ดูหนัง I Am Legend (2007) ข้าคือตํานานพิฆาตมหากาฬ
ทุกท่าน! “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณคือคนเดียวที่เหลือรอด… ในเมืองที่เต็มไปด้วยอสูรกายกระหายเลือด?” นี่คือพล็อตเรื่องสุดคลาสสิกที่ถูกนำมาเล่าใหม่ได้อย่างยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวใน I Am Legend ภาพยนตร์ที่จะทำให้การ “ดูหนัง” ของคุณในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ทั้งกดดัน, ลุ้นระทึก, และสะเทือนอารมณ์อย่างถึงที่สุด นี่คือหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของ วิลล์ สมิธ ที่คุณห้ามพลาด!
เรื่องย่อ
สามปีหลังจากไวรัสร้ายที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษามะเร็งเกิดการกลายพันธุ์และแพร่ระบาดไปทั่วโลก… มันได้คร่าชีวิตมนุษยชาติส่วนใหญ่ไป และเปลี่ยนผู้ที่รอดชีวิตจำนวนมากให้กลายเป็น “ดาร์กซีกเกอร์” (Darkseekers) อสูรกายกลายพันธุ์สุดดุร้ายที่หวาดกลัวแสงอาทิตย์และออกล่าเหยื่อในยามค่ำคืน
โรเบิร์ต เนวิลล์ (วิลล์ สมิธ) นักวิทยาศาสตร์การทหาร คือ “มนุษย์คนสุดท้าย” (เท่าที่เขารู้) ที่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสนี้ เขายังคงใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวในซากปรักหักพังของนครนิวยอร์ก โดยมีเพียง แซม สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดคู่ใจเป็นเพื่อน
ในเวลากลางวัน เขาออกสำรวจเมืองร้าง, ล่าสัตว์, และส่งสัญญาณวิทยุเพื่อตามหาผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ พร้อมกับพยายามคิดค้น “เซรุ่ม” ที่จะสามารถรักษาเหล่าดาร์กซีกเกอร์ให้กลับมาเป็นมนุษย์ได้ แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน… เขาต้องกลับไปขังตัวเองอยู่ในบ้านที่แน่นหนา และเผชิญหน้ากับเสียงกรีดร้องและความน่าสะพรึงกลัวของเหล่าอสูรกายที่ออกมาเพ่นพ่านทั่วเมือง
ความหวังเริ่มเลือนรางลงทุกขณะ เขาต้องต่อสู้ไม่เพียงแต่กับเหล่าดาร์กซีกเกอร์ แต่ยังต้องต่อสู้กับ “ความเหงา” และ “ความบ้าคลั่ง” ที่ค่อยๆ กัดกินจิตใจของเขา จนกระทั่งการปรากฏตัวของผู้รอดชีวิตอีกสองคนได้จุดประกายความหวังครั้งสุดท้าย… หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหม่ movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
- วิลล์ สมิธ (Will Smith) รับบทเป็น โรเบิร์ต เนวิลล์: การแสดงที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ! เขาถ่ายทอดความเหงา, ความสิ้นหวัง, และจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของตัวละครออกมาได้อย่างน่าทึ่งและน่าเอาใจช่วยอย่างยิ่ง
- แซม (สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด): คือนักแสดงสมทบที่ยอดเยี่ยมที่สุด และเป็นหัวใจสำคัญทางอารมณ์ของเรื่อง
- ผู้กำกับ: ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ (Francis Lawrence) (ผู้กำกับจาก Constantine และไตรภาค The Hunger Games)
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
I Am Legend คือภาพยนตร์ไซไฟ-สยองขวัญที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าจดจำ
- ภาพนิวยอร์กที่ล่มสลาย: จุดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งคือ “งานภาพ” ที่น่าทึ่ง การสร้างภาพนครนิวยอร์กที่รกร้าง, ถูกธรรมชาติทวงคืน, และเต็มไปด้วยซากปรักหักพังนั้น ทำออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่และน่าขนลุก
- การแสดงที่ทรงพลัง: อย่างที่กล่าวไป การแสดงของ วิลล์ สมิธ คือทุกสิ่งทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ มันคือการแสดงที่ต้องเล่นคนเดียวเกือบทั้งเรื่อง และเขาก็ทำมันได้อย่างไร้ที่ติ
- ความกดดันและความเหงา: หนังเรื่องนี้สร้างบรรยากาศของ “ความโดดเดี่ยว” และ “ความสิ้นหวัง” ได้อย่างยอดเยี่ยม เราจะรู้สึกได้ถึงความเงียบที่น่าสะพรึงกลัวในตอนกลางวัน และความตึงเครียดที่อันตรายในตอนกลางคืน
- ตอนจบสองแบบ!: จุดนี้สำคัญมาก! หนังเรื่องนี้มี “ตอนจบสองแบบ” คือเวอร์ชั่นที่ฉายในโรงภาพยนตร์ และเวอร์ชั่น Alternate Ending (มักจะอยู่ใน Director’s Cut หรือ Blu-ray) ซึ่ง ตอนจบแบบ Alternate นั้น “แตกต่าง” และ “ลึกซึ้ง” กว่ามาก มันเปลี่ยนความหมายของหนังทั้งเรื่อง และใกล้เคียงกับเจตนารมณ์ของนิยายต้นฉบับมากกว่า ขอแนะนำอย่างยิ่งให้หาเวอร์ชั่น Alternate Ending มาดู!
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 7.2/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ที่ 68% (Certified Fresh)
leoncielo
⭐ 6/10
ปกติแล้วผมจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสักเรื่องหลังจากดูจบแล้ว ผมสามารถครุ่นคิดได้สักพักแล้วก็จบเรื่อง หนังจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ยอดเยี่ยม’ ‘ค่อนข้างดี’ ‘หนังแย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา’ หรือหมวดหมู่อื่นๆ อีกมากมาย แต่ไม่ใช่กับ ‘I Am Legend’ ผมจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ผมรู้สึกหงุดหงิดกับหนังเรื่องนี้คือเมื่อไหร่ หนังมีศักยภาพที่จะยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้ แต่กลับพังทลายลงในช่วงสามส่วนสุดท้ายของหนัง มีแต่หนังบล็อกบัสเตอร์/ซอมบี้สุดฮิตที่มนุษย์คุ้นเคย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนังเรื่องนี้สร้างบรรยากาศอันยอดเยี่ยมของนิวยอร์กในยุคหลังหายนะ และต้องใช้ความอดทนอย่างมากเมื่อตัวละครของวิลล์ สมิธเริ่มคลี่คลาย ขณะที่สัตว์ประหลาดรอบตัวเขาเริ่มก้าวร้าวและฉลาดขึ้น
ก่อนจะไปดูหนัง ผมได้ลองค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือที่หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือดูบ้าง และเหตุผลที่หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวคลาสสิกที่โด่งดังก็เพราะการหักมุม มุมมอง และตอนจบที่ชวนหดหู่ สิ่งที่คุณจะได้รู้จากหนังสือคือ เนวิลล์คือมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกจริงๆ และสังคมที่เหลือตอนนี้กลายเป็นซอมบี้/แวมไพร์ไปแล้ว ความสามารถของเนวิลล์ในการเดินไปมาตอนกลางวันแล้วฆ่าพวกมันได้ ทำให้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาด เขาคือคนที่พวกมันกลัว เขาคือตัวร้าย และพวกมันจะไม่ยอมหยุดเพื่อกำจัดเดย์วอล์คเกอร์ผู้ล่าพวกมัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผมประทับใจมากที่หนังดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปในทิศทางนั้น ด้วยความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์อย่างแรงกล้าของซอมบี้หัวขาดที่มีต่อเนวิลล์ราวกับว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว (และบางทีซอมบี้ที่เนวิลล์จับได้อาจเป็นคนรักของเขา ซึ่งทำให้ซอมบี้กลายเป็น ‘สังคม’ จริงๆ ไม่ใช่แค่ ‘หิวกระหายเนื้อ’ หนังเรื่องนี้แทบจะพังพินาศเมื่อวิลล์ สมิธตัดสินใจหลังจากฆ่าหมาตัวเองว่าจะไปทำภารกิจฆ่าตัวตายที่ท่าเรือ พร้อมกับเล่นเกม Destruction Derby กับเอ็กซ์พลอเรอร์ของเขา ความระทึกขวัญและความหวาดกลัวที่ชวนขนลุกจนแทบนั่งไม่ติดที่ถูกสร้างขึ้นอย่างยอดเยี่ยมด้วยฉากในธนาคารร้าง และเสียงสุนัขซอมบี้
ที่ส่งเสียงร้องโหยหวนเพื่อรอเวลาแสงสุดท้ายที่จะดับสูญ ประกอบกับเอฟเฟกต์บรรยากาศชวนขนลุกที่แฝงอยู่ตลอดทั้งเรื่อง หลุดลอยออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้เราพบว่าตัวเองอยู่ใน ’28 Days Later’ ทันที เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มาไล่ซอมบี้ที่โกรธจัด 100 ตัว (ซึ่งเพิ่งจะระเบิดรถบรรทุก UV ของเขาจนพังพินาศ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะแต่งตัวได้ดีกว่าทหาร/นักวิทยาศาสตร์ผู้มากความสามารถ) แบกวิลล์ สมิธ ซึ่งหนักกว่าเธอสองเท่า ขึ้นรถ และพาพวกเขาไปยังที่ปลอดภัยอย่างไร้ทางรอด
เราจึงพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดอย่างเหลือเชื่อกับสาวบราซิลและลูกชายสุดสยองจากโคลัมไบน์ของเธอ พร้อมกับคำอุปมาอุปไมยแบบบ็อบ มาร์เลย์ที่ซ้อนทับบทสนทนาที่แสนแย่ แทนที่จะเป็นไคลแม็กซ์บรรยากาศอันน่าระทึกขวัญในความมืดมิด หายใจหอบถี่ เลือดสาดวาบ และหัวใจเต้นแรง เรากลับเหลือเพียงฉากระเบิด CG เชยๆ ซอมบี้รุมกระทืบคน ไม่มีใครพกปืนไว้เลยทั้งๆ ที่มีซอมบี้ประมาณ 50 ตัวกระจายอยู่ทั่วบ้าน และความผิดพลาดโง่ๆ อื่นๆ ของหนังสยองขวัญ/แอ็คชั่น ในที่สุดเราก็พบว่าเนวิลล์ถูกผลักจนล้ม หัวหน้าซอมบี้ถูกแยกออกจากคอของสมิธด้วยเศษกระจกที่แตกละเอียดเป็นนิ้ว ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้
จะกอบกู้สถานการณ์ด้วยการหักมุมสุดเหวี่ยง บทสรุปอันน่าสยดสยอง หรืออย่างแย่ที่สุดก็คือการปูเรื่องที่ซับซ้อนจากยี่สิบนาทีแรกของหนังที่ถูกดึงออกมาจากหลุมดำของนักเขียนบทเพื่อนำมาเล่นในเรื่องนี้ (ส่วนตัวฉันคิดว่าเขาน่าจะปลุกซอมบี้สาวที่เขากำลังรักษาอยู่ได้ แล้วดูว่าปฏิกิริยาของซอมบี้อัจฉริยะจะทำให้เกิดปฏิกิริยาอะไรขึ้นมา หรืออาจจะมีการสื่อสารระหว่างเนวิลล์กับศัตรูของเขา ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่าฉลาดปานกลาง) ฉันมันโง่ที่คาดหวังอะไรอย่างอื่นนอกจาก ‘เฮ้ ซ่อนตัวอยู่ในปล่องไฟซะ ฉันจะระเบิดตัวเอง’ อย่าให้ฉันเริ่มพูดถึงดินแดนยูโทเปียในเวอร์มอนต์เลย จริงจังนะ คุณจะบอกฉันว่าซอมบี้ 1 ล้านตัวไม่สามารถบุกกำแพงสูง 20 ฟุตที่กินพื้นที่ประมาณ 2 ไมล์ได้งั้นเหรอ พระเจ้า ฉันน่าจะเขียนตอนจบที่ดีกว่านี้ไว้บนกระดาษเช็ดปากค็อกเทลภายใน 20 นาทีได้
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณหลงใหลในหนังแนว Post-Apocalyptic หรือการเอาชีวิตรอด เราขอแนะนำ:
- 28 Days Later (2002) 28 วันให้หลัง เชื้อเขมือบคน: หนังซอมบี้ (หรือผู้ติดเชื้อ) วิ่งเร็วสุดคลาสสิก ที่มีบรรยากาศกดดันไม่แพ้กัน
- Children of Men (2006) พลิกวิกฤต ขีดชะตาโลก: อีกหนึ่งมาสเตอร์พีซของหนังแนวดิสโทเปียที่สมจริงและหม่นหมอง
- The Omega Man (1971): หนังที่ดัดแปลงจากนิยาย I Am Legend เรื่องเดียวกันในเวอร์ชั่นก่อนหน้า
- Cast Away (2000) คนหลุดโลก: หากคุณชื่นชอบการแสดงของคนที่ต้องอยู่คนเดียวและต่อสู้กับความเหงา
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือเหรอ?
A: ใช่ สร้างจากนวนิยายไซไฟ-สยองขวัญสุดคลาสสิกในชื่อเดียวกันของ “ริชาร์ด แมทเธสัน” (Richard Matheson) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1954 และเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังซอมบี้และหนังวันสิ้นโลกยุคหลังๆ มากมาย
Q: ตัวประหลาดในเรื่องคือซอมบี้หรือเปล่า?
A: ไม่ใช่ซอมบี้ พวกเขาคือ “มนุษย์กลายพันธุ์” ที่เรียกว่า “ดาร์กซีกเกอร์” ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส พวกเขายังมีชีวิต, มีสติปัญญาในระดับหนึ่ง, และมีความรู้สึก (ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญใน Alternate Ending)
Q: ทำไมต้องดู Alternate Ending?
A: เพราะมันเปลี่ยน “ความหมาย” ของชื่อเรื่อง I Am Legend ไปอย่างสิ้นเชิง ในตอนจบฉบับฉายโรง เนวิลล์คือตำนานในฐานะผู้เสียสละ แต่ใน Alternate Ending เขาคือ “ตำนาน” ในสายตาของเหล่าดาร์กซีกเกอร์… ในฐานะ “ปีศาจ” ที่คอยลักพาตัวและทดลองพวกมัน ซึ่งใกล้เคียงกับสาระสำคัญของนิยายต้นฉบับมากกว่ามาก
บทสรุป: I Am Legend คือภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่ทั้งยิ่งใหญ่, น่าตื่นเต้น, และสะเทือนอารมณ์อย่างลึกซึ้ง เป็นการแสดงระดับมาสเตอร์พีซของ วิลล์ สมิธ และเป็นหนัง Post-Apocalyptic ที่คุณไม่ควรพลาด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวอร์ชั่น Alternate Ending!)