Agent Cody Banks (2003) พยัคฆ์หนุ่มแหวกรุ่น

นักแสดงนำและผู้กำกับ

 

• แฟรงกี้ มูนิซ (Frankie Muniz) รับบทเป็น โคดี้ แบงค์ส: ในยุคที่เขาโด่งดังสุดขีดจากซีรีส์ Malcolm in the Middle
• ฮิลารี ดัฟฟ์ (Hilary Duff) รับบทเป็น นาตาลี คอนเนอร์ส: ขวัญใจวัยรุ่นเจ้าของบท “ลิซซี่ แม็คไกวร์”
• แองจี้ ฮาร์มอน (Angie Harmon) รับบทเป็น โรนิก้า ไมล์ส
• เอียน แม็คเชน (Ian McShane) รับบทเป็น ดร.บริงค์แมน ตัวร้ายของเรื่อง
• ผู้กำกับ: ฮาราลด์ ซวาร์ต (Harald Zwart) (ผู้กำกับ The Karate Kid เวอร์ชั่นรีเมคปี 2010)

โปสเตอร์หนัง

รีวิวและบทวิเคราะห์

 

Agent Cody Banks คือความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัว มันคือหนังที่หยิบเอาสูตรสำเร็จของหนังสายลับมาเล่าใหม่ในมุมมองที่สดใสและตลกขบขัน

• ฮีโร่ที่น่าเอาใจช่วย: จุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นและน่ารักคือการสร้างให้ตัวเอกมีจุดอ่อนที่ “จริง” และ “ตลก” มาก การที่สายลับผู้เก่งกาจกลับต้องมาติดอ่างทุกครั้งที่เจอสาวสวย คือสิ่งที่ทำให้ตัวละครนี้มีเสน่ห์และเข้าถึงใจผู้ชมวัยรุ่นได้ง่าย
• แอ็คชั่นที่สนุกสนาน: หนังเต็มไปด้วยอุปกรณ์สายลับสุดเจ๋งและฉากแอ็คชั่นที่ดูสนุกและไม่รุนแรงจนเกินไป เหมาะสำหรับผู้ชมที่เป็นเด็กและวัยรุ่น
• เสน่ห์ของยุค Y2K: หนังเรื่องนี้คือแคปซูลเวลาที่สมบูรณ์แบบ ที่จะพาเราย้อนกลับไปสู่แฟชั่น, เพลง, และบรรยากาศของหนังวัยรุ่นในยุค 2000 ต้นๆ
• IMDb: ให้คะแนน 5.1/10
• Rotten Tomatoes: แม้นักวิจารณ์จะมองว่าหนังค่อนข้างไร้สาระ (46%) แต่หนังก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงใน Box Office และกลายเป็นหนังขวัญใจของเด็กๆ ในยุคนั้น

หมื่นทิพ

⭐ 6/10

เรื่องสไตล์สายลับรุ่นจิ๋วนะครับ พระเอกก็เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า โคดี้ แบงค์ส (Frankie Muniz) นักเรียนท่าทางซื่อๆ คนหนึ่ง ดูไร้พิษภัย แต่ไม่มีใครทราบครับว่าจริงๆ แล้วเขาคือหนึ่งในเด็กที่ถูกคัดเลือกให้ไปรับการฝึกอย่างลับๆ จากซีไอเอ ให้เป็นสายลับจิ๋ว และภารกิจแรกของเขา นั่นคือ การไปตีสนิทกับ นาตาลี คอนเนอร์ส (Hilary Duff) ลูกสาวของ ดร. คอนเนอร์ส นักวิทยาศาสตร์ผู้ลึกลับ (Martin Donovan) เพื่อที่โคดี้จะได้เข้าไปสืบในบ้านของเธอ และจะได้รู้ว่าพ่อของนาตาลีกำลังประดิษฐ์อะไรให้กับใครอยู่ เพราะจากข่าวที่ซีไอเอได้รับมานั้น มันต้องมีวายร้ายที่หมายจะทำลายโลกอยู่เบื้องหลังแน่นอน แนวมันก็เป็นสไตล์สายลับรุ่นเยาว์ ซึ่งทำได้สนุกครับ Muniz แสดงได้ดี ดูเก่งแบบเป็นไปได้ จนเราทำใจเชื่อได้ไม่ยากว่าพี่แกเป็นสายลับที่ได้รับการฝึกมาจริงๆ และขณะเดียวกันเวลาพี่แกต๊องก็ต๊องซะนึกว่าเป็นจริงๆ ซะอีก

ซึ่งตัว Muniz นั้นก็ดังพอตัวนะครับ ที่อเมริกาน่ะ เพราะมีซีรี่ส์ของตัวเองอยู่ (Malcolm in the Middle) และการที่หนังเรื่องนี้สร้างออกมาก็เพื่อกะจะขายเขาเลยล่ะครับ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอประมาณ แล้วยังได้สาวสวยน่ารักอย่าง Duff มาอีกคน ส่วนวายร้ายนั้น กลับไม่ค่อยจะเด่นนักครับ ตัวที่โอเคหน่อย ก็คือโมเล่ย์ (Arnold Vosloo – พี่อิมโฮเทปจาก The Mummy ทั้ง 2 ตอน) ที่ดูบ้าคลั่งใช้ได้ ซึ่งก์ไม่แปลก เพราะที่แกถนัดบทแบบนี้อยู่แล้วน่ะ ตัวหนังมันก็โอเคนะ สนุกดี ดูได้เรื่อยๆ ในระดับพอๆ กับ Spy Kids แต่จะจริงจังมากกว่า เอาเป็นว่าถ้าชอบหนังแนวสปายแบบนี้ ก็ลองดูได้ครับ ผมว่าสนุกไม่เลวนะ พวกสาระความเป็นไปได้ก็ต้องขอให้พักไว้ก่อนล่ะครับ ไม่ต้องไปคิดหรอก เพราะถ้าคิดนี่คงมึนน่ะ เอาแค่เด็กคนหนึ่งเป็น CIA มือดีนี่ก็เว่อร์สุดๆ แล้ว

ma-cortes

⭐ 6/10

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงเด็กหนุ่มขี้อาย (แฟรงกี้ มูนิซ) ที่ยอมฟังมุกตลกของเพื่อนร่วมชั้น แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นสายลับ CIA เขาได้รับมอบหมายจากหัวหน้า (คีธ เดวิด) ให้ปฏิบัติภารกิจอันตราย จากนั้นเขาก็ได้พบกับเด็กสาววัยรุ่น (ฮิลลารี ดัฟฟ์) ซึ่งพ่อของเธอ (มาร์ติน โดโนแวน) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในอุตสาหกรรมนาโนเทคโนโลยีให้กับเหล่าร้าย (เอียน แมคเชน และอาร์โนลด์ วอสลู) เด็กสาวได้รับความช่วยเหลือจากสายลับสาวสวย (แองจี้ ฮาร์มอน) เนื้อเรื่องอาจจะดูไร้สาระไปสักหน่อย แต่เราอยู่ในหนังตลกล้อเลียนที่เล่าเรื่องด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีความประหลาดใจมากมาย ทั้งตลกและน่าขบขัน ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งความระทึกขวัญ ตลกขบขัน เต็มไปด้วยอารมณ์ แอ็คชั่น เสียดสี และการไล่ล่ามากมายด้วยความเร็วที่น่าประทับใจ บทภาพยนตร์ได้รับการพัฒนามาอย่างดี รวมถึงตัวละครและฉากแอ็กชั่นสุดเร้าใจที่ผสานเข้ากับเทคนิคพิเศษอันยอดเยี่ยมหลากหลายรูปแบบ ความบันเทิงและความบันเทิงยังคงดำเนินต่อไปตั้งแต่ต้นจนจบ ช่วงเวลาแห่งอารมณ์ขันของแฟรงกี้ มูนิซ

กับความผิดพลาดและความผิดพลาดมากมายที่เกิดขึ้นเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายและความเสี่ยงจากเหล่าร้าย เป็นการล้อเลียนภาพยนตร์ของเจมส์ บอนด์ แม้กระทั่งสิ่งประดิษฐ์ที่บินได้เหมือนใน “Thunderball” บวกกับบทบาท “Q” ผู้ส่งอาวุธที่สอนการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่โคดี้ แบงค์สจะนำมาใช้ในภายหลัง ฉากสุดท้ายที่น่าตื่นเต้นระหว่างตัวเอกและเหล่าร้ายบนกองบัญชาการบนภูเขานั้นน่าทึ่งมาก และต้องยกความดีความชอบให้กับตัวร้ายประจำอย่างอาร์โนลด์ วอสลู (เดอะมัมมี่) เขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก ภาพยนตร์โดยเดนิส ครอสแซน กำกับภาพสีสันสดใส ภายนอกสำนักงานใหญ่ CIA ถ่ายทำที่ Academic Quadrangle มหาวิทยาลัย Simon Fraser ใกล้เมืองแวนคูเวอร์ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองนี้ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่มีชีวิตชีวาและเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศโดย John Powell กำกับภาพยนตร์โดย Harald Zwart (One Night at McCool’s, Commando Hamilton, Pink Panther 2) ให้คะแนน: สนุกและดี

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

 

หากคุณชอบหนังแนวสายลับวัยทีนสุดป่วน เราขอแนะนำ:

1. Spy Kids (2001): หนังสายลับเด็กอีกเรื่องที่โด่งดังและประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายในยุคเดียวกัน
2. Johnny English (2003): หนังสายลับสุดฮาฉบับผู้ใหญ่ที่เปิ่นไม่แพ้กัน
3. Kingsman: The Secret Service (2014): หากอยากดูเวอร์ชั่นที่โหด, ดิบ, และมันส์กว่าสำหรับผู้ใหญ่ เรื่องนี้คือคำตอบ
4. Alex Rider: Stormbreaker (2006): หนังสายลับวัยรุ่นอีกเรื่องที่สร้างจากนิยายชื่อดัง

 

คำถามที่พบบ่อย (Q&A)

 

Q: หนังเรื่องนี้สนุกเหมือน Spy Kids ไหม?

A: มีความสนุกและบรรยากาศแอ็คชั่น-ผจญภัยที่คล้ายกันมากครับ! Spy Kids จะเน้นเรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัวสายลับ ส่วน Agent Cody Banks จะเน้นไปที่ชีวิตในโรงเรียนและความเป็น “เจมส์ บอนด์ วัยทีน” มากกว่า ถ้าคุณชอบเรื่องหนึ่ง ก็มีโอกาสสูงมากที่จะชอบอีกเรื่องครับ

Q: หนังเรื่องนี้เหมาะกับเด็กๆ ไหม?

A: เหมาะมากครับ! เป็นหนังแอ็คชั่น-คอเมดี้สำหรับครอบครัว (เรท PG) ที่มีความรุนแรงในระดับที่พอเหมาะและมีมุกตลกที่เบาสมอง เหมาะสำหรับเด็กและวัยรุ่นตอนต้น

Q: มีภาคต่อไหม?

A: มีครับ! หนังมีภาคต่อชื่อว่า Agent Cody Banks 2: Destination London (2004) ที่พาโคดี้ แบงค์ส ไปผจญภัยต่อที่กรุงลอนดอนครับ

บทสรุป: Agent Cody Banks คือหนังแอ็คชั่น-คอเมดี้ที่น่ารัก, มีเสน่ห์, และเต็มไปด้วยความสนุกสนานแบบฉบับ Y2K อย่างแท้จริง เป็นหนังครอบครัวที่สมบูรณ์แบบและเป็นภาพความทรงจำที่ดีสำหรับใครก็ตามที่เติบโตมาในยุคนั้น มันคือหนังที่พิสูจน์ให้เห็นว่า… แม้แต่สุดยอดสายลับ ภารกิจที่ยากที่สุดก็คือการคุยกับคนที่แอบชอบ!