด + หนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึก Real สมจริง ไม่มีอภินิหาร ไม่มีการทำตัวเห็นฮีโร่ใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งถ้าเทียบกับหนังฉลามอย่างเรื่อง The Shallow (2016) เรื่องนั้นฉากสู้กับฉลามตอนสุดท้ายผมว่านางเอกมันเก่งเวอร์ไปหน่อย ดูโอเวอร์เหนือจริงเกินไป + 47 Meters Down ตัวละครจะไม่พยามทำตัวเป็นฮีโร่ ไม่พยามฝืนหาเรื่องต่อสู้กับฉลาม เพราะแค่ลำพังสองสาวพยามสงบสติอารมณ์ หายใจช้า ๆ เพื่อให้อากาศในถังอ๊อกซิเจนค่อย ๆ หมดช้า ๆ ยังยากเลย (ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งหายใจแรง อากาศในถังอ๊อกซิเจนยิ่งหมดเร็ว) + ฉลามในเรื่องนี้ มีการเคลื่อนไหวแบบเป็นธรรมชาติของฉลามจริง ๆ ไม่ใช่ฉลามกลายพันธุ์ ไม่ใช่ฉลามปรุงแต่งสมองให้ฉลาดกว่าปกติ ไม่พยามจู่โจมคนแบบโอเวอร์เหมือนหนังฉลามเรื่องอื่น ๆ คือ ด้วยธรรมชาติของฉลามมันจะจู่โจมเพราะมันเห็นเหยื่อจริง ๆ หรือไล่ตามเหยื่อเพราะได้กลิ่นเลือด + ฉลามในเรื่อง ออกมาพอประมาณ แต่ก็ไม่บ่อยมาก ยังถือว่ามีค่าตัวแพงอยู่ แต่ฉากฉลามโผล่ออกมาแต่ละทีนี่ “ตุ้งแช่” แทบทุกฉาก (เตรียมกรี๊ดไว้ได้เลย) และขอบอกเลยว่า ฉลามตัวใหญ่มากกก (แต่ไม่โอเวอร์) + บรรยากาศในเรื่องค่อนข้างกดดัน เพราะทั้งเรื่องอยู่ในทะเลลึก ฉากก็จะมืด ๆ อาศัยเพียงไฟฉายส่องไปส่องมา แต่ไอ้ฉากส่องไฟฉายนี่แหละที่โคตรลุ้น เพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรโผล่ออกมา หรือ ฉลามมันโผล่มาตอนไหน คือ เดาไม่ได้จริง ๆ + อย่างใน The Shallow เนี่ย คือ เราจะเห็นนางเอกอยู่บนโขดหิน แล้วก็เห็นฉลามว่ายไปมา แต่ในเรื่อง เนี่ย ตัวละครและคนดูไม่มีทางรู้เลยว่า ฉลามมันจะโผล่มาตอนไหน เพราะในทะเลมันมืดมาก วังเวง น่ากลัว อ๊อกซิเจนก็จะหมด กว่าจะรู้ตัวอีกที ฉลามก็อาจจะพุ่งกระโจนมาตรงหน้าแล้ว + ดนตรีในเรื่อง บางฉากจะค่อนข้างเร็ว ๆ แรง ๆ เร้าอารมณ์ ถึงแม้ฉากนั้นอาจจะไม่มีฉลามโผล่ออกมา แต่ดนตรีก็ทำให้รู้สึกลุ้นเอาใจช่วยตัวละคร และก็ลุ้นว่า “ฉลามแมร่งจะโผล่มาตอนไหนวะ โคตรกดดัน” + CG ในเรื่อง สมจริงมาก ฉลามนี่แทบดูไม่ออกว่า CG หรือของจริง จนหลาย ๆ ฉากผมนึกว่านี่เอานักแสดงไปเล่นกับฉลามจริง ๆ หรือเปล่าเนี่ย + ฉากจบในเรื่อง บอกตรง ๆ ว่าอึ้ง ผมไม่คิดว่า ผกก. จะกล้าใช้ฉากจบแบบนั้น แต่เมื่อผมดูถึงมูลเหตุที่ทำให้เกิดฉากจบแบบนั้น ผมก็รู้สึกว่า ก็สมเหตุ สมผลดี (อยากรู้ว่า อึ้ง ยังไง ต้องไปดูในโรงเอาเองครับ) + ถ้า The Shallow ทำให้คุณขวัญผวากับฉลามมาแล้ว ผมว่าเรื่องนี้ ตื่นเต้น ลุ้นระทึกพอ ๆ กัน (วัดโดยรวมทั้งเรื่อง) + สรุปโดยรวมทั้งเรื่อง ผมชอบนะ ชอบมาก ให้คะแนน 8/10 เรตเดียวกับ The Shallow แต่ผมให้ ดีกว่านิดหน่อยตรงที่ หนังทำออกมาได้สมจริง ไม่โอเวอร์ คือ ดูแล้วแบบเป็นการเอาตัวรอดของมนุษย์จริง ๆ ไม่มีการไปบ้าพลังฝืนสู้กับฉลาม ไม่มีการใช้พลังมิตรภาพเอาตัวรอดได้แบบปาฏิหาริย์ + อย่าเอา 47 Meters Down ไปเปรียบเทียบกับ Deep Blue See เพราะเรื่องนั้นมันกลายเป็นตำนานไปแล้ว และโดยส่วนตัวผมคิดว่า Deep Blue See เป็นหนังแอ็คชั่นสู้กับฉลาม มากกว่าที่จะเป็นหนังเอาตัวรอด (และหนังแมร่งโอเวอร์โคตร ๆ) – ผมว่าช่วงท้ายเรื่อง มันอาจจะเนือย ๆ นิดนึง แต่โดยรวมก็ถือว่า ลุ้นระทึก เกือบทั้งเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมแนะนำให้ไปดูในโรงครับ (ส่วนตัวผมอยากให้เรื่องนี้ฉายในระบบ IMAX 3D จะเสียวว่านี้มาก) หนังเข้าไทย 13 กรกฎาคมนี้ ผมก็ว่าจะไปดูในโรงซ้ำอีกรอบเหมือนกันครับ การันตีว่า ตื่นเต้น ลุ้นระทึก คุ้มค่าบัตรแน่นอนครับ (ใครดูเรื่องนี้แล้วยังหลับได้นี่ ผมซูฮกเลยครับ) 🤩 8/10 ก่อนที่เราจะนั่งลงในโรงภาพยนตร์ เรารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กสาวสองคนดำน้ำลึกเข้าไปในกรงฉลาม และดันไปติดอยู่ในกรงนั้นลึกลงไป 47 เมตรใต้ผิวน้ำ เนื่องจากพวกเธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เราจึงรู้ว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จากนั้นฉลามก็ปรากฏตัวขึ้น เนื่องจากพวกเธอเป็นฉลามในหนังสยองขวัญ เราจึงรู้ว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ไม่มีที่ว่างสำหรับความประหลาดใจใดๆ หากคุณคาดหวังว่าจะมีการหักมุมของเนื้อเรื่องและการพัฒนาตัวละครอย่างรุนแรง คุณคงไม่ดูหนังแนวนี้บ่อยนัก มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว และหนังก็รู้ดี แม้จะมีปริศนาที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวคือ สาวๆ คนไหนจะรอดชีวิต หรืออาจจะรอดทั้งคู่ แต่หนังเรื่องนี้กลับสามารถมอบความหักมุมที่สดใหม่ได้ อาจฟังดูกล้าหาญเกินไปเมื่อพูดถึงหนังฉลามโจมตีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แต่ลองคิดดูสักนิด ความหักมุมนี้แอบแฝงไว้ด้วยความชาญฉลาด และช่วยอธิบายความผิดพลาดอันน่าสะพรึงกลัวมากมายเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ ฉันประหลาดใจที่พบว่าตัวเองกำลังปกป้องหนังที่ฉันไม่ชอบมากนัก แต่ฉันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้ไม่สมควรได้รับคำวิจารณ์ แต่มันสมควรได้รับอย่างแน่นอน การแสดงของนักแสดงได้คะแนนตกทุกด้าน บทสนทนาเต็มไปด้วยคำอธิบายที่น่าอายและบทพูดซ้ำๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีคำเตือนจากกัปตันเกี่ยวกับโค้ง บางครั้งก็มีรูปแบบที่สาวๆ เล่าเรื่องงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างน่ารำคาญขณะที่พวกเธอกำลังทำอยู่ หนึ่งหรือสองครั้งอาจจะโอเค แต่มันจะยากจะทนหลังจากผ่านไปประมาณสิบรอบ ความคิดของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ บางทีผู้สร้างภาพยนตร์อาจรู้ว่ามันมืดเกินกว่าจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่อง พวกเขาจึงให้สาวๆ พูดทุกอย่างออกมาดังๆ วิธีแก้ปัญหานี้ดูสมเหตุสมผลพอๆ กับการวิ่งห้าไมล์หลังจากดื่มนมบูดโดยรู้ตัว หากปัญหาใดหลีกเลี่ยงได้ง่าย ก็จงหลีกเลี่ยงปัญหานั้น อย่าพยายามหาวิธีแก้ปัญหาที่แทบจะไม่ช่วยแก้ไขสถานการณ์เลย ทั้งหมดที่กล่าวมา ฉันเห็นด้วยกับหนังเรื่องนี้เพราะฉันคิดว่ามันบรรลุภารกิจได้ค่อนข้างดี ผมขยับตัวจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้และรู้สึกไม่สบายใจอยู่หลายครั้ง หนังเรื่องนี้สามารถทำให้คนดูตกใจได้ และก็ทำได้โดยมีฉากตกใจน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่หนังกลับสร้างฉากที่ปกติแล้วจะต้องจบด้วยฉากตกใจสุดขีด กลับเลือกที่จะไม่สร้างฉากนั้นขึ้นมา เป้าหมายก็ยังสำเร็จอยู่ดี ฉากเหล่านั้นยังคงทำให้คนดูรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนดูหวาดกลัวแบบประชดประชันด้วยการพูดว่า “บู” ผมอยากเห็นหนังเรื่องอื่นๆ เลียนแบบกลยุทธ์นี้ คำแนะนำของผมคือ ถ้าคุณจะดูหนังเรื่องนี้ จงเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังเผชิญ หนังเรื่องนี้คงไม่ทำให้ประหลาดใจ และนั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของมัน จงมีเหตุผลกับความคาดหวังของคุณ ยอมรับจุดแข็งและจุดอ่อนของหนัง เข้าใจถึงความน่ากลัวของสถานการณ์หากคุณติดอยู่ในกรงฉลามที่พื้นมหาสมุทร และอย่าลังเลที่จะหัวเราะเยาะจุดอ่อนของหนัง ทำสองสิ่งนี้ แล้วคุณอาจจะเดินจากไปอย่างพึงพอใจ หากคุณไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น อย่าลงไปในน้ำ หากคุณชื่นชอบความรู้สึกกดดันและสถานการณ์บีบคั้นใน “47 Meters Down” ลองหาหนังเหล่านี้มาชมต่อได้เลย: Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงหรือไม่? A: ไม่ได้สร้างจากเรื่องจริงครับ แต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากความกลัวพื้นฐานของมนุษย์และความน่าสะพรึงกลัวของทะเลลึก Q: ถ้าตกไปที่ความลึก 47 เมตรจริงๆ จะเป็นอย่างไร? อันตรายแค่ไหน? A: อันตรายอย่างยิ่งครับ ที่ความลึกขนาดนั้น แรงดันน้ำมหาศาลจะทำให้เกิดภาวะ “โรคน้ำหนีบ” หรือ Decompression Sickness หากขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไป ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีภาวะเมาไนโตรเจน (Nitrogen narcosis) ที่ทำให้เกิดอาการสับสนและตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย ซึ่งหนังได้หยิบยกประเด็นเหล่านี้มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของพล็อตเรื่องด้วย Q: “47 Meters Down” มีภาคต่อหรือไม่? A: มี ในปี 2019 ได้มีภาคต่อในชื่อ “47 Meters Down: Uncaged” ซึ่งเปลี่ยนตัวละครและสถานการณ์ใหม่ทั้งหมด เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ดำน้ำเข้าไปในเมืองโบราณใต้ทะเลและต้องเผชิญหน้ากับฉลามตาบอดสุดดุร้าย นักแสดงและผู้กำกับ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพยนตร์
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Q&A คำถามน่ารู้เกี่ยวกับหนัง
