ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
ผู้กำกับ: โรเบิร์ต รอดริเกซ (Robert Rodriguez)
ผู้เขียนบท: เควนติน แทแรนติโน (Quentin Tarantino)
นักแสดงนำ:
จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) รับบท เซธ เก็คโค่
เควนติน แทแรนติโน (Quentin Tarantino) รับบท ริชาร์ด “ริชชี่” เก็คโค่
ฮาร์วีย์ ไคเทล (Harvey Keitel) รับบท เจค็อบ ฟูลเลอร์
จูเลียต ลูอิส (Juliette Lewis) รับบท เคท ฟูลเลอร์
ซัลมา ฮาเย็ค (Salma Hayek) รับบท ซานตานิโค แพนเดโมเนียม (ราชินีแวมไพร์)
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง
รีวิวภาพรวม: หนังคัลท์คลาสสิกที่บ้าและสร้างสรรค์
From Dusk Till Dawn 1 คือภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม การเปลี่ยนแนวจากหนังอาชญากรรมสุดเท่ไปเป็นหนังสยองขวัญ-แอ็กชันสุดบ้าคลั่งกลางเรื่อง คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำ
หนังเต็มไปด้วยลายเซ็นของ เควนติน แทแรนติโน ทั้งบทสนทนาสุดกวน, ตัวละครที่มีมิติ, และความรุนแรงที่มีสไตล์ ในขณะที่ โรเบิร์ต รอดริเกซ ก็มอบการกำกับที่เต็มไปด้วยพลังงานและฉากแอ็กชันที่ดุเดือดสะใจ การแสดงของ จอร์จ คลูนีย์ ในบทอาชญากรสุดเท่นั้นยอดเยี่ยมและแจ้งเกิดให้เขากลายเป็นแอ็กชันสตาร์ได้อย่างเต็มตัว
นี่คือหนังเกรดบีที่สร้างด้วยใจรักและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เป็นผลงานที่คอหนังตัวจริงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
คะแนนจากนักวิจารณ์:
IMDb: 7.2/10
Rotten Tomatoes: 62% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
ShadowKnuxx
⭐ 8/10
ผมชอบหนังเรื่องนี้นะ แต่ตอนจบผมงงๆ นิดหน่อยกับสิ่งที่เพิ่งดูไปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวไหน หนังเรื่องนี้เริ่มต้นแบบหนังของทารันติโนที่เน้นสไตล์เอสไควร์มาก เห็นได้ชัดว่าเขาเขียนบทหนังเรื่องนี้เพราะมีบทสนทนาอันโด่งดังของเขาอยู่ด้วย เป็นหนังระทึกขวัญอาชญากรรมที่สนุก คล้ายๆ กับผลงานอื่นๆ ของทารันติโน (เช่น Pulp Fiction และ Reservoir Dogs) แต่มีกลิ่นอายของโรเบิร์ต โรดริเกซแทรกอยู่ในฉากแอ็คชั่น แล้วพอเหลือเวลาอีกประมาณ 50 นาที สไตล์ของหนังก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง จากหนังระทึกขวัญอาชญากรรมสุดเท่ กลายเป็นหนังแอ็คชั่นแวมไพร์แบบสุ่มๆ ราวกับว่าทารันติโนเดินออกจากห้องเขียนบทไป แล้วมีคนเขียนบทที่เหลือให้เขา หนังสูญเสียเสน่ห์แบบทารันติโนไป กลายเป็นหนังแวมไพร์ที่เดาทางได้ เลือดสาด มันส์ๆ แบบนี้ ผมเป็นแฟนหนังแวมไพร์อยู่แล้ว เลยยังชอบหนังเรื่องนี้อยู่ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงไม่ชอบ การแสดงมีคุณภาพสูง โดยเฉพาะจากจอร์จ คลูนีย์ ที่แสดงได้เหนือกว่าตัวเอง และมีส่วนช่วยกอบกู้หนังเรื่องนี้ไว้ได้ 8/10 – ดูด้วยใจที่เปิดกว้าง
great_sphinx
⭐ 8/10
ใครก็ตามที่พยายามจะวิจารณ์หนังเรื่องนี้อย่างจริงจังต้องใจเย็นๆ หน่อย จอร์จ คลูนีย์ และเควนติน แทแรนติโน คือพี่น้องเก็กโก สองหนุ่มสุดแสบที่กำลังเดินทางไปเม็กซิโก ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับนักเทศน์ที่รับบทโดยฮาร์วีย์ ไคเทลและลูกๆ สองคน ทั้งคู่มีกำหนดจะไปพบกับคู่หูที่บาร์ชื่อ The Titty Twister และเมื่อไปถึงที่นั่น ความบ้าคลั่งก็เกิดขึ้น จากนั้นเรื่องราวก็พลิกผันไปอย่างที่หลายคนอาจรู้สึกหงุดหงิด แต่ส่วนตัวแล้วผมว่าสนุกมาก หนังดำเนินเรื่องเหมือนหนังทั่วไปของแทแรนติโน แล้วก็… ปัง! ทันใดนั้นก็ปรากฏชัดว่าสองหนุ่มสุดแสบนี้ไม่ได้แย่ที่สุดในบาร์ *แห่งนี้* เลย ทั้งหมดนี้สามารถ-และ*จะ*เกิดขึ้น หากผู้ชมมีทัศนคติที่ดี- เรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถ-และ*จะ*เกิดขึ้น เหมือนการไฮไฟว์หนังซอมบี้ยุค 70s เป็นการยกย่องความสนุกแบบบ้าๆ บอๆ ของหนังเหล่านั้น บทสนทนาของหนุ่มดุดันยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งเรื่อง ความรุนแรงนั้นน่าทึ่ง และเราได้เห็นผ่านเคท ลูกสาวของนักเทศน์ รับบทโดยจูเลียตต์ ลูอิส ว่าบางครั้งสาวพรหมจารีขี้โมโหถือหน้าไม้ก็ยังสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมาพร้อมกับเพลงประกอบสุดเท่สไตล์ไบค์เกอร์บาร์ และซัลมา ฮาเยกในชุดบิกินี่ แล้วจะไม่ชอบได้ยังไงล่ะ?
rubenvanbergen
⭐ 7/10
ผมนั่งดูหนังเรื่องนี้โดยไม่มีอคติใดๆ เลย ตามที่มีคนแนะนำมา ซึ่งกลายเป็นคำแนะนำที่ดีมาก เพราะมันทำให้การหักมุมกลางเรื่องดูน่าประหลาดใจสุดๆ และยิ่งทำให้สนุกขึ้นไปอีก (ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอเตือนสปอยล์ไว้ก่อน เพราะถึงแม้จะรู้ว่ามีการหักมุมก็อาจทำให้คนดูเสียอรรถรสได้) โดยพื้นฐานแล้ว คุณจะถูกโยนจากหนังเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง โดยมีตัวละครหลักเป็นเส้นสายเดียวที่เชื่อมโยงทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน เนื้อเรื่องเกือบทั้งหมดตั้งแต่ 30 นาทีแรกถูกทำให้ดูไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งผมคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก ปกติแล้วคุณจะรู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปทางไหน ถ้าจุดประสงค์คือให้ตัวเอกเดินทางไปยังภูเขาไฟและโยนแหวนลงไป คุณก็รู้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ คุณรู้สึกได้ถึงความระทึกขวัญ และความไม่อยากจะเชื่อบางอย่างที่ทำให้คุณยังคงรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเกิดสถานการณ์อันตรายขึ้น แต่ในระดับ “เมตา” มากขึ้น คุณจะรู้ว่าโฟรโดจะไม่ตายในหนังสือ/ภาพยนตร์เรื่องแรกอย่างไร
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดความคาดหวังนั้นออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา From Dusk Till Dawn 1 แต่น่าเสียดายที่คอนเซ็ปต์ของเรื่องไม่ได้จบลงอย่างน่าพึงพอใจ หลังจากปล่อยเหล่าสัตว์ประหลาดออกมาแล้ว ก็มีช่วงเวลาประมาณ 10 นาทีที่หนังสามารถรับมือกับความไร้สาระของการเปลี่ยนเกียร์นี้ได้ แต่กลับพบว่าตัวเองต้องกำจัดแวมไพร์จำนวนหนึ่ง และต้องวางแผนปมปมให้จบ และด้วยความที่ยังคงยืนกรานที่จะยกย่องหนังเลือดสาดราคาถูก ความตึงเครียดที่ก่อตัวขึ้นในครึ่งแรกของเรื่องจึงถูกคลี่คลายลงอย่างไร้จุดหมาย และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็แทบจะถูกรีเซ็ตใหม่ ซึ่งทำให้หนังขาดการเชื่อมโยงระหว่างสองเรื่องราว รวมถึงจุดจบที่เหมาะสม ถึงกระนั้น มันก็ยังคงเป็นหนังคัลท์คลาสสิกที่สนุกสนานยาวนานถึง 90 นาที และเป็นหนังคัลท์คลาสสิกที่พลาดไม่ได้
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแอ็กชัน-สยองขวัญที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
Reservoir Dogs (1992) ขบวนปล้นไม่ถามชื่อ : ผลงานแจ้งเกิดของผู้กำกับ เควนติน แทแรนติโน ที่ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มโจรที่การปล้นผิดแผน
Planet Terror (2007) โคโยตี้ แข้งปืนกล : ผลงานของผู้กำกับ โรเบิร์ต รอดริเกซ ที่คารวะหนังซอมบี้เกรดบีได้อย่างถึงใจ
Shaun of the Dead (2004) รุ่งอรุณแห่งความวาย(ป่วง) : หนังซอมบี้-คอมเมดี้จากฝั่งอังกฤษที่ทั้งฮาและอบอุ่นหัวใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หนังเรื่องนี้มีภาคต่อหรือไม่?
A: มีครับ! จากความสำเร็จของภาคแรก ทำให้มีภาคต่อที่สร้างลงวิดีโอตามออกมาอีก 2 ภาค คือ From Dusk Till Dawn 2: Texas Blood Money (1999) และ From Dusk Till Dawn 3: The Hangman’s Daughter (1999) ซึ่งเป็นภาคปฐมบท นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่นำมารีเมคใหม่อีกด้วย
Q: ทำไมหนังถึงเปลี่ยนแนวกลางเรื่องแบบนั้น?
A: เป็นความตั้งใจของผู้สร้างที่ต้องการจะสร้างความประหลาดใจและ “หักหลัง” ความคาดหวังของผู้ชมอย่างจงใจ ซึ่งเป็นสไตล์ที่โดดเด่นของทั้งแทแรนติโนและรอดริเกซครับ
Q: ซัลมา ฮาเย็ค ในฉากเต้นกับงู เป็นที่จดจำมากจริงหรือ?
A: จริงครับ! ฉากที่ ซัลมา ฮาเย็ค ในบท “ซานตานิโค แพนเดโมเนียม” เต้นรำกับงูเหลือมนั้น ได้กลายเป็นหนึ่งในฉากที่ “ไอคอนิก” และเซ็กซี่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ และเป็นภาพจำของหนังเรื่องนี้ไปโดยปริยาย