ดูหนัง Cabin Fever 4 (2016) หนีตายเชื้อนรก
ในป่า ฤๅษีนามเฮนรี่ค้นพบว่าสุนัขของเขาตายจากโรคประหลาดและถูกเลือดของมันพ่นใส่ เพื่อนหนุ่มสาวห้าคน ได้แก่ พอล คาเรน เบิร์ต เจฟฟ์ และมาร์ซี ได้เช่ากระท่อมในป่าเดียวกันเพื่อพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์ กลุ่มเพื่อนได้แวะซื้อของที่ร้านขายของทั่วไป ซึ่งเดนนิส ลูกชายของผู้จัดการร้าน ซึ่งเป็นโรคจิตได้กัดมือของพอลโดยไม่คาดคิด ขณะที่เบิร์ตเข้าไปในป่าเพื่อยิงกระรอก เขาดันไปยิงเฮนรี่โดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อรู้ว่าเฮนรี่ติดเชื้อโรค เขาก็ตกใจกลัวและหนีไปโดยไม่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เย็นวันนั้น ขณะที่กลุ่มคนกำลังนั่งเล่นรอบกองไฟ มีคนแปลกหน้าที่เรียกตัวเองว่า Grim และ สุนัขพันธุ์ เบลเยียมมาลินอยส์ ของเขา ชื่อ Dr. Mambo เข้ามารบกวนเวลาตอนเย็นของพวกเขา คืนนั้นเอง เฮนรี่เดินโซเซเข้าไปในกระท่อมเพื่อขอความช่วยเหลือ เบิร์ตกระแทกประตูใส่หน้าเขา และชายผู้สิ้นหวังก็พยายามขโมยรถของกลุ่ม ความขัดแย้งเกิดขึ้น ระหว่างนั้น เพื่อนทั้งห้าคนทำรถพังโดยไม่ได้ตั้งใจและจุดไฟเผาเฮนรี่ ชายติดเชื้อวิ่งหนีเข้าไปในป่า วันรุ่งขึ้น เจฟฟ์และเบิร์ตออกเดินทางเพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาพบกับชาวนาที่เสนอตัวจะช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขาก็รีบออกไปเมื่อพบว่าเฮนรี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ ในขณะเดียวกัน รองวินสตันมาถึงกระท่อมเพื่อตรวจสอบรายงานเกี่ยวกับความวุ่นวายเมื่อคืนก่อน พอลอธิบายเรื่องต่างๆ โดยไม่ได้กล่าวถึงการเสียชีวิตของเฮนรี่ที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น วินสตันสัญญาว่าจะส่งรถลากมาช่วยก่อนออกเดินทาง ดร. มัมโบกลับมาที่กระท่อมโดยไม่มีกริมและดูเหมือนจะติดเชื้อ เขาขู่พอลและเบิร์ต ก่อนที่มาร์ซีจะขู่เขาด้วยปืนไรเฟิล ขณะที่พอลและคาเรนกำลังจูบกัน พวกเขาก็พบว่าคาเรนติดเชื้อไวรัสกินเนื้อคนและขาของเธอก็เริ่มเสื่อมลง คนอื่นๆ กลัวว่าจะติดเชื้อ จึงขังเธอไว้ในโรงเก็บของ พอลจึงเดินเท้าออกไปหาความช่วยเหลือ แต่มีเพียงคนเดียวที่เขาพบเท่านั้นที่ไล่เขาออกไป โดยเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นทอมที่ชอบแอบดูคนอื่น เช้าวันรุ่งขึ้น ความพยายามอพยพของกลุ่มล้มเหลวเมื่อคาเรนอาเจียนเป็นเลือดไปทั่วภายในรถ ขณะที่เบิร์ตขับรถไปที่ร้านขายของทั่วไปเพียงลำพัง เจฟฟ์ก็ทิ้งทุกคนและหนีไปที่กระท่อมที่ห่างไกล มาร์ซีและพอลคร่ำครวญถึงโอกาสที่พวกเขาจะรอดชีวิตและมีเซ็กส์กันได้น้อย โดยเชื่อว่าพวกเขาจะอยู่ได้ไม่นานพอที่จะเสียใจในภายหลัง พวกเขาพบรอยแผลบนหลังของมาร์ซีซึ่งเผยให้เห็นว่าเธอเองก็ป่วยเช่นกัน
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Gage Golightly / เกจ โกลไลท์ลี่

Matthew Daddario / แมทธิว ดาแดริโอ

Nadine Crocker / นาดีน คร็อคเกอร์

ผู้กำกับ เทรวิส ซี
รีวิวหนัง Cabin Fever 4 (2016) หนีตายเชื้อนรก
หมื่นทิพ
⭐ 5/10
จำได้ว่าผมดู Cabin Fever ภาคแรกแค่ภาคเดียวครับ ดูครั้งเดียวเลย สมัยนั้น VCD ยังครองตลาดอยู่ ส่วนภาค 2 กับ 3 ยังไม่ได้ดู เลยออกจะแปลกใจพอสมควรตอนรู้ว่ามีฉบับรีเมคออกมา ที่แปลกใจคือมันเหมือนๆ กับว่าเราเพิ่งดูภาคต้นฉบับไปเมื่อไม่นานนี้เองนะ นี่รีเมคอีกแล้วเหรอ แต่พอนับนิ้วไล่ดูก็พบว่าภาคแรกทำปี 2002 ส่วนตอนนี้ปี 2016 ปลายๆ เบ็ดเสร็จก็ 14 ปีแล้ว… นี่นานขนาดนี้แล้วหรือนี่ (แล้วความรู้สึก “ชรา” ก็ถามหาโดยพลัน 555) จริงๆ ก็พอเข้าใจครับกับการเอาเรื่องนี้มารีเมค เพราะหนังก็มีองค์ประกอบครบทั้ง Sex และ Violence ใจก็คิดครับว่าหนังคงเพิ่มดีกรีความสยองลงไปอีกตามสไตล์ และผลก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ฉบับนี้ก็มาพล็อตเดิมครับ เหล่าวัยรุ่นไปเที่ยวพักผ่อนที่กระท่อมกลางป่า ก่อนจะพบว่ารอบๆ บริเวณนั้นมีเชื้อนรกกินเนื้อคนแพร่กระจายอยู่ พวกเขาก็ติดเชื้อทีละคนครับ แล้วก็ทยอยตายกันไป ที่เหลือก็แค่ลุ้นว่า สรุปจะมีคนรอดมาสักคนไหม จริงๆ พล็อตมันมาทางเดียวกับ The Evil Dead เหมือนกันนะครับ พนุ่มสาวไปเที่ยวกลางป่า แล้วก็เจอเรื่องสยอง เพียงแต่แทนที่จะเจอผีก็กลายเป็นเจอเชื้อสยองแทน เรียกว่าสูตรคล้ายกัน แต่ปรับเครื่องปรุงหน่อยนั่นเอง ฉบับนี้ จุดเด่นคือภาพคมชัดครับ อันนี้เป็นข้อได้เปรียบของหนังสมัยใหม่อยู่แล้ว ภาพมันคนมัน HD กว่ากันเยอะ ก็ยอมรับครับว่าภาพถ่ายออกมาได้สวยนะ พวกฉากธรรมชาติป่าเขามันดูสวยงามมากๆ เลย แม้นี่จะเป็นหนังสยอง แต่คนชอบดูสารคดีภาพธรรมชาติอย่างผม ก็รู้สึกชอบภาพป่าไม้เขียวสดที่หนังเรื่องนี้ถ่ายมาเหมือนกัน ในแง่ความสยอง หนังมาชัดจัดเต็มกว่าของเก่าครับ เรียกว่าของเดิมมันก็แหวะอยู่นะ แต่มาอันนี้หนังแหวะขึ้น เลือดสดๆ เยอะแยะ แต่ถ้าถามว่าสยองไหมก็คงขึ้นกับเส้นของแต่ละคนน่ะครับ หากเป็นคนขวัญอ่อน มันก็น่าจะถือว่าสยองจนเบือนหน้าหนีเหมือนกัน
ส่วนผม ก็รู้สึกว่ามันแหวะเยอะอยู่ครับ แล้วก็หวาดเสียวไม่น้อย จริงๆ มันหวาดเสียวเพราะฤทธิ์ของเชื้อมันน่ากลัวดี ใครติดเชื้อนอกจากเนื้อตัวจะเป็นแผลแหวะแล้ว เนื้อยังหลุดได้อีก ก็น่าขนลุกอยู่ครับ แต่สำหรับคอหนังโหดก็อาจจะเฉยๆ ก็ได้ ตัวหนังก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ อย่างที่บอกว่าภาพสวยดี ส่วนเนื้อเรื่องก็เดาได้ไม่ยาก ความสยองแหวะก็ถือว่าไม่น้อย เพียงแต่มันอาจไม่ได้แปลกใหม่อะไรมาก ถ้าเป็นคอหนังแนวนี้อาจจะโอเค (ยกเว้นดูแนวนี้มามากจนเริ่มเบื่อก็เป็นอีกเรื่อง) แต่ในแง่ความตื่นเต้นก็อาจไม่ถึงขั้นไหลมาเทมา Eli Roth ผู้กำกับภาคแรกมาอำนวยการสร้างให้ในภาคนี้ครับ ซึ่งก็รู้สึกว่าหลังๆ พี่แกจะเวียนวนกับการรีเมคนะ ทั้งเอาหนังเก่ามากำกับใหม่ อย่าง Knock Knock ก็เป็นการเอาหนังเก่าปี 1977 มาทำใหม่ แล้วล่าสุดก็จับงานรีเมค Death Wish ด้วย ส่วนเรื่องนี้พี่ท่านก็มาช่วยสร้าง แล้วปล่อยให้คนอื่นกำกับไป หนังมีการแอบคารวะ The Shining ฉบับ Stanley Kubrick ด้วยครับ กับฉากตอนต้นๆ ที่กล้องแพนไล่ภาพรถวิ่งไปตามถนน ดนตรีที่เราได้ยินในซีนนั้นก็คือดนตรีเปิดของ The Shining นั่นแหละ สรุปว่าคอหนังสยองหากอยากลองลิ้มก็ได้ครับ ดูเอาเพลินตามสไตล์หนังแหวะได้ แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก โดยรวมๆ แล้วผมยังรู้สึกว่าภาคต้นฉบับทำได้น่ากลัวพอเหมาะและตรงจุดกว่าหน่อยครับ คือไม่ได้แหวะอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องอารมณ์ความสลดผสมลงมาด้วย (ส่วนหนึ่งอาจเพราะดาราชุดก่อน ดูจะแสดงได้ถึงกว่าชุดนี้น่ะครับ)
จิบชา รับลม กับมิสเตอร์ อเมริกัน
กลุ่มวัยรุ่น 5 คนเดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศในชนบทแห่งหนึ่ง โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่า มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในป่านั้น เชื้อนรกที่อันตรายยิ่งกว่าสิ่งใดกำลังแพร่ระบาด พวกเขาต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ ท่ามกลางสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนของเขาค่อย ๆ ติดเชื้อกันทีล่ะคน ใครจะรอดเป็นคนสุดท้ายกันแน่ ในที่สุดก็ได้ชมกันเสียทีครับ สำหรับภาครีเมคของ Cabin Fever ผลงานแจ้งเกิดของผู้กำกับจอมซาดิสต์อย่าง อีไล รอธ จาก Hostel และ The Green Inferno ที่คราวนี้เจ้าตัวนำมารีเมคใหม่เอง โดยส่งไม้ต่อให้กับ Travis Zariwny โปรดักชั่นดีไซน์มือดีจากหนังสยองหลายเรื่องมารับหน้าที่กำกับแทน ซึ่งแน่นอนว่า หลายคนเลิกคิ้วสงสัยว่า ทำไม Cabin Fever ถึงมาโดนรีเมค คำตอบคือ มันเกิดขึ้นด้วยเหตุผลทางลิขสิทธิ์ครับ ย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 2002 อีไล รอธ ตอนนั้นได้ทำหนังเรื่องนี้ขึ้นด้วยทุนสร้าง เพียง 1500000 เหรียญเท่านั้น ก่อนทำเงินไปทั่วโลกกว่า 22 ล้านส่งชื่อของอีไล รอธ เป็นผู้กำกับหนังสยองขวัญที่ทุกคนจับตาโดยทันที ทว่า สิ่งที่รอธต้องเสียใจคือ การขายลิขสิทธิ์ทั้งหมดให้กับค่ายหนังไปนั้นหมายความว่า ค่ายหนังจะนำหนังเรื่องนี้ไปต่อยังไงก้ได้ (ซึ่งรอธยอมรับว่า เขาไม่มีแต้มต่อในตอนนั้นเลยต้องขายมันไป) หลังจากนั้นหนังก็มีภาคต่อตามมาอีก 2 ภาค ซึ่งเรารู้กันว่า ไม่มีภาคใดประสบความสำเร็จเท่านี้ แถมมีสภาพเป็นหนังประเภทสร้างมาทำไมด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้เอง อีไลรอธที่ปัจจุบันมีแต้มต่อในการทำหนังมากแล้วจึงตัดสินใจซื้อหนังเรื่องนี้กลับมาแล้วรีเมคมันใหม่อีกครั้งที่เพื่อยืนยันลิขสิทธิ์ว่า นี่คือ หนังของตูเว้ย !!
ไม่ต้องแปลกใจว่า นี่คือสาเหตุที่หนังภาคนี้ถูกสร้างขึ้นอิงจากบทภาพยนตร์เดิมในปี 2002 เกือบทกกระเบียดนิ้ว มีเพียงการเพิ่มบริบทยุคใหมเข้าไปเช่นการเซลฟี่ หรือ ตัวละครเด็กสวมชุดกระต่ายเข้าไปเพิ่มเติม แน่นอนว่า ไคล์แม็กซ์ของหนังยังคงเป็นฉากติดเชื้อที่ชวนสะอิดสะเอียดชวนอ้วกได้อย่างน่าตื่นตะลึง ต้องยอมรับว่า เทคนิคปัจจุบันทำให้หนังมันชวนอ้วกมากกว่าเดิมเยอะ แต่ก็อีกว่า การรีเมคครั้งนี้ทำให้เราพบว่า Cabin Fever ภาคเก่ามันน่ากลัวจริง ๆ เพราะ การที่เปลี่ยนบริบทกระท่อมใหม่ การใส่ให้ตัวละครทั้งสองฝ่ายร้ายพอกันทำให้หนังมันเฉยชา ทั้งที่ภาคเก่าคือหนังสยองขวัญที่ให้เราเห็นความน่ากลัวของบ้านนอกได้อย่างชัดเจน ภาคนี้กลับให้สองฝ่ายร้ายพอกันซะงั้น ส่งผลให้ความเข้มข้นนี้หายไป และ ความที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครดีกว่ากันก็ส่งผลให้หนังมันลดความสนุกตรงนี้ไปแบบน่าเสียดาย กระนั้นเองก็ยอมรับว่า Cabin Fever เป็นหนังสยองขวัญที่แสดงให้เห็นว่า ความตายอยู่ใกล้ตัวแค่ใด และหนังก็คารวะหนังภาคเก่าได้อย่างเต็มที่ด้วยการบอกเราว่า ฟ้าผ่าซ้ำสองได้เสมอ รวม ๆ แล้ว Cabin Fever ภาคนี้ไม่ได้ย่ำแย่เลย มันสนุกและเพลินดี แต่ข้อเสียก็คือ การมีมันยิ่งช่วยให้เราร้สึกหวงแหนหนังภาคแรกได้ดีขึ้นและที่สำคัญภาคแรกจบได้ตราตรึงกว่าเยอะ รวมแล้วเป็นงานที่น่าเอามานั่งดูเพลิน ๆ เลยครับ