นักแสดงและผู้กำกับ
- เรียว อิชิบาชิ (Ryo Ishibashi) รับบทเป็น อาโอยามะ ชายวัยกลางคนที่โหยหาความรัก
- เอฮิ ชิอินะ (Eihi Shiina) รับบทเป็น อาซามิ ยามาซากิ บทบาทที่สร้างชื่อให้เธอกลายเป็นตำนาน ด้วยการแสดงที่เปลี่ยนจากหญิงสาวผู้น่าสงสารไปสู่ปีศาจในคราบมนุษย์ได้อย่างน่าขนลุก
- จุน คูนิมูระ (Jun Kunimura) รับบทเป็น โยชิคาว่า เพื่อนสนิทของอาโอยามะ
ผู้กำกับ: ทาคาชิ มิอิเกะ (Takashi Miike) ผู้กำกับจอมขบถแห่งวงการหนังญี่ปุ่น เจ้าของผลงานสุดโหดและเซอร์เรียลมากมาย เช่น Ichi the Killer, 13 Assassins และ Gozu ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างชื่อเสียงให้เขาในระดับนานาชาติ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
Audition คือผลงานศิลปะที่เล่นกับความรู้สึกของคนดูได้อย่างโหดเหี้ยมที่สุดเรื่องหนึ่ง จุดเด่นคือการเล่าเรื่องแบบ “ตบหน้าคนดู” ที่หลอกให้เราตายใจไปกับบรรยากาศหนังรักโรแมนติกในครึ่งแรก ก่อนจะกระชากเราลงสู่นรกในครึ่งหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
หนังไม่ได้มีดีแค่ความโหด แต่ยังสอดแทรกประเด็นทางสังคมที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องการตีตราและมองผู้หญิงเป็นวัตถุ (Objectification), ผลกระทบจากบาดแผลในวัยเด็ก (Child Abuse) และความน่ากลัวของความเหงาที่ผลักดันให้มนุษย์ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 7.1/10 ซึ่งน่าทึ่งมากสำหรับหนังสยองขวัญที่รุนแรงระดับนี้
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากนักวิจารณ์สูงถึง 83% (Certified Fresh) และถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่สุดตลอดกาล
evanston_dad
⭐ 8/10
มีหนังเรื่อง “Audition” ประมาณ 15 นาทีที่ทุกคนจำได้และพูดถึง และมีหนังอีกประมาณ 95 นาทีที่คุณคิดว่าไม่มีอยู่จริงถ้าฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่นี่เป็นความผิดของผู้กำกับ เมื่อคุณตั้งใจที่จะทำให้ผู้ชมตกใจมากเท่ากับที่ทาคาชิ มิอิเกะทำในหนังเรื่องนี้ คุณโทษผู้ชมไม่ได้หรอก ถ้าสิ่งเดียวที่พวกเขาจำได้เกี่ยวกับหนังของคุณคือส่วนที่น่าตกใจ ซึ่งน่าเสียดาย เพราะเป็นมากกว่าหนังสยองขวัญธรรมดาๆ จริงๆ แล้วมันเป็นหนังดราม่าจิตวิทยาที่เข้มข้นแบบหนังของเดวิด ลินช์มากกว่า จริงๆ แล้ว ทั้งโครงสร้างและโทนของหนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง “Mulholland Drive” ของลินช์ และถ้าลินช์ไม่มีสไตล์และสไตล์การทำหนังที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผมคงสงสัยว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนี้บ้างหรือเปล่าตอนที่เขาสร้างหนังของตัวเอง
ความคิดเห็นอื่นๆ ที่นี่สรุปได้ดีว่าเกี่ยวกับ” อะไร ชายคนหนึ่ง (ชิเงฮารุ อาโอยามะ) กำลังโศกเศร้ากับการสูญเสียภรรยา เขาจึงพยายามหาผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบมาแทนที่เธอ เขาจึงจัดออดิชั่นปลอมๆ เพื่อรับบทในภาพยนตร์เพื่อตามหาเธอ แต่หญิงสาวที่ดึงดูดความสนใจของเขา (อาซามิ ยามาซากิ) กลับกลายเป็นนักแสดงที่เก่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นอื่นๆ ที่ไม่ได้สื่อถึงก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในโลกแห่งความฝัน และเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับจินตนาการนั้นเลือนลางเพียงใด สิ่งนี้ทำให้ความรุนแรงในช่วงท้ายเรื่องลดน้อยลง เพราะมีนัยยะสำคัญว่าความรุนแรงนี้เกิดขึ้นในฝันร้ายของตัวเอก
“ออดิชั่น” เป็นการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทที่ถูกจำกัดของผู้หญิงในสังคมญี่ปุ่นหรือไม่? เป็นเพราะความรู้สึกผิดของอาโอยามะที่รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีผู้หญิงมาแทนที่ภรรยาที่ตายไปแล้วของเขาหรือไม่? เป็นเพราะความกลัวที่จะหาผู้หญิงที่จะมาแทนที่เธอได้จริง ซึ่งทำให้สิ่งที่เขามีกับเธอลดน้อยลงหรือไม่? หนังเรื่องนี้พูดถึงความสัมพันธ์ทั้งหมดว่าเป็น “การออดิชั่น” หรือความสัมพันธ์ที่แต่ละคนต้องเผชิญ ซึ่งทำให้ตัวเองเปราะบางและถูกยอมรับหรือปฏิเสธตามอำเภอใจของอีกฝ่ายหรือไม่? มีเหตุผลรองรับว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดนี้
เมื่อความรุนแรงมาถึงตอนจบ มันไม่ได้รุนแรงอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อทำให้เชื่อ ถึงอย่างนั้น ฉันก็หวังว่ามิอิเกะจะไม่พยายามมากเกินไป หลายคนคงสงสัยว่าผลกระทบทางอารมณ์ของหนังเรื่องนี้จะน้อยลงหรือไม่ เพียงเพราะความรุนแรงนั้นรุนแรงน้อยกว่า และฉันคิดว่าคำตอบคือไม่ ความรุนแรงให้ความรู้สึกฟุ่มเฟือยและทำให้ทุกอย่างที่ผ่านมาดูด้อยค่าลงเล็กน้อย มันทำให้หนังเสียหาย แต่โชคดีที่มันไม่ได้ทำลายมัน หนังเรื่องนี้เป็นหนังของผู้ชายที่คิดมาก ซึ่งชื่อเสียงของมันทำให้คุณเชื่อ คนที่เข้ามาดูเพื่อสัมผัสความระทึกขวัญจากฉากเลือดสาดนั้นคงผิดหวังอย่างแน่นอน
paul2001
⭐ 8/10
หนังสยองขวัญแนวอาร์ตเฮาส์ไม่ใช่แนวที่ใครๆ ก็รู้จัก (มีไม่กี่เรื่องในความคิดยกเว้น ‘Don’t Look Now’) แต่ ‘Audition’ ผลงานของทาคาชิ มิอิเกะ ถือเป็นส่วนเสริมที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง การถ่ายทำและการเรียบเรียงที่งดงาม เป็นทั้งดราม่าส่วนตัวที่แฝงไว้ด้วยความละเอียดอ่อน และเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริงที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา ช่วงแรกของหนังเรื่องนี้คล้ายกับผลงานของคล็อด ซอเตต์ ซึ่งมองผ่านความรู้สึกแบบญี่ปุ่น เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายสูงวัยกับหญิงสาวสวย แต่ก็มีบางอย่างที่น่าอึดอัดใจเล็กน้อย ทั้งในแง่ของนิยามของผู้ชายที่มองว่าเป็นคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และในตัวตนที่เขาพบเจอและเติมเต็ม เรื่องราวเริ่มต้นด้วยปริศนา ก่อนจะกลายเป็นเรื่องราวสยองขวัญเต็มรูปแบบ ซึ่งพลังของมันมาจากการปฏิบัติตามกฎเหล็กง่ายๆ นั่นคือ ทำให้ผู้ชมสนใจตัวละครก่อน เข็มเล็กๆ เพียงเข็มเดียวก็น่ากลัวมากได้ หากคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง และด้วยการรักษาความหมายให้คลุมเครือ (ต่างจาก ‘The Shining’ ที่พังทลายลงสู่ความคลั่งไคล้เกินจริงอย่างน่าผิดหวัง) ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงยังคงรักษาอิทธิพลไว้ได้แม้ในช่วงแรกจะสร้างความตกตะลึง
ความรู้สึกคลุมเครือนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคำกล่าวอ้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ว่าเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ฉากเลือดสาดที่แหวกแนว ได้สร้างสรรค์และวิเคราะห์วิสัยทัศน์ของโลก และฉาก “สยองขวัญ” เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพนั้น ผลลัพธ์ที่ได้นั้นชวนหลงใหลอย่างยิ่งยวด และแม้แต่ยังเห็นความคล้ายคลึงกับ ‘Heart of Darkness’ ของคอนราด ในการนำเสนอความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างชายคนหนึ่งกับนรกของ ‘Audition’ ในบางแง่มุม นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์สากล และผมนึกไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร คุณนึกภาพนักแสดงหญิงชาวตะวันตกคนใดพูดบทพูดของเออิฮิ ชินะ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยได้บ้างไหม ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหนังเรื่องนี้กำลังพูดถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง หรือเป็นเพราะว่าหนังดูเหมือนจะสามารถนำเสนอประเด็นนี้ให้คนต่างชาติเข้าใจได้ ส่วนตัวผมเองก็ไม่แน่ใจนัก แม้จะถึงจุดไคลแม็กซ์ของหนังแล้ว ก็ไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ในแง่ของบรรยากาศแล้ว ถือเป็นผลงานชิ้นเอกเลยทีเดียว
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณ “รอด” จาก Audition มาได้ และกำลังมองหาประสบการณ์สุดขั้วคล้ายๆ กัน:
- Oldboy (2003): ผลงานล้างแค้นสุดระทึกจากเกาหลีใต้ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและปมปริศนาที่หักมุมจนผู้ชมต้องอ้าปากค้าง
- Martyrs (2008): หนังสยองขวัญจากฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและเนื้อหาที่ดำดิ่งสู่ปรัชญาความเจ็บปวด (แนะนำสำหรับคนที่ใจแข็งจริงๆ เท่านั้น)
- Gone Girl (2014): แม้จะรุนแรงน้อยกว่ามาก แต่มีธีมหลักคล้ายกันในเรื่องของความสัมพันธ์อันเป็นพิษ และการเผยธาตุแท้ที่น่ากลัวของคนรัก
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีหรือเปล่า?
A: ไม่ใช่ หนังเรื่องนี้ไม่มีผีหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เป็นความสยองที่เกิดจาก “มนุษย์” ล้วนๆ ซึ่งอาจน่ากลัวกว่าหลายเท่า
Q: ระดับความรุนแรงของหนังโหดแค่ไหน?
A: เอาเป็นว่าช่วง 20 นาทีสุดท้ายของหนัง เป็นหนึ่งในฉากที่ถูกกล่าวขานว่าโหดร้ายและทรมานจิตใจผู้ชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ เป็นความรุนแรงที่สมจริง ไม่มีการตัดภาพหนี และเน้นสร้างความทรมานทางจิตใจอย่างถึงที่สุด
Q: ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงโด่งดังและกลายเป็นตำนาน?
A: เพราะมันกล้าที่จะฉีกทุกกฎของหนังสยองขวัญ มันสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความโหด และยังเป็นหนังที่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องและวิพากษ์สังคมได้อย่างเจ็บแสบ ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่หนังขายความแหวะ แต่เป็นงานศิลปะที่ทรงพลังและน่าจดจำ
บทสรุป: Audition ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน และไม่ใช่หนังที่คุณจะเปิดดูเพื่อความบันเทิง แต่มันคือประสบการณ์การดูหนังครั้งสำคัญที่จะทดสอบขีดจำกัดทางอารมณ์ของคุณ หากคุณกล้าพอและเตรียมใจมาดีแล้ว นี่คือผลงานที่คุณต้องดูสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงถูกยกให้เป็น “ตำนาน” สำหรับคอนเทนต์รีวิวหนังดีๆ ทั้งโหดและไม่โหด ติดตามพวกเราได้เสมอ